วันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อ่านละครหงส์สะบัดลาย ตอนที่2 วันที่12 ส.ค. 55

เมื่อศิวัชกับปฏิพรขึ้นจากสระน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จสรรพ ธำรงก็เรียกทั้งคู่มาแนะนำให้รู้จักกันอย่างเป็นทางการอีกครั้ง สาวน้อยนั้นเป็นถึงลูกสาวนายพลทวี

“ขอโทษอีกครั้งนะครับ พี่รีบไปหน่อยเลยไม่ทันระวัง”

“ช่างมันเถอะค่ะ ถือว่าเป็นการแนะนำตัวแบบใหม่ก็แล้วกันนะคะ พี่ศิวัช” ปฏิพรทำเอียงอาย

ธำรงหันมายิ้มกับนายพลทวี วาดหวังจะได้เป็นทองแผ่นเดียวกันในไม่ช้า นายพลรู้ใจรีบออกปาก

“ตี้น่ะ เขาเพิ่งเรียนจบและกลับมาจากอเมริกา ความจริงเราสองคนเคยเจอกันตั้งแต่สมัยเด็กๆแล้ว แต่คงจำกันไม่ได้”

“ตี้จำได้ค่ะ ตี้จำตาพี่ศิวัชได้” ปฏิพรใส่จริต แต่ชายหนุ่มไม่ทันคิดอะไร

ส่วน เนติมา เธอเข้ามาดูห้องนอนกับระบิล พนักงานมาเชียร์ว่ากำลังมีโปรโมชั่น ซื้อบ้านแถมเฟอร์นิเจอร์แถมแอร์ พร้อมอยู่ทันที และพิเศษสำหรับคู่แต่งงานใหม่อย่างระบิลกับเนติมาเท่านั้น

ระบิลประเมินราคาแล้วสวมรอยตอบตกลงรับทันที แต่เนติมาไม่เอาด้วย เธอลากชายหนุ่มกลับไปที่รถ พลางต่อว่าเรื่องทำให้พนักงานขายเข้าใจผิด

“โธ่ แค่อำเนียนๆ เอาของแถม คุณไม่เห็นเหรอแถมเยอะซะขนาดนั้น”

“แต่ ฉันไม่ชอบโกงใคร แล้วฉันก็ไม่ใช่คนเห็นแก่ของแถมถึงขนาด ฮึ นายนี่บ้าที่สุดเลย เขาเข้าใจว่าฉันแต่งงานกับนายกันทั้งสำนักงานขายแล้วเห็นไหม” เนติมาชี้ไปที่สำนักงานขาย เห็นพนักงานหลายคนมายืนออที่กระจก แล้วพากันวิพากษ์วิจารณ์

“โธ่ ก็คุณไม่ยอมเนียนกับผม แล้วจู่ๆคุณเดินออกมาอย่างนี้ เขาก็นึกว่า ผัว เออ สามีภรรยาทะเลาะกันสิครับ เอางี้เดี๋ยวผมไปอธิบายความจริงให้พวกเขารู้เอง” ระบิลจะเดินกลับไป เนติมารั้งไว้สั่งให้ระบิล

ขับรถพาไปดูโครงอื่น ต่อ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีที่ไหนถูกใจ ระบิลเสนอให้เจ้านายซื้อคอนโดฯอยู่ เพราะสะดวกสบายไม่ต้องดูแลมาก แต่เนติมาปฏิเสธ

“ฉันชินกับการอยู่ บ้านมาตั้งแต่เกิด จะจับฉันไปใส่ในกล่องสี่เหลี่ยมสูงๆอย่างนั้น ฉันอึดอัดแย่ ยังไงฉันก็อยากได้บ้าน บ้าน ของฉัน” หญิงสาวหน้าสลดระบิลสังเกตเห็นรีบตัดบท

“วันนี้คุณเหนื่อยมากแล้ว ผมว่ากลับไปพักก่อนดีกว่า พรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที ยังไงคืนนี้ผมจะช่วยหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตให้อีกทาง โอเคไหมครับ”

เนติมานิ่งคิดก่อนต่อรองให้ชายหนุ่มพาเธอไปที่แห่งหนึ่งก่อนกลับคฤหาสน์ธำรง

เวลา เดียวกัน พงษ์เลิศได้รับรายงานจากลูกน้องในปารีสว่า ธำรงพาเนติมากับลูกชายหนีไปแล้ว เขาโกรธมากสั่งให้สมุนระดมคนตามหาให้พบ พร้อมจ่ายไม่อั้น ชลกรเข้ามาได้ยินเปรยขึ้น

“โดนไล่ฆ่าขนาดนั้น เป็นฉัน ฉันก็หนีค่ะ สำคัญที่ตอนนี้มันหนีไปอยู่ที่ไหนมากกว่า”

“อยู่ ที่ไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าวันหนึ่งมันต้องกลับมาแก้แค้นฉันแน่ แต่ฉันไม่มีวันปล่อยให้พวกมันมีวันนั้นเด็ดขาด” พงษ์เลิศประกาศกร้าวกับทุกคน

ooooooo

อาหารมื้อค่ำผ่านไป ธำรงพาศิวัชออกมาส่งนายพลทวีกับลูกสาวถึงรถ ท่านนายพลดูจะพอใจศิวัชมากถึงกับเอ่ยปากว่า อยากเห็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ขึ้นมานำพาประเทศไปสู่ความเจริญ

ศิวัชยกมือไหว้อย่างนอบน้อมออกตัวว่า ยังต้องเรียนรู้อีกมาก

“คน ที่รู้ตัวว่าต้องเรียนรู้นั่นแหละคือคนที่น่าสนับสนุน ไอ้พวกที่ถือดีว่าเก่ง มันก็โตได้แค่คับกะลาที่ครอบมันอยู่เท่านั้นแหละ” นายพลทวีพูดให้คิด

ศิวัชหันไปลาปฏิพร หญิงสาวตั้งใจสบตา หมายทอดสะพาน

ooooooo

เวลา เดียวกัน เนติมาขอให้ระบิลพามาหน้าบ้านกันต์ เธอแปลกใจมากเมื่อเห็นตัวบ้านทรุดโทรมไร้การดูแล สนามหน้าบ้านรกไปด้วยต้นไม้ ไม่มีการตกแต่งทำให้ดูหม่นหมอง สาวเจ้าน้ำตาเอ่อ คิดถึง เรื่องราวในอดีต ระบิลยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ แต่เธอปฏิเสธ

“บ้านใครเหรอคุณ”

“บ้าน บ้านคนที่ครอบครัวของฉันทำพวกเขา...ตายทั้งเป็น” เนติมาพูดด้วยความลำบากใจอย่างที่สุด ทำให้ระบิลยิ่งสงสัย เขาขอให้เธอเล่าเรื่องราวให้ฟังบ้าง แต่ เจ้าหล่อนกลับนั่งเงียบจมอยู่ในความเศร้า แล้วจู่ๆก็ลง จากรถเดินไปหยุดหน้าประตูรั้วอย่างชั่งใจ ระบิลตามไปด้วยความเป็นห่วง พลางเอ่ยถามเจ้านายว่าคิดจะทำอะไร

เนติมาไม่ตอบแต่ขยับไปมองบ้าน “อิสราวัชร” อดีตบ้านของเธอ ดวงตาฉายแววเศร้าขึ้นมาทันที ระบิลสงสัยจะถามว่าบ้านใคร แต่เนติมากลับเดินไปยังประตูรั้วบ้าน “อิสราวัชร” ชายหนุ่มรีบตามประกบ

เนติมามองเข้าไปในบริเวณบ้าน พลันภาพวันเวลาแห่งความสุขก็ผุดขึ้นมา เธอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว ก่อนเอื้อมมือไปผลักบานประตูรั้ว ปรากฏว่าประตูไม่ได้ล็อกไว้ หญิงสาวเดินเข้าไปอย่างลืมตัว

“อ้าว คุณ...เดี๋ยว” ระบิลตามไปแล้วดึงเธอออกมา ก่อนที่ลูกน้องอิทธิหาญจะเดินออกมาเพียงนิดเดียว

“เกือบ เป็นเรื่องแล้วไหมล่ะ อยู่ดีๆเดินเข้าไปในบ้านคนอื่นซะอย่างนั้น เมื่อกี้คุณเป็นอะไรเหรอครับ ทำไมจู่ๆถึง...” ระบิลยิงคำถามชุดใหญ่ แต่เนติมาไม่มีคำตอบให้ เธอมองไปที่บ้านกันต์ แล้วเดินออกไปทันที

“อ้าว คุณ จะไปไหนของคุณอีกเนี่ย คุณ” ระบิล ถอนใจ

ooooooo

บอดี้ การ์ดหนุ่มตามเจ้านายเข้ามาในบ้านมืดสนิทหลังติดกัน เขากระซิบสั่งให้นายสาวอยู่ใกล้ๆ เพื่อความปลอดภัย แล้วหยิบไฟฉายปากกาขึ้นมาส่องให้แสงสว่าง เนติมาเห็นเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไม้สอยยังคงอยู่ครบ แต่ไม่มีคนอยู่จึงชวนระบิลไปดูอีกห้อง พลันเสียงโทรศัพท์มือถือของเธอดังขึ้นมา เนติมาตกใจรีบกดรับ ได้ยินศิวัชโทร.ตามให้กลับบ้าน เธอจำใจโกหกว่ายังดูบ้านอยู่กับระบิล แล้วยกมือเป็นเชิงบอกให้บอดี้การ์ดเงียบๆไว้

“โกหกแฟนนะคุณ” ระบิลล้อ หลังเนติมากดวางสาย

สาว เจ้าแก้ตัวว่า ไม่อยากให้ศิวัชเป็นห่วงแล้วหันไปมองรอบๆ ห้องพลางรำพึง “ข้าวของทุกอย่างยังอยู่เหมือนเดิม แต่ความมีชีวิตชีวาหายไป” เนติมาเอื้อมมือไปสัมผัสเฟอร์นิเจอร์ที่อยู่ใกล้ๆด้วยความเศร้า

“ดูเหมือนคุณคุ้นเคยกับที่นี่มากๆ”

“ก็ฉันวิ่งเข้าวิ่งออกบ้านนี้มาตั้งแต่เล็กๆนี่ แล้วบ้านที่นายเห็นข้างๆนั่น ก็เคยเป็นบ้านของคุณพ่อฉันเอง”

ก่อน ที่ระบิลจะถามต่อ แต่เจือจันทร์ซุ่มอยู่ในซอกมืดด้านหนึ่งนานแล้ว เธอวิ่งออกมาพร้อมมีดทำครัวในมือตั้งใจจะแทงเนติมา แต่ระบิลคว้ามือเธอไว้ พลางกดร่างให้มือมีดนอนคว่ำหน้าลงกับพื้น

“แกเป็นใคร” ระบิลถามเสียงเข้ม แต่เจือจันทร์ยังไม่ยอมพูด เขาหยิบปืนขึ้นมาขู่ ขณะที่เนติมายืนตะลึง

“ปล่อยภรรยาผมเถอะ” ไฟในห้องเปิดขึ้น เผยให้เห็นกันต์นั่งอยู่บนรถเข็น เขามองมาทางเนติมา

ด้วยสายตานิ่งซ่อนความรู้สึกปวดร้าวอยู่ภายใน

เนติ มาตกใจสุดขีด เธอจำกันต์ได้แม่นยำ และต้องตกใจมากขึ้นเมื่อมองลงไปที่พื้นเห็นผู้หญิงคนที่ระบิลกดอยู่ที่พื้น คือเจือจันทร์ ซึ่งตอนนี้ร้องไห้ออกมาด้วยความปวดร้าว

“อากันต์...อาจันทร์ ระบิลปล่อย”

ระบิลรู้สึกสับสนก่อนปล่อยเจือจันทร์

“กลับมาทำไม เธอกลับมาที่นี่อีกทำไม...ออกไป... ออกไป” เจือจันทร์แผดเสียงคล้ายคนเสียสติ

กันต์ มองภรรยาของตนด้วยความสงสาร เนติมายืนตะลึงความรู้สึกผิดที่มีอยู่ในใจยิ่งเพิ่มเป็นทวีคูณ เธอทรุดตัวลงนั่งคุกเข่ากับพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง ระบิลมองทุกคนด้วยความงุนงงและสงสัย

ooooooo

ลูกน้องเข้ามา รายงานอิทธิหาญว่า ได้ยินเสียงเจือจันทร์เอะอะโวยวายไล่ใครไม่รู้ดังลั่นบ้าน จึงจะออกไปดู แต่อิทธิหาญว่าคงไม่มีอะไร เพราะเจือจันทร์เป็นบ้ากรี๊ดๆได้ตลอดเวลา สงสัยจะตกใจค้าง แล้วหันมาหัวเราะกับปานที่ยืนหน้าสลดด้วยจำได้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอเมื่อ สิบปีก่อน  แม้เขาจะไม่ข่มขืนเธอก็ตาม
ด้านเนติมา เธอเข้ากราบแทบเท้ากันต์ด้วยความเสียใจ กันต์ซึ่งนั่งอยู่บนรถเข็นรีบห้าม

“อย่า...อย่าทำอย่างนี้ ลุกขึ้นมาเถอะลูก”

“เพราะ ครอบครัวของเนติ์ ครอบครัวคุณอาถึง...” เนติมาพูดอะไรไม่ออก ขณะที่เจือจันทร์ซึ่งนั่งร้องไห้อยู่หันมาไล่เนติมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา เธอโทษว่าเนติมานำความหายนะมาให้ครอบครัวของตน

กันต์ปรามภรรยา แต่โดนตะคอกใส่ “ครอบครัวของเราอยู่กับฝันร้ายนี้มากี่ปีแล้ว คุณอาจลืม แต่ฉันไม่มีวันลืมไม่มีไอ้พวกนั้นมันมาเห็น...” เจือจันทร์พูดอะไรไม่ออก เธอมองไปรอบๆบ้านด้วยความหวาดกลัว จนระบิลสงสัยเอ่ยถามว่า ไอ้พวกนั้น เป็นใคร

เนติมากระซิบว่า เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง แล้วหันไปถามหาขวัญชนกกับกันต์ แต่กันต์ยังไม่ทันพูดอะไร สายตาของเนติมาก็เหลือบไปเห็นขวัญชนกตรงบันไดชั้นสอง ภาพเพื่อนรักในวัยเด็กแวบเข้ามา เนติมาจะเรียก แต่เพื่อนรักวิ่งหนีเข้าห้องไปด้วยความหวาดกลัว

เนติมาวิ่งตามไป ไม่สนใจเสียงห้ามของอาทั้งสอง ระบิลเป็นห่วงเจ้านายรีบตามไปด้วย แถมยังช่วยดันประตูให้เนติมาเข้าไปในห้อง ขวัญชนกกรี๊ดลั่นเมื่อเห็นระบิลแล้วหมดสติไป ชายหนุ่มเข้าประคองจะพาไปนอนที่เตียง แต่เจือจันทร์เข้ามาห้าม

“ไม่ต้อง ลูกฉัน ฉันจัดการเองได้ เธอกลัวคุณ”

“อาจันทร์ว่าอะไรนะคะ” เนติมากับระบิลมองหน้ากัน

“ออกไปจากห้องนี้ก่อนที่ขวัญจะตื่นมาร้องโวยวาย เพราะเห็นหน้าคุณอีก...ออกไป” เจือจันทร์เสียงแข็ง

เนติ มากับระบิลจำใจเดินลงมาคุยกับกันต์ อดีตอัยการเล่าว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องคราวนั้น นอกจากตนแล้วลูกสาวก็ไม่เคยไว้ใจผู้ชายคนไหนอีกเลย วันๆหมกตัวอยู่แต่บนห้อง ไม่กล้าไปเรียน ไม่กล้าออกไปไหน จนเขากลัวว่าวันหนึ่ง...ลูกจะเป็นบ้า

“เพราะครอบครัวของหนู” เนติมารำพึง

“ชะตากรรมต่างหากเนติ์ ชะตากรรมทำให้เราสองครอบครัวต้องเป็นอย่างนี้”
“ไม่ค่ะอากันต์ ไม่ใช่เรื่องของชะตากรรม แต่เป็นเรื่องความถูกผิดที่พวกนั้นต้องรับผิดชอบ อากันต์คะ เนติ์กลับมาที่นี่เพื่อเอาทุกสิ่งทุกอย่างที่อาต้องเสียไปคืนมา คนพวกนั้นต้องได้รับโทษที่เขาก่อไว้” เนติมานํ้าตาคลอเบ้า เธอมองไปรอบๆ บริเวณบ้านอย่างครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ก่อนตัดสินใจพูดกับกันต์

“หนูขอมาอาศัยบ้านอากันต์อยู่ได้ไหมคะ”

“อ่ะ อะไรนะคุณ” ระบิลตกใจเพราะไม่ทันตั้งตัว ขณะที่กันต์ก็ตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก

“ขอหนูได้อยู่ดูแลครอบครัวอากันต์นะคะ หนูจะทำทุกอย่างให้บ้านหลังนี้กลับมามีชีวิตชีวาเหมือนเดิม... นะคะ” เนติมาอ้อนวอน

“ไม่ ได้” เจือจันทร์ลงมาได้ยินพอดี เธอเอ่ยกับเนติมาด้วยนํ้าเสียงเย็นชา “เธอจะนำความตายมาให้เรามากกว่า เธอรู้ไหมว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา ในขณะที่เธอเสวยสุขอยู่ต่างประเทศ พวกเราต้องเจออะไรบ้าง เธอคิดว่าพวกฉันอยากอยู่ที่นี่เหรอ ที่นี่ไม่ใช่บ้านแล้ว แต่ที่นี่เป็นนรก ทุกวินาทีพวกเราอยากออกไปจากที่นี่ แต่พวกเราไปไม่ได้” เจือจันทร์ร้องไห้ออกมาอย่างอัดอั้น จนกันต์ต้องเอื้อมมือไปจับมือเป็นเชิงปลอบโยน

ระบิลทนไม่ไหว ขอร้องให้กันต์เล่าเรื่องในอดีต ว่าเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของเขา กันต์ถ่ายทอดเรื่องเมื่อสิบปีก่อนให้ฟังว่า ลูกน้องของพงษ์เลิศรู้ว่าเจือจันทร์แอบเห็นเหตุการณ์ตอนที่พวกมันฆ่าพ่อแม่ ของเนติมาจึงพากันมาบ้านเพื่อจะปิดปาก แต่พงษ์เลิศอยากให้ครอบ–ครัวเขาต้องตายทั้งเป็น สั่งให้ลูกน้องข่มขืนขวัญชนก เจือจันทร์เข้าอ้อนวอน จึงโดนพวกมันลากไปข่มขืนแทน

ขวัญชนกตกใจกลัวแทบเสียสติ ส่วนกันต์จะเข้าไปช่วยภรรยาก็โดนยิงที่ขาทั้งสองข้างจนกลายเป็นคนพิการ และพวกมันยังสั่งห้ามครอบครัวของกันต์ย้ายหนีไปไหน

“พวกเอ็งต้องอยู่ ที่นี่ อยู่เป็นสวนสัตว์ให้นายข้าเก็บไว้ดูเล่น ถ้าเอ็งดื้อ ครอบครัวของเอ็งจะพบฝันร้ายอย่างที่เอ็งคาดไม่ถึง ยิ่งกว่าวันนี้” เสียงทะนงกับพวกยังดังก้องอยู่ในหัว

ooooooo

เนติมาสะอื้นไห้ เสียใจอย่างสุดซึ้งเมื่อได้ฟังเรื่องราว เธออยากจะชดเชยให้ครอบครัวของกันต์ จึงชวนระบิลไปปรึกษากับธำรงและศิวัช เรื่องจะย้ายมาอยู่ในบ้านของกันต์เพื่อดูแลทุกคนและเรียกร้องความเป็นธรรม ให้ แต่ศิวัชไม่เห็นด้วย เพราะเกรงคนรักจะไม่ปลอดภัย

“แต่เนติ์ต้อง รับผิดชอบค่ะพี่ศิวัช ชีวิตพวกเขาต้องเป็นอย่างนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะครอบครัวเนติ์ พวกเขาแลกกับเนติ์ด้วยชีวิต เนติ์ก็ต้องแลกกับพวกเขาด้วยชีวิตเหมือนกันค่ะ...พี่ศิวัชเข้าใจเนติ์นะคะ”

ศิ วัชถอนใจเพราะรู้ถึงความมุ่งมั่นของเนติมา ธำรงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนหันไปถามความเห็นระบิลบอดี้การ์ดหนุ่มวิเคราะห์ว่า ตอนนี้พวกพงษ์เลิศคงยังไม่กล้าทำอะไรรุนแรง เพราะอีกไม่นานจะมีการเลือกตั้ง และอาจส่งผลกระทบต่อฐานเสียง

“คุณนี่มองเกมขาดมาก แต่ยังไงคุณดูแลหนูเนติ์อย่างใกล้ชิดนะ พวกนั้นเหมือนงูพิษ มันจะเล่นงานเราเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ผมเชื่อว่าพวกที่เล่นงานเราที่ฝรั่งเศส ต้องเกี่ยวข้องกับนายพงษ์เลิศแน่ๆ”

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงครับ ผมจะไม่ยอมให้คุณเนติ์ได้รับอันตรายเด็ดขาด” ระบิลรับคำหนักแน่น ขณะที่ศิวัชหันมาพูดด้วยสีหน้าไม่สบายใจ “คุณพ่อหมายความว่า...”

“แล้วแกห้ามหนูเนติ์ได้ไหมล่ะ สมาธิของแกต้องอยู่ที่การเลือกตั้งแล้วนะศิวัช”

ศิวัชมองหน้าเนติมาเห็นความมุ่งมั่นของเธอ ก็ได้แต่ถอนใจ และยอมจำนน

“หนูเนติ์ต้องการอะไรก็บอกอานะ ไม่ต้องเกรงใจ อ้อ...แล้วนี่จะย้ายเข้าไปที่นั่นเมื่อไหร่”

“เนติ์ต้องรอคำตอบจากอากันต์ก่อนค่ะ อากันต์ขอทำความเข้าใจกับอาจันทร์ก่อน”

เวลาเดียวกัน เจือจันทร์กำลังต่อว่าสามีด้วยไม่พอใจ เรื่องให้เนติมามาอยู่ที่บ้านด้วย กลัวครอบครัวจะเดือดร้อนอีก

“ผม รู้ ว่าคุณรู้สึกยังไง แต่ทุกวันนี้เราก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ใช่เหรอ ผมว่าเป็นโอกาสที่ดี ที่เราจะกอบกู้ความสุขคืนมา ไม่ใช่เพื่อเรา แต่เพื่อลูกของเรา คุณลองคิดดีๆนะ ถ้าเราไม่สู้วันนี้ เราก็ได้แต่นั่งรอวันตาย แล้วถ้าเราสองคนไม่อยู่แล้ว ลูกของเราจะใช้ชีวิตต่อไปยังไง” กันต์ให้สติ

เจือจันทร์นิ่งคิดตามสามีพูด แต่ยังไม่สบายใจอยู่ดี

ooooooo

วัน รุ่งขึ้น กันต์โทร.บอกข่าวดีกับเนติมา หญิงสาวดีใจมากรับปากว่า เมื่อทำธุระเสร็จจะรีบไปที่บ้านกันต์ทันที ศิวัชนั่งอยู่ข้างๆ สีหน้าไม่ดีเพราะเป็นห่วงคนรัก แต่เนติมาไม่ทันสังเกต เธอเดินไปหาธำรงที่คุยอยู่กับระบิลเรื่องจะจัดเซอร์ไพรส์ให้พงษ์เลิศ เพราะจอมมาเฟียยังไม่รู้ว่าพวกธำรงมาถึงไทยแล้ว

“คุณอาคะ อากันต์ตกลงแล้วค่ะ”

“งั้น หนูเนติ์ไปจัดการทางนั้นเถอะ เรื่องธุระวันนี้อากับศิวัชจัดการได้ มีอะไรก็โทร.หาแล้วกัน เดี๋ยวอาจะให้เด็กจัดรถให้หนูเนติ์ใช้คันนึงนะ” ธำรงพูดยิ้มๆ เพราะใจจริงต้องการกันเนติมาให้ห่างจากศิวัชอยู่แล้ว

หญิงสาวยกมือไหว้ขอบคุณธำรง พลางลาคนรัก “ขยันทำงานนะคะคนเก่ง แล้วเนติ์จะโทร.ไปนะ ไป

คุณระบิล” แทบไม่ขาดเสียง นายสาวก็ก้าวฉับๆไป

“ครับ เจ้านาย แหม ใจร้อนจริง” ระบิลรีบเดินตาม

ศิวัชมองคนรักด้วยความเป็นห่วง ธำรงเอื้อมมือไปตบบ่าลูกชายเป็นเชิงปลอบใจ

เมื่อ เนติมากับระบิลเดินมาถึงโรงรถพร้อมกระเป๋าเดินทาง บอดี้การ์ดหนุ่มก็ชวนเจ้านายแวะไปซื้อของบางอย่างก่อนเข้าบ้าน เนติมาหน้านิ่วคิ้วขมวด สงสัยว่าระบิลจะซื้ออะไรแต่ไม่ขัดใจ

เจ้านาย ลูกน้องเข้ามาซื้อของที่ศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง สิ่งที่ระบิลเลือกซื้อเป็นของตกแต่งบ้าน ทำให้เนติมายิ่งข้องใจ เธอถามระบิลว่า จะซื้อของพวกนี้ไปทำไม

“บ้านนั้นน่ะคุณ ขาดความมีชีวิตชีวาไปซะนาน ของพวกนี้จะทำให้พวกเขามีกิจกรรมทำ...เข้าใจ น่า...อย่าบ่นนักเลย เอ๊ะ หรือว่างก น่าของแค่นี้ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอกเจ้านาย” ระบิลแกล้งพูดดังๆ พอให้คนรอบๆได้ยินแล้วเข็นรถเดินเลี่ยงออกไปทันที

เนติมาอายหน้าแดง ตามไปเล่นงานระบิล แต่ต้องชะงัก เมื่อเห็นดลเดินเก็บรถเข็นเฉียดเข้ามา สาวเจ้าสั่งให้ระบิลหยุดรอก่อน แล้วรีบตามดลไป สุดท้ายก็คลาดกันอีก

ระบิลตามมาถามเจ้านายด้วยความเป็นห่วงว่า เธอกำลังตามหาใคร

“ไว้แล้วฉันจะเล่าให้ฟัง” เนติมาเดินหนี ทิ้งให้ระบิลถอนใจเซ็ง
เจือจันทร์คิดตามที่สามีพูด เธอปาดน้ำตาหันมาถามระบิล “คุณจะทำยังไง”

บอดี้ การ์ดนิ่งคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่งก่อนยิ้มออกมา เขากลับเข้าครัวทำอาหารชุดใหม่นำไปวางไว้หน้าห้องขวัญชนก พร้อมกับสอดกระดาษโน้ตแผ่นเล็กๆไว้ด้วย

ขวัญชนกหยิบขึ้นมาอ่านแต่ก็ ยังไม่ยอมทานอาหาร เชฟมือทองไม่ถอดใจ เขาทำอาหารส่งให้ขวัญชนกทุกมื้อพร้อมกับข้อความตลก จนเธอเริ่มผ่อนคลาย และยอมให้เนติมายกอาหารเข้ามาในห้องได้ในวันหนึ่ง

เนติมาเดินหน้าแผนสองเปิดคลิปแนะนำตัวระบิลอย่างฮาให้ขวัญชนกดู และช่วยการันตีว่าเขาเป็นคนดีไว้ใจได้ ขวัญชนกรับฟังแต่ยังไม่มั่นใจ

วัน ต่อมาระบิลบุกเดี่ยวนำอาหารไปให้ขวัญชนกเอง หญิงสาวตกใจกลัวร้องกรี๊ดร้องลั่น เนติมาวิ่งมาดูเพื่อนรักและช่วยเจรจา ขณะที่ระบิลหยิบอาหารในถาดมากินโชว์แล้วแกล้งเรอเรียกเสียงฮา จนขวัญชนกหลุดขำออกมา ทำให้เนติมากับระบิลหันมายิ้มให้กันอย่างมีความหวัง

ทั้ง สองรีบลงมาบอกข่าวดีกับเจือจันทร์และกันต์ คุณแม่บ้านพยักหน้ารับรู้แล้วขอตัวขึ้นไปดูลูก ส่วนกันต์หันมาชมระบิล “เก่งมากนะคุณระบิล นอกจากผมแล้ว เธอยังไม่ยอมคุยกับผู้ชายคนไหนอีกเลยนะ”

“อุ๊ย...ไม่เก่งหรอกครับคุณอา แค่ขายฮานิดหน่อย” ระบิลแกล้งเรออีกรอบ

เนติ มาส่งค้อนขยับจะต่อว่า แต่ศิวัชโทร.เข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน ระบิลหันไปมองเจ้านายเห็นเธอทำหน้าเครียดระหว่างคุยกับคนรักจึงเอ่ยถาม “มีอะไรรึเปล่าคุณ”

ooooooo

ในตอนค่ำ ขณะพงษ์เลิศเริงสวาทอยู่กับชลกรในคอนโดฯ พลันสวรรค์ค้าง เมื่ออิทธิหาญโทร.บอกว่า ตอนนี้ธำรงกำลังแถลงข่าวเปิดตัวพรรคสยามพัฒนาอย่างเป็นทางการ และจะดันศิวัชลูกชายขึ้นเป็นนายกฯ

จอมมาเฟียตกใจมาก เพราะไม่รู้เรื่องมาก่อนเลย เขารีบเปิดทีวีดูข่าว เห็นธำรงกับลูกชายให้สัมภาษณ์นักข่าวด้วยท่าทีสุขุม แถมชูนโยบายทำเพื่อประชาชนทุกคน นักข่าวจึงพากันเทความสนใจให้

พงษ์เลิศมองภาพในโทรทัศน์ด้วยความขัดใจ จังหวะเดียวกันชลกรก็ชะงักเมื่อเห็นเนติมาในจอ เธอสะกิดให้พงษ์เลิศดู

“นางเนติมา” พงษ์เลิศคำราม

“ลูกสาวคุณวิเชียรที่คุณเคยเอารูปให้ฉันดู” ชลกรเสริม

นาที นั้น เสียงโทรศัพท์มือถือของพงษ์เลิศก็ดังขึ้นอีก ในสายอิทธิหาญถามว่า เห็นข่าวหรือยัง เขาเตรียมจะไปเช็กบิลกับเนติมา พงษ์เลิศค้านว่า ตอนนี้เรื่องที่ตนสนใจที่สุดคือ ธำรงตั้งพรรคการเมืองมาลงแข่งเพื่อชิงอำนาจ

“อำนาจ อยู่ในมือใคร ก็เหมือนถือไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์ที่จะชี้ให้ใครเป็นใครตายก็ได้ และพ่อมั่นใจว่ามันต้องการอย่างนั้น” พงษ์เลิศพูดอย่างมั่นใจ

อิทธิหาญครุ่นคิดตาม เขาจ้องภาพงานเลี้ยงเปิดตัวพรรคสยามพัฒนาด้วยสายตามีเลศนัย

ooooooo

เวลา เดียวกัน เนติมาดูศิวัชยืนพูดคุยกับนักธุรกิจทั้งไทยและต่างชาติหลายคนด้วยรอยยิ้มและ ท่าทางที่สง่าผ่าเผย โดยมีนักข่าวรุมล้อม แถมยังมีสาวน้อยสาวใหญ่เข้ามาขอถ่ายรูปด้วยไม่ขาด

“น่าดีใจนะครับ แค่เปิดตัววันแรกนักธุรกิจก็แห่กันมาให้การสนับสนุนพรรคมากขนาดนี้แล้ว แถมคุณศิวัชยังเป็นขวัญใจแม่ยกซะด้วยนะคุณ อ๊ะๆ หึงล่ะสิหายใจลึกๆไว้นะคุณ คิดว่าเผื่อแผ่เพื่อนร่วมโลก...โอม” ระบิลแซว

“จะบ้าเหรอ ฉันจะไปหึงนักข่าวเขาทำไม” เนติมายิ้มกับระบิลอย่างอารมณ์ดี
ธำรงซึ่งปลีกตัวจากนักข่าวมาได้ เดินเข้ามาสมทบกับเนติมา แต่คุยกันได้ไม่กี่คำ นายพลทวีกับปฏิพรก็มาถึง ธำรงชวนเนติมากับระบิลออกไปต้อนรับ พลางแนะนำว่าท่านจะมาเป็นที่ปรึกษาของพรรค หนุ่มสาวยกมือไหว้นายพล แต่ไม่ทันได้ทักทายปฏิพร สาวเจ้าก็หอบช่อดอกไม้เดินลิ่วๆ ไปแสดงความยินดีกับศิวัชอย่างไม่แคร์สายตาเนติมาเสียแล้ว

ระบิลหันมา มองหน้าเจ้านายเตรียมจะเอ่ย แต่มีเสียงฮือฮาดังมาจากหน้างาน เพราะมีมือดีนำพวงหรีดเขียนข้อความว่า “ยินดีต้อนรับ...สู่นรก” มาวางไว้

ระบิล ออกหาตัวคนร้าย เนติมาตามมาด้วยความเป็นห่วง แต่เมื่อถึงหน้าโรงแรม ทั้งสองก็ถูกลูกน้องของอิทธิหาญซุ่มยิง ระบิลไหวตัวทันรีบดึงเนติมาหาที่กำบัง ก่อนชักปืนออกมาจะตอบโต้แต่พวกมันแยกย้ายกันหนีไปแล้ว บอดี้การ์ดหนุ่มหน้าเครียดหันมามองเจ้านาย

ooooooo

เช้าวัน ใหม่ ข่าววางพวงหรีด รัวปืนใส่งานฉลองเปิดพรรคสยามพัฒนาของธำรงดังไปทั่วเมือง พงษ์เลิศรู้ว่าเป็นฝีมืออิทธิหาญแน่จึงเรียกลูกชายมาต่อว่า แต่เขายังลำพองคิดว่าใครกล้าทำอะไรตน ชลกรทนไม่ไหวเอ่ยเตือนให้อิทธิหาญระวังตัวเพราะสถานการณ์ไม่เหมือนก่อนแล้ว

“คุณ มีสิทธิ์สั่งสอนผมด้วยเหรอคุณชลกร ทำหน้าที่บนเตียงของคุณไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ผมว่าก็พอแล้วนะ ผมขอตัวนะพ่อ” อิทธิหาญมองชลกรอย่างดูถูกก่อนเดินขึ้นชั้นบนไปอย่างไม่แยแส

พงษ์เลิศกับชลกรมองตามอิทธิหาญไปด้วยความไม่สบายใจ

ผิด กับพวกธำรงที่ยิ้มระรื่น เพราะเหตุการณ์ร้ายช่วยโปรโมตพรรคได้เป็นอย่างดี แถมยังได้คะแนนสงสารจากประชาชนอย่างล้นหลาม เพื่อความไม่ประมาทธำรงเสนอแผนรักษาความปลอดภัยให้เข้มกว่าเก่า นาย พลทวีเห็นด้วย อาสาจะหามือดีมาช่วยเสริมอีกแรง

ปฏิพรได้ทีหันไปออเซาะถามศิวัชว่าตกใจมากไหม ก่อนเข้าแผนชวนชายหนุ่มไปดูหนังปลอบขวัญด้วยกัน

สักรอบ ศิวัชอึกอักทำตัวไม่ถูกเพราะเกรงใจเนติมา ขณะที่เนติมาก็ตกใจกับภาพตรงหน้าไม่แพ้กัน

ปฏิพรมองอย่างรู้ทันจึงแกล้งเปรย “ขออนุญาตควงพี่ชายที่แสนดีของตี้วันนึงนะคะคุณเนติ์”

“ไม่ เป็นไรค่ะ บังเอิญฉันก็มีธุระพอดี” เนติมาพูดยิ้มๆ แต่ในใจก็นึกหวั่น เธอยกมือไหว้ลาธำรงกับนายพลทวี พลางอ้างว่าต้องกลับไปจัดการเรื่องที่บ้านกันต์ให้เรียบร้อย แล้วดึงระบิลที่เพิ่งมาถึงให้ออกไปด้วยกัน

ระบิลหันกลับมาเห็นปฏิพรนั่งกระแซะอยู่กับศิวัชก็พอเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น  เขาขับรถพาเจ้านายออกมาจากบ้าน พลางเอ่ยถามว่าจะไปไหนดี

เนติมาขอให้ระบิลพาไปไหว้อัฐิของพ่อกับแม่ที่วัดแห่งหนึ่ง แต่กว่าจะไปถึงก็หลงอยู่หลายเที่ยว เพราะเนติมาไม่เคยมาที่วัดนี้เลย

“ตั้งแต่ พ่อกับแม่เสีย คุณอาธำรงก็พาฉันหนีไปอยู่ต่างประเทศ จะทำบุญแต่ละครั้ง ก็ต้องสั่งให้คนของคุณอาธำรงที่อยู่เมืองไทยทำให้ แล้วเขาก็ถ่ายรูปไปให้ฉันดู” เนติมาเสียงเครือ

“คุณธำรงนี่มีพระคุณกับคุณมากเลยนะ”

“ถ้า ไม่มีท่านป่านนี้คุณพ่อกับคุณแม่ฉันคงเป็นศพไร้ญาติ ส่วนฉันก็คงไม่ต่างอะไรจากคุณพ่อคุณแม่” เนติมามองไปยังที่บรรจุอัฐิมากมายในบริเวณนั้น

ทั้งสองช่วยกันมองหาป้ายชื่อวิเชียรและพรรณศรี พลันชะงักเมื่อเห็นป้ายชื่อหินอ่อนสลักชื่อ “วิเชียร-พรรณศรี อิสราวัชร” ติดอยู่

เนติ มาค่อยๆ ขยับมานั่งคุกเข่าตรงหน้าอัฐิพ่อ แม่ พลางเอื้อมมือไปสัมผัสป้ายชื่อด้วยความคิดถึง ก่อนน้ำตาจะเอ่อ “คุณพ่อคุณแม่ขา เนติ์กลับมาแล้วนะคะ เนติ์จะทวงความยุติธรรมคืนมาให้ครอบครัวของเรา”

“คุณโอเคนะ” ระบิลมองเนติมาอย่างเข้าใจความรู้สึก พลางกวาดตามองไปรอบๆ เขาเริ่มเอะใจเมื่อเห็นที่เก็บอัฐิของพ่อ แม่นายสาว สะอาดสะอ้านผิดจากของคนอื่นๆ

“ปกติที่นี่มีคนมาทำความสะอาดบ่อยไหมครับ”

“ไม่นะ ไม่มีใครรู้จักที่นี่ นอกจากพวกเราแล้วก็คนที่คุณอาธำรงให้มาดูแล แต่ครั้งสุดท้ายที่มาทำก็เกินครึ่งปีแล้วนะ”

“แต่ ผมว่าเพิ่งมีคนมาที่นี่นะครับ ดูสิไม่มีฝุ่นเกาะเลย ก้านธูปในกระถางก็ยังใหม่ๆ อยู่เลยคุณ” ระบิลชี้ให้เนติมาดู พลางกระชับปืนพกอย่างเตรียมพร้อม “ผมสังหรณ์ใจ ว่ามีคนอื่นรู้ที่เก็บอัฐิคุณพ่อคุณแม่แล้วล่ะ” ชายหนุ่มมองไปรอบๆ บริเวณอย่างระแวดระวังแล้วชวนเนติมากลับเพื่อความปลอดภัย

ooooooo

สองเจ้านายลูกน้องกลับมาตั้งหลักที่บ้านกันต์ ระบิลเข้าครัวทำอาหารตามเมนูในหนังสือของเนติมา แถมคุยโวจะทยอยทำให้เธอกินจนครบ

เนติ มารู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกที่ระบิลยังจำเมนูอาหารไทยในหนังสือนั้นได้ ขณะนั้นเจือจันทร์เข้ามาในครัวจะนำอาหารไปให้ขวัญชนก แต่เนติมากับระบิลขอยกไปเอง หวังเรียกความเชื่อมั่นให้ขวัญชนก

ขวัญ ชนกยอมให้ระบิลเข้าไปในห้องกับเนติมา แต่ยังไม่ยอมพูดและสบตาด้วย เนติมามองเพื่อนรักอย่างเป็นกังวล แต่ระบิลกลับพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้เนติมาใจเย็นๆ

ในตอนค่ำ เนติมาเดินคุยอยู่กับระบิลที่หน้าบ้านเรื่องขวัญชนก เพราะอยากรู้ว่าอีกนานแค่ไหนเพื่อนรักจะกลับมาเป็นปกติ

“นาน เท่าไหร่ไม่รู้ รู้แต่คุณขวัญเธอต้องหาย เธอไม่ได้บ้านะคุณ เธอแค่กลัวแล้วก็ขาดความมั่นใจที่จะออกมาก็เท่านั้น เรามีหน้าที่เติมความมั่นใจให้เธอ”

“นี่ ตกลงนายเป็นอะไรกันแน่ บอดี้การ์ด พ่อครัวหรือจิตแพทย์” เนติมาจ้องระบิลนิ่ง

“ก็เป็นทุกอย่างที่คุณอยากให้เป็นนั่นแหละ” ระบิลพูดอย่างไม่คิดอะไรมาก ก่อนมองออกไปยัง

สวน หย่อมด้านนอก เห็นว่ามันมืดสนิท จึงเอื้อมมือไปเปิดสวิตช์ไฟแต่ไฟไม่ติด เขาส่ายหน้าหันมาบอกเนติมา “แต่ตอนนี้ผมขอแปลงกายเป็นมนุษย์ไฟฟ้าก่อนนะคุณ”

ระบิล กลับเข้าไปหยิบอุปกรณ์มาเปลี่ยนหลอดไฟหน้าบ้าน พลันเหลือบไปเห็นเงาตะคุ่มๆ กำลังเดินเข้ามา จึงรีบพาเนติมาหาที่กำบังแล้วพุ่งหมัดตรงเข้าปลายคางผู้มาเยือนยามรัตติกาล

“โอ๊ย...เจ็บ” ศิวัชร้องลั่น

ระบิลหน้าเจื่อนรีบพาแฟนเจ้านายเข้าไปทำแผลในบ้าน พลางเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้กันต์ฟัง

“บ้านนี้ยินดีต้อนรับ แต่เรื่องเมื่อกี้ถือว่าเป็นการทดสอบบอดี้การ์ดมือดีของเนติ์เขาก็แล้วกันนะ” กันต์หัวเราะ

“โธ่...อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ ผมยิ่งเสียวโดน

ไล่ออกอยู่ ขอโทษอีกครั้งนะครับ มันมืดผมไม่รู้จริงๆว่าเป็นคุณ” ระบิลพูดอย่างรู้สึกผิด

ศิ วัชยิ้มพลางเอื้อมไปตบบ่าระบิลเบาๆ “ไม่ต้องคิดมากครับคุณระบิล ถือว่าเป็นการทดสอบการทำงานของคุณอย่างที่คุณอาว่านั่นแหละครับ เห็นอย่างนี้ซะอีกทำให้ผมเบาใจว่าเนติ์จะได้รับความปลอดภัยแน่ๆ อีกอย่างผมเห็นประตูมันแง้มไว้ก็เลย...ขอโทษจริงๆ ครับคุณอา ผมไม่น่าถือวิสาสะ”

“สงสัยภรรยาผมเขาคงลืมน่ะครับ บ้านเราไม่ได้ล็อกประตูมานาน”

“แล้วนี่พี่ศิวัชหาบ้านเจอได้ยังไงคะ” เนติมาถามด้วยความสงสัยและเป็นห่วง

ศิ วัชได้ช่องชวนสาวเจ้าออกไปปรับความเข้าใจเรื่องปฏิพรข้างนอก แล้วดึงเธอเข้ามากอดด้วยความรัก และบังเอิญว่าระบิลออกไปเปลี่ยนหลอดไฟเห็นเข้า

จึงแอบถ่ายภาพทั้งคู่ไว้

ครั้น ศิวัชลากลับไปแล้ว ระบิลก็ส่งภาพให้เนติมา สาวเจ้าอารมณ์ขุ่นโทร.มาต่อว่า “นายนี่โรคจิตจริงๆเลยนะ แอบถ่ายรูปฉันกับพี่ศิวัช แล้วยังมีหน้าส่งมาให้ฉันดูอีก”

“โห มาถึงก็จัดชุดใหญ่เลยนะเจ้านาย นี่...รูปนั่นน่ะน่าเกลียดตรงไหน น่ารักดีจะตาย ผมไม่ได้ตั้งใจจะแอบถ่าย แต่ไฟมันติดพอดี ก็โป๊ะเชะ แล้วคุณรู้ไหมว่าทำไมผมส่งให้คุณ”

เนติมา ชะงัก ก่อนจะพลิกดูรูปถ่ายที่ระบิลส่งมาอีกครั้งด้วยความสงสัย เสียงระบิลอธิบายต่อ “ผมอยากให้คุณเก็บเอาไว้ วันหนึ่งข้างหน้าถ้าคุณหรือแฟนของคุณรู้สึกห่างกัน หรือไม่ไว้ใจซึ่งกันและกัน ก็ให้กลับมาดูรูปนี้ คุณเคยได้ยินใช่ไหมว่า ภาพเพียงหนึ่งภาพมันบอกความหมายได้มากกว่าคำพูดเป็นพันๆคำอีก ภาพนั้นมันบอกผมว่าคุณสองคนรักกัน”

เนติมามองรูปพลางครุ่นคิดตามคำของระบิล ก่อนจะยิ้มออกมาได้ เธอขอบคุณชายหนุ่ม

“จำ ไว้นะคุณ รัก เป็นคำสั้นๆ ที่มีพลังที่สุดในโลก เพราะต่อให้คุณห่างจากคนรักไกลคนละขอบฟ้า ไกลกันคนละภพชาติ แต่ถ้าคุณยังรักกัน ก็ไม่มีพลังอะไรในโลก มาแยกคุณได้หรอกนะ...ฝันดีนะเจ้านาย” ระบิลกดวางสาย

“เนติ์รักพี่ศิวัชนะคะ” เนติมาดูรูปที่ระบิลส่งมาให้อีกครั้งอย่างมีความสุขก่อนจะปิดไฟหัวเตียง

ขณะ นั้น ระบิลกำลังดูภาพของเอมมิกาอย่างมีความสุขเช่นกัน “ต่อให้ห่างกันคนละภพชาติ พี่ก็ยังรักหนูนะคะ” บอดี้การ์ดหนุ่มยังจมอยู่กับความรักในอดีต เขาค่อยๆเอารูปคนรักเก่าประทับบนหน้าอกอย่างอบอุ่น

ooooooo

กลางดึกคืนนั้น ตำรวจนอกเครื่องแบบสองนายปลอมตัวเข้าสอดแนมในบ่อนของอิทธิหาญ คนของอิทธิหาญจับได้ พวกมันพาทั้งสองไปพบกับลูกพี่ใหญ่

มาเฟีย น้อยแสยะยิ้ม สั่งให้สมุนรุมซ้อมทั้งคู่ ก่อนพาไปทิ้งป่าเปลี่ยวข้างทาง หลังร่างของตำรวจถูกโยนลงมากองกับพื้น วายร้ายเดินลงจากรถหมายจัดการ แต่ปานร้องห้าม เพราะจำได้ว่าพวกเขาเป็นคนของผู้กำกับสนชัย

“แล้วผู้ กำกับสนชัยตายไม่เป็นเหรอไง คิดปิดบ่อนกู กูจะปลดดาวให้เรียบทั้งบ่าเลยคอยดู” อิทธิหาญพูดพร้อมลั่นกระสุนใส่ตำรวจทั้งสองนายตายคาที่

ปานถอนใจด้วยความไม่สบายใจ วินาทีนั้นเอง แสงไฟหน้ารถก็สาดเข้ามา พงษ์เลิศก้าวลงมาจากรถ เขาตรงเข้าต่อว่าลูกชาย

“โธ่...พ่อ ทำเป็นเรื่องใหญ่โตไปได้ ทำอย่างกับพ่อไม่เคยทำ” อิทธิหาญลอยหน้าลอยตาพูด

พงษ์ เลิศชะงัก นึกถึงอดีตที่เคยฆ่าตำรวจต่อหน้าลูกชายวัยสิบขวบ เขาอึดอัดใจแต่ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรจึงต้องเปลี่ยนประเด็น” นี่ใกล้เลือกตั้งแกควรทำตัวเป็นเด็กดีมากกว่านี้ ที่ตำรวจกล้าเข้าไปในบ่อนแก มันบอกแล้วใช่ไหมว่าทิศทางการเมืองจะเป็นยังไง”

“แค่พวกมันเพิ่งตั้งพรรค พ่อก็กลัวแล้วเหรอ

เอา น่าพ่อ ผมรู้ว่าพ่อเคลียร์ให้ผมได้ ก็พ่อเคลียร์ให้ผมทุกครั้งไม่ใช่เหรอ เฮ้ย กลับ” อิทธิหาญเดินนำลูกน้องขึ้นรถ ขณะที่ปานถอนใจนิดหนึ่งแล้วตามไป

พงษ์เลิศมองตามลูกชายก่อนหันมามองร่างตำรวจนอกเครื่องแบบด้วยความไม่สบายใจ
source: thairath.co.th

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น