วันอังคารที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อ่านละครหงส์สะบัดลาย ตอนที่ 4

เนติมายังจดสายตาจ้องพงษ์เลิศไม่วางตา พงษ์เลิศก็จ้องเนติมาไม่วางตาเช่นกัน ชลกรมองท่าทีของเนติมาอย่างไม่ไว้ใจ ธำรงมองเนติมาอย่างพึงพอใจในความมั่นใจ ศิวัชมองเนติมาด้วยความเป็นห่วงอย่างมาก ระบิลยิ้มมองเนติมาด้วยความชื่นชมในความกล้า
      
       ในสนามไดร์ฟกอล์ฟ เวลากลางวัน พงษ์เลิศหวดลูกกอล์ฟออกไปสุดแรง ก่อนพูดออกมาอย่างใจเย็น โดยมีปานกับลูกน้องพงษ์เลิศคอยยืนดูแลความปลอดภัยอยู่ไม่ห่าง
       “ในที่สุดมันก็ตามไอ้ธำรงกลับมาอย่างที่เราคิด ดีจะได้ไม่ต้องหาให้เปลืองแรง” พงษ์เลิศว่า
       อิทธิหาญหวดลูกกอล์ฟออกไปอย่างหงุดหงิด
       “พ่อก็น่าบอกผมสักนิด ผมจะได้ตามไปกดหัวมันให้หมดเรื่องหมดราว”
       “ก็แกเป็นซะอย่างนี้ แต่มันจะไม่ได้อะไรเลยนอกจากความสะใจ”
       ชลกรที่นั่งดื่มเครื่องดื่มอยู่ใกล้ๆ อดพูดออกมาอย่างหงุดหงิดไม่ได้
       “นังเนติมานั่นก็ร้ายนะคะ ดูมันจ้องคุณสิ ไม่เกรงกลัวเลยสักนิด”
       “จากสายตาที่มันมองมา นังเด็กนั่นมันต้องการประกาศสงครามกับฉัน มันคงโกรธที่เราทำกับพ่อแม่ของมัน”
       พงษ์เลิศพูดใจเย็นอย่างคนมีประสบการณ์ ขณะที่อิทธิหาญยังหงุดหงิดไม่หาย
       “คิดจะล้างแค้น ฮ่าๆ เจอเมื่อไหร่จะเป่าให้ดิ้น เอ..หรือผมจะเอามันมาเป็นนางบำเรอผมก็ดีนะพ่อ สะใจ..ตายทั้งเป็น ฮ่าๆ”
       อิทธิหาญพูดอย่างยิ้มเยาะก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ก่อนเรียกปาน
       “เฮ้ย..ปาน !”
       “ครับเสี่ย”
       “ตัวพี่สาวมันกลับมาแล้ว แล้วน้องชายมันล่ะวะ หาเป็นชาติแล้วเมื่อไหร่จะเจอ”
       “พวกเราก็พยายามหาทุกที่แล้วนะครับเสี่ย แต่ไม่พบเบาะแสเลย”
       “พวกแกนี่ใช้ไม่ได้จริงๆ ป่านนี้ไอ้เด็กนั่นมันคงโตเป็นหนุ่มแล้ว”
       พงษ์เลิศยิ้มอย่างใจเย็นเอื้อมมือไปจับบ่าอิทธิหาญ
       “ก็ไม่เห็นต้องตามหาให้เหนื่อย อีกหน่อยแรงแค้นก็จะพามันมาหาเราเองนั่นแหละลูกรัก เราแค่เตรียมเขียงเตรียมมีดไว้เชือดมันก็พอ ฮ่าๆ”
       พงษ์เลิศหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ชลกรครุ่นคิดตามที่พงษ์เลิศพูดก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ อิทธิหาญยิ้มออกมาอย่างเลือดเย็น สายตาเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม
      
       บริเวณหน้าซูเปอร์มาร์เก็ต เวลากลางวัน ดลยกมือไหว้หัวหน้างานอย่างนอบน้อมตอนเลิกกะ หัวหน้างานตบบ่าดลอย่างเอ็นดู
       “เลิกกะแล้ว ผมกลับก่อนครับพี่ สวัสดีครับ”
       “โอเค..น้องชาย ขยันอย่างนี้พี่ชอบแล้วพรุ่งนี้เจอกัน”
       ดลยิ้มอย่างอารมณ์ดีเอามือลูบท้องเพราะรู้สึกหิว เสียงอนงค์ดังเข้ามา
       “หิวเหรอจ๊ะพี่ดล”
       ดลหันขวับไปมองแล้วต้องตกใจเมื่อเห็นอ้อในชุดนักเรียนนั่งยิ้มอยู่ ที่ม้านั่งใกล้ๆ ในมืออ้อชูถุงแฮมเบอร์เกอร์พร้อมน้ำดื่มให้ดลอย่างรู้ใจ
       “อ้อ !”
      
       บริเวณเก้าอี้ริมน้ำอันร่มรื่น ภายในสวนสาธารณะ ดลนั่งทานแฮมเบอร์เกอร์ด้วยความหิว ส่วนอนงค์นั่งมองอย่างมีความสุข
       “วันหลังพักเที่ยงก็กินสิจ๊ะ ไม่ใช่ทำงานไม่ยอมกินอย่างนี้ เดี๋ยวก็เป็นโรคกระเพาะกันพอดี”
       “ช่วงนี้งานที่ซูเปอร์เยอะน่ะ ช่วยเขาทำจะได้เสร็จๆ อ้อนั่นแหละเลิกเรียนทำไมไม่รีบกลับคอนโดฯ”
       “ก็อ้ออยากมาดูแลพี่ดลบ้างนี่จ๊ะ”
       “เสียเงินซื้อเบอร์เกอร์กับน้ำมาให้เนี่ยนะ เปลืองเงินน่าอ้อ”
       “วันนี้วันพุธ โปรโมชั่นหั่นครึ่งราคาสำหรับนักเรียนนักศึกษาในเครื่องแบบจ้ะ อร่อยมั๊ยจ๊ะ”
       อนงค์พูดยิ้มอย่างคล่องแคล่ว จนดลอดยิ้มออกมาไม่ได้
       “อร่อย..ขอบคุณมากนะอ้อ”
       “วันหลังถ้าอ้อเลิกเรียนก่อนพี่ดลเลิกงาน อ้อมารับพี่ดลนะ”
       “มารับ ทำอย่างกับพี่เป็นเด็กๆ”
       “ก็จะได้กลับบ้านด้วยกัน ดูแลกัน ไม่ทิ้งกัน ตามสัญญาไงจ๊ะ”
       อนงค์พูดแล้วยิ้มพลางยกนิ้วก้อยขึ้นมา ดลมองอยู่นิดหนึ่งก่อนยิ้มออกมา ยกมือเอานิ้วก้อยเกี่ยวนิ้วก้อยกันเป็นเชิงตอบรับ ทั้งสองคนยิ้มให้กันอย่างมีความสุข
      
       ภายในร้านกาแฟในห้างสรรพสินค้า ระบิลกับเนติมานั่งดื่มกาแฟกันอยู่ เนติมายกนาฬิกาขึ้นดูเวลาด้วยความร้อนใจ
       “เป็นอะไรคุณ ทำอย่างกับนาฬิกาเสกแฟนคุณมาได้งั้นแหละ”
       “ก็นี่เลยเวลานัดมาตั้งนานแล้วนะ อีกอย่างก็ใกล้เวลาหนังฉายแล้วด้วย”
       “น่า..ใจเย็นๆ รถอาจติดหรือยังลงพื้นที่ไม่เสร็จก็ได้ คุณศิวัชหล่อขนาดนั้น แค่แจกลายเซ็นสาวแก่แม่ม่ายก็หมดไปครึ่งวันแล้ว ฮ่าๆ...อ้าว นั่นไงมาโน่นแล้ว”
       เนติมาหันไปเห็นศิวัชเดินเข้ามาพอดี โดยมีการ์ดคนหนึ่งตามเข้ามาด้วย เนติมายิ้มให้ศิวัช
       “ขอโทษนะจ๊ะเนติ์ พี่เพิ่งลงพื้นที่พบชาวบ้านเสร็จ”
       “ไม่เป็นไรค่ะ”
       ศิวัชหันไปพูดกับการ์ด
       “นายกลับไปได้แล้ว ไม่ต้องห่วงที่นี่มีคุณระบิล”
       “ครับผม...”
       การ์ดรับคำแล้วเดินออกไปทันที ศิวัชหันมาพูดกับระบิล
       “ได้ตั๋วหนังแล้วใช่มั้ยครับคุณระบิล”
       “เรียบร้อยครับที่นั่งโกล์คลาสสองใบ กับอีกหนึ่งก้างขวางคอ … ไปกันเลยมั้ยครับ”
       ระบิลชูตั๋วหนังขึ้นอย่างอารมณ์ดี ขณะที่เนติมากับศิวัชยิ้มจูงมือกันแล้วลุกเดินออกไป
       
       ระบิลมองตามด้วยรอยยิ้มแต่ก็อดรู้สึกเหงาไม่ได้
  ภายในโรงภาพยนตร์ที่กำลังฉายหนังรักโรแมนติกอยู่ เนติมากับศิวัชนั่งดูภาพยนตร์กันอย่างมีความสุข ทั้งสองคนจับมือกันแน่น เนติมาซบไหล่ศิวัชด้วยความรัก
       
       ระบิลดูภาพยนตร์อย่างไม่มีสมาธินักอดชำเลืองมองไปยังเนติมากับศิวัช ไม่ได้ ระบิลเห็นภาพตรงหน้าแล้วรู้สึกเหงาขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ระบิลหยิบรูปของเอมมิกาที่อยู่ในกระเป๋าเงินขึ้นมาดูอย่างคิดถึง
       “เอม..พี่พาหนูมาดูหนังนะคะ”
       ระบิลเอื้อมมือไปสัมผัสรูปเอมมิกาก่อนระบิลจะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเรียกของเนติมาเบาๆ
       “นาย..นายระบิล”
       “อะ..อะไรคุณ” ระบิลพูดเสียงเบา
       “ทำอะไร..หนังไม่สนุกเหรอ”
       “เออ..สนุกครับ สนุก...”
       ระบิลรีบเก็บรูปใส่กระเป๋าทันที ก่อนหันไปถามเนติมาเบาๆบ้าง
       “แล้วคุณล่ะ...”
       เนติมาไม่ตอบ ได้แต่ทำหน้าบึ้งชี้ไปที่ศิวัช ระบิลชะโงกไปมองแล้วอดขำไม่ได้ เมื่อเห็นศิวัชนั่งหลับเพราะความเหนื่อยอย่างหมดสภาพ ระบิลขำพลางลอยหน้าลอยตาทำท่าเยาะเย้ยเนติมาที่แฟนมาหลับในโรงหนัง เนติมานิ่วหน้าค้อนระบิลจนอยากไปขย้ำคอระบิลด้วยความหมั่นไส้
      
       ระบิลขับรถเข้ามาจอดหน้าประตูคฤหาสน์หรูของธำรงที่มีการ์ดยืนรักษาความปลอดภัยอย่างแข็งขัน
       ศิวัชนั่งอยู่ข้างพูดขึ้น
       “ส่งแค่นี้ก็พอครับ คุณกับเนติ์จะได้รีบกลับ”
       “ครับ”
       ระบิลยิ้มอย่างอารมณ์ดี ขณะที่เนติมาซึ่งนั่งอยู่เบาะหลังลงจากรถเพื่อเปลี่ยนมานั่งคู่กับระบิล ศิวัชลงจากรถยิ้มให้เนติมา เนติมาเอื้อมมือไปจัดปกเสื้อให้ศิวัชอย่างเอาใจใส่
       “วันหลังเหนื่อยก็บอกเนติ์นะคะ จะได้กลับไปพักผ่อน แค่เรื่องดูหนังเอาไว้วันหลังก็ได้”
       “ก็พี่อยากอยู่ใกล้ๆเนติ์นี่จ๊ะ”
       ศิวัชพูดอย่างจริงใจพลางเอื้อมมือไปจับมือเนติมามากุมไว้ด้วยความรัก ระบิลอมยิ้มมองภาพตรงหน้า
       ศิวัชเปิดประตูรถให้เนติมาเข้าไปนั่งคู่กับระบิล
       “ฝันดีนะจ๊ะเนติ์”
       “พี่ศิวัชก็พักผ่อนเยอะๆนะคะ อย่าลืมฝันถึงเนติ์นะ”
       เนติมาพูดอ่อนหวาน ศิวัชเอื้อมมือไปลูบผมเนติมาอย่างอ่อนโยน ก่อนหันไปพูดกับระบิล
       “คุณระบิล คุณรู้ใช่มั้ยครับว่าผมจะพูดอะไร”
       “ไม่ต้องห่วงครับคุณศิวัช ผมจะดูแลคุณเนติ์อย่างดีที่สุดครับ”
       ระบิลพูดยิ้มๆแต่เต็มไปด้วยความหนักแน่น ศิวัชยิ้มอย่างขอบคุณก่อนหันไปยิ้มกับเนติมาแล้วจึงปิดประตูรถให้ ศิวัชเดินเข้าไปในรั้วบ้านที่มีการ์ดเปิดประตูรอไว้อยู่แล้ว เนติมามองตามศิวัชไปด้วยความเป็นห่วง ระบิลมองอย่างเข้าใจ
       “เป็นห่วงคุณศิวัชเหรอครับ”
      
       ภายในรถ เนติมานั่งครุ่นคิดอะไรอยู่นิดหนึ่ง ก่อนถอนใจด้วยความไม่สบายใจนัก
       “เมื่อก่อนพี่ศิวัชไปไหนก็ขับรถไปเองได้สบายๆ แต่แค่ลงสนามการเมืองไม่กี่วัน ไปไหนมาไหนก็ต้องมีบอดี้การ์ดตั้งหลายคน นายไม่เห็นเหรอขนาดรอบๆบ้านยังต้องมี รปภ.”
       “คุณเองยังต้องมีผมตามประกบแจเลยไม่เห็นเหรอ”
       “แต่นายกับการ์ดของพี่ศิวัชไม่เหมือนกันนี่”
       “ไม่เหมือนยังไงครับ ก็หน้าที่ดูแลความปลอดภัยเหมือนกันนั่นแหละ”
       “ก็นาย...”
       เนติมาพูดได้เท่านั้นก็อดขำออกมาไม่ได้ ระบิลนิ่วหน้าด้วยความสงสัย
       “ทำไมคุณ”
       เนติมาพยายามกลั้นหัวเราะแล้วบอก
       “ก็นาย ...นายตลก ไม่เห็นเข้มเหมือนบอดี้การ์ดของพี่ศิวัชเลยฮ่าๆ”
       ระบิลเหล่มองเนติมาด้วยความหมั่นไส้ รีบหักพวงมาลัยรถเข้าข้างทางทันที ระบิลแกล้งชำเลืองหางตาจ้องเนติมาอย่างเอาจริง เนติมารีบกลั้นหัวเราะทำเป็นเสียงเข้ม
       “ก็จริงอย่างที่ฉันพูดมั้ยล่ะ”
       “อย่าไปพูดอย่างนี้ให้ใครฟังนะคุณ เสียลุคหมด”
       ระบิลแกล้งพูดให้เนติมาอารมณ์ดี ก่อนจะขับรถต่อไป ขณะที่เนติมาอดที่จะขำออกมาอีกครั้งไม่ได้
      
       ระบิลขับรถเข้ามาจอดที่หน้าบ้านกันต์ เนติมาขยับจะลงจากรถ แต่ระบิลรีบรั้งไว้
       “เดี๋ยวฉันลงไปเปิดประตูให้”
       “เดี๋ยวคุณ”
       “อะไร..ไม่มีอะไรหรอกน่า ฉันดูแล้วตอนนี้ไม่มีใคร”
       “ใช่..ไม่มีใคร แต่คุณดูนั่นสิ”
       ระบิลชี้ให้เนติมาดูประตูรั้วที่ถูกเปิดค้างไว้ เนติมามองตามไปแล้วต้องถอนใจ
       “อาจันทร์ลืมปิดประตูอีกแน่เลย”
       “ไม่ได้ลืมหรอกคุณ กุญแจมันถูกตัดน่ะ”
      
       ระบิลพูดเรียบๆ อย่างไม่ตื่นเต้นตกใจนัก ขณะที่เนติมามองกุญแจคล้องประตูที่ถูกตัดหล่นอยู่ตรงพื้นหน้าประตูด้วยสายตา ตะลึงตกใจกับภาพตรงหน้า  
 ลูกน้องอิทธิหาญเอาขาขึ้นพาดโต๊ะกลางห้องนั่งเล่นบ้านกันต์ แสดงความเป็นอันธพาลอย่างเต็มที่ โดยลูกน้องคนแรกพูดเสียงดัง
      
       “เฮ้ย! ได้ยังวะ รอนานแล้วนะโว้ย”
       “อย่าให้เสี่ยต้องมาเอง เดี๋ยวได้เสียเลือดเนื้อ” ลูกน้องคนที่สองบอก
       ลูกน้องอิทธิหาญหันมายิ้มให้กันอย่างสะใจ กันต์ซึ่งนั่งอยู่บนรถเข็นพยายามพูดอย่างใจเย็น
       “พวกแกบอกฉุกละหุกอย่างนี้ก็ต้องรอหน่อยใจเย็นๆน่า เดี๋ยวก็เสร็จ”
       “แต่เสี่ยหิว เสี่ยจะกินเดี๋ยวนี้โว้ย...เฮ้ย! เสร็จยัง” ลูกน้องคนแรกตะโกน
       “เงียบ..สงสัยต้องเรียกด้วยวิธีนี้แล้วโว้ย” ลูกน้องคนที่สามว่า
       ลูกน้องคนที่สามพูดแล้วพลางจะยกเก้าอี้ขึ้นจะทุ่ม แต่ต้องชะงักเมื่อถูกระบิลเอาปืนมาจ่อด้านหลัง
       “เก้าอี้ตัวนี้หักเมื่อไหร่ ไส้แกทะลุแน่”
       “เฮ้ย!”
       ลูกน้องคนแรกกับคนที่สองหันขวับมาพร้อมจะชักปืน แต่ระบิลไวกว่าปรี่เข้าไปทั้งถีบเตะจนลูกน้อง ทั้งสองคนลงไปกองกับพื้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่กันต์ตะลึงกับภาพตรงหน้า
       ลูกน้อคนที่สามขยับจะหยิบปืนขึ้นมา แต่ระบิลหันขวับมาถีบลูกน้องคนนั้นกระเด็นไปกระแทกผนังจนลงไปนอนกองกับพื้นอีกคน
       “แย่หน่อยนะ เท้าฉันไวกว่าลูกปืนแก”
       ระบิลยิ้มมองผลงานตรงหน้าอย่างชอบใจ ขณะที่เจือจันทร์ถือกล่องอาหารออกมาจากครัวด้านในก็ตกใจจนกล่องอาหารหลุดมือ ตกกระจายเมื่อเห็นภาพตรงหน้า เจือจันทร์รีบโผเข้าไปหากันต์ทันที กันต์พยายามพูดปลอบอย่างใจเย็น
       “ได้แล้วๆ...ตายแล้ว ! เกิดอะไรขึ้นคะคุณ”
       “ไม่มีอะไรคุณ...ทุกอย่างเรียบร้อย” กันต์ว่า
       “แค่กุ๊ยกระจอก ไม่ต้องกลัวหรอกครับ”
       เนติมาเดินเข้ามาจากนอกบ้านกวาดตามองลูกน้องอิทธิหาญที่นอนกองอยู่ ที่พื้นอย่างไม่พอใจ เนติมาเดินเข้าไปพูดกับกันและเจือจันทร์อย่างอ่อนโยน
       “อากันต์กับอาจันทร์ไม่ต้องกลัวนะคะ พวกเราจะไม่ยอมมันอีกแล้ว”
       “จะไม่ให้ฉันกลัวได้ยังไง นี่ถ้าเจ้านายพวกมันรู้เรื่องนี้เข้า มีหวัง...”
       เจือจันทร์พูดอะไรไม่ออกเพราะรู้สึกกลัวมาก แต่ระบิลยิ้มอย่างใจเย็น
       “นั่นแหละครับ คือสิ่งที่เราต้องทำ”
       ระบิลหันไปพูดกับลูกน้องอิทธิหาญ
       “กลับไปบอกลูกพี่พวกแกว่าที่นี่บ้านส่วนบุคคลไม่ใช่ร้านอาหารตามสั่ง ถ้าหิวโน่น..ร้านอาหารโน่นหรือถ้าไม่มีเงินไปซื้อ ให้มาขอเดี๋ยวฉันให้”
      
       ภายในบ้านอิสราวัชร อิทธิหาญผลักสาวสวยแต่งตัวเซ็กซี่ที่อยู่ในอ้อมแขนออกไปอย่างไม่ใยดี ก่อนลุกพรวดขึ้นมายืนด้วยความโมโห ขณะที่ลูกน้องที่สามคนยืนหน้าเจื่อนอยู่ตรงหน้า
       “มันเป็นใคร !”
       “มันบอกว่ามันเป็นญาติกันครับเสี่ย” ลูกน้องคนแรกบอก
       “ไอ้พวกนี้มันเคยเข้าไปดูทีหนึ่งแล้วครับ แต่ไม่เจอ” ปานว่า
       “ไปคราวนี้เจอเต็มๆเลยครับเสี่ย อูย”
       ลูกน้องคนที่สามพูดพลางกุมท้องที่ถูกระบิลถีบอยู่ด้วยความเจ็บ อิทธิหาญฉุนขาดปรี่เข้าไปถีบลูกน้องทั้งสามคนจนกระเด็นไปนั่งกับพื้น
       “โธ่โว้ย ! ไม่ได้เรื่องสักคน สามคนโดนคนเดียวสอย แถมยังโดนมันยึดปืนไปอีก อย่าอยู่เลยมึง !”
       อิทธิหาญชักปืนออกมาจะยิงลูกน้องทั้งสามคน แต่ปานเข้าห้ามไว้
       “อย่าครับเสี่ย !”
       “ทำไม ! ชีวิตถูกๆอย่างพวกมัน ฉันเอาเงินซื้อเมื่อไหร่ก็ได้ ห่วยอย่างนี้เลี้ยงทำไมให้เปลืองข้าวสุกวะ”
       “แต่ผมว่าตอนนี้ เราน่ารีบไปดูหน้าไอ้ญาติบ้านโน้นที่มันทำไอ้สามตัวนี่เสียหมาก่อนไม่ดีกว่าเหรอครับเสี่ย”
       ปานพูดอย่างใจเย็น อิทธิหาญนิ่งฟังยิ่งโมโห ก่อนหันขวับไปยังบ้านกันต์ทันที
      
       บริเวณทางเข้าสวนหย่อมบ้านกันต์ไฟถูกปิดมืด อิทธิหาญ ปานและลูกน้อง เดินเข้ามา
       “ทำไมมืดนักวะ”
       “นั่นสิครับเสี่ย เมื่อกี้ยังสว่างอยู่เลย” ลูกน้องคนแรกว่า
       “เฮ้ย..ยิงเรียกมันหน่อยสิ”
       “ครับเสี่ย” ลุกน้องรับคำ
       ลูกน้องคนแรกชักปืนขึ้นมาจะยิงขึ้นฟ้าแต่ต้องชะงักเมื่อแสงไฟจาก สปอร์ตไลท์ที่ติดอยู่ที่ระเบียงชั้นสองของบ้านสาดแสงสว่างจ้าเข้าตาพวกของ อิทธิหาญอย่างไม่ทันตั้งตัว
       “เฮ้ย !”
       “เสี่ย..ระวัง !”
       ปานปราดเข้าไปประชิดตัวอิทธิหาญทันทีเพื่อคุ้มกัน
       กันต์เลื่อนรถเข็นออกมาจากในบ้านอย่างใจเย็น
       “ขอโทษทีนะ แค่อยากติดไฟให้สว่างๆ”
       “ไอ้เดี้ยง ! มาก็ดีแล้ว หลานแกอยู่ไหน” อิทธิหาญพูดเสียงดัง
       “คุณมีธุระอะไรกับเขาเหรอ”
       “ฉันเข้ามาที่นี่ไม่จำเป็นต้องมีธุระ ถ้าแกลีลานัก ฉันก็จะให้มือแกเดี้ยงเหมือนขา”
       อิทธิหาญพูดด้วยความโมโห พร้อมหยิบปืนออกมาจะยิงมือกันต์
       “มีธุระอะไรกับฉันเหรอ” เสียงดังเข้ามา ทุกคนชะงักเมื่อได้ยินเสียงเนติมาดังออกมาจากในบ้าน
       เนติมากับระบิลเดินออกมายืนข้างกันต์ เนติมานิ่งมองอิทธิหาญอย่างไม่กลัวเกรง อิทธิหาญตะลึงที่เห็นเนติมาที่บ้านหลังนี้
       เนติมาชำเลืองมองปานที่เป็นผู้ลงมือยิงพ่อแม่ของตนด้วยสีหน้านิ่งแต่ข้างในเต็มไปด้วยความแค้น
       ปานเห็นระบิลถึงกับตะลึงด้วยความตกใจ เพราะระบิลเป็นน้องชายของเพื่อนสนิทตัวเอง
       “นึกว่าใคร !”
       “คิดไม่ถึงสินะว่าฉันจะมาหายใจรดต้นคอนายขนาดนี้”
       “ตัวจริงสวยกว่าในรูปตั้งเยอะ แล้วอยากให้ฉันหายใจรดต้นคอเธอบ้างมั้ยล่ะ”
       อิทธิหาญพูดพลางกวาดสายตามองเนติมาตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาเจ้าชู้ ก่อนสั่งลูกน้องด้วยความกักขฬะ
       “เฮ้ย ! ลากนังนั่นมา ฉันจะพามันไปเยี่ยมบ้านเดิมของมัน”
       “ครับเสี่ย / เฮ้ย !”
       ลูกน้องทั้งสามคนรับคำพร้อมปรี่จะเข้าไปจับตัวเนติมา แต่ทั้งสามคนต้องชะงักเมื่อระบิลขยับเข้ามา
       ยืนขวางไว้ พร้อมกับหยิบปืนสองกระบอกขึ้นเล็งอย่างใจเย็น
       “เอาซี้..ถ้าโดนถีบเมื่อกี้ยังไม่เข็ด”
       ปานขยับจะหยิบปืนขึ้นมา แต่ระบิลหันปากกระบอกปืนไปทางปานอย่างรวดเร็ว ปานชะงักไม่กล้าทำอะไรต่อเพราะโดยส่วนตัวสนิทกับครอบครัวระบิลดี
       
       ระบิลกับปานจ้องตากันนิ่ง ความทรงจำของทั้งสองคนผุดขึ้นมาทันที
 ที่บ้านสวนระบิลที่เพชรบุรี ระบิลกำลังนั่งอ่านหนังสือด้วยความตั้งใจบนเสื่อที่เอามาปูไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่ ในสวน ข้างๆระบิลมีหนังสืออีกหลายเล่มวางอยู่ ทันใดนั้น ระบิลต้องสะดุ้งด้วยความตกใจเมื่อมีเชือกกล้วยพาดมาจากด้านหลัง
       
       “เฮ้ย !”
       ระบิลสะดุ้งพรวด มองกลับไปที่ด้านหลังเห็นปานกับก้องยืนหัวเราะอยู่ โดยปานเป็นคนถือเชือกกล้วย ระบิลถอนใจเฮือกใหญ่
       “พี่ก้อง พี่ปาน ตกใจหมดเลย ผมนึกว่างู”
       “อะไรวะ จะเป็นตำรวจดันกลัวงู”
       “โธ่..ก็ผมกำลังอ่านหนังสือเพลินๆ นี่ครับพี่ปาน ดูสิ..อ่านถึงตรงไหนแล้วก็ไม่รู้”
       ระบิลสีหน้ายุ่งคลี่หนังสือหาหน้าที่ตัวเองอ่านค้างไว้ ก้องมองน้องชายแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้
       “พักก่อนก็ได้เดี๋ยวค่อยอ่านต่อ นี่..พี่ปานเขาซื้อของกินมาฝากแน่ะ”
       “เพิ่มพลังหน่อยว่าที่นักเรียนนายร้อย”
       ปานยิ้มชูถุงของกินที่มีหลายอย่างให้ระบิลดู ระบิลดีใจรีบปรี่เข้าไปรับ แล้วหยิบขนมใส่ปากกินทันทีด้วยความเอร็ดอร่อย
       “โห..กำลังหิวเลย อร่อยสุดยอด... ขอบคุณมากครับพี่ปาน”
       “เอ็งก็เหมือนน้องชายพี่แหละวะระบิล เข้านายร้อยให้ได้ แล้วพี่จะตบรางวัลใหญ่ให้โว้ย”
       ปานพูดอย่างนักเลงพร้อมเดินเข้าไปโอบไหล่ระบิลอย่างกันเอง ระบิลยิ้มอย่างมั่นใจ ทั้งสองคนสนิทสนมกันมาก
      
       ภายในสวนหย่อม ระบิลกับปานยังจ้องหน้ากันไม่วางตา สายตาของระบิลรู้สึกผิดหวังในตัวของปานมาก
       “เฮ้ย..ปาน ทำอะไรอยู่วะ (หยิบปืน) โธ่โว้ย !” อิทธิหาญโวยปานด้วยความโมโห
       อิทธิหาญขยับจะหยิบปืนของตัวเองขึ้นมา แต่ต้องชะงักเมื่อระบิลพูดเสียงดัง
       “แน่ใจนะว่าจะทำอะไรโง่ๆ อย่างนั้น”
       “แกหมายความว่าไง”
       อิทธิหาญพูดด้วยความสงสัย เนติมายิ้มพูดอย่างใจเย็น
       “ก็ไม่มีอะไร แค่พฤติกรรมของพวกนายตั้งแต่เดินก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้ถูกบันทึกไว้เป็นหลักฐานหมดแล้วก็เท่านั้น”
       “หลักฐาน..หลักฐานอะไรวะ”
       “เสี่ยดูนั่น !”
       ปานหันมองไปที่มุมๆ หนึ่งของบ้านแล้วรีบชี้ให้อิทธิหาญดูกล้องวงจรปิดที่ติดไว้ อิทธิหาญยิ่งมองยิ่งโมโห
       “นี่แกกะแบล็คเมล์พวกฉันเหรอ”
       “ทุกพวกที่เข้ามาก่อกวนในบ้านหลังนี้” เนติมาว่า
       “แล้วไม่ต้องห่วงนะว่าจะเก็บภาพพวกแกไม่ได้ทุกมุม โน่นๆๆๆ ในบ้านก็มีอีกหลายตัว” ระบิลพูดต่อพลางชี้ไปรอบๆบริเวณ อิทธิหาญกับพวกมองตามด้วยความระแวง
       ระบิลยิ้มกวนก่อนหันไปคว้ามือเนติมาแล้วเอาปืนให้เล็งไปที่พวกอิทธิ หาญ เนติมาตกใจนิดหนึ่งเพราะยังไม่ทันตั้งตัว มองหน้าระบิลงงๆ ระบิลยิ้มกวน แล้วสาธยายต่ออย่างสบายๆ
       “และพิเศษสุดสำหรับวันนี้ กริยาทรามๆของนายทุกช็อตจะถูกถ่ายทอดไปยังสถานีตำรวจ เพียงฉันกดปุ่มนี้”
       ระบิลหยิบโทรศัพท์สมาร์ทโฟนขึ้นมาแล้วกดเปิดหน้าจอกดปุ่มมั่วๆท่าม กลางความตะลึงของทุกคน โดยเฉพาะเนติมาที่มองระบิลด้วยความสงสัยอย่างมาก
       อิทธิหาญครุ่นคิดอย่างสับสน ก่อนโวยออกมาอย่างหงุดหงิด
       “ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าตำรวจจะช่วยอะไรพวกแกได้”
       อิทธิหาญพูดด้วยความใจร้อนยกปืนขึ้นจะยิงเนติมา ระบิลรีบคว้าปืนจากมือเนติมาขึ้นมาเล็งไปที่อิทธิหาญอย่างรวดเร็วเช่นกัน แต่ทั้งหมดต้องชะงักเมื่อมีรถตำรวจวิ่งเปิดไฟไซเรนเข้ามาอย่างรวดเร็ว
       เนติมาหันไปมองระบิลด้วยความสงสัย ระบิลสะดุ้งนิดหนึ่งก่อนพูดอย่างงงๆเหมือนกัน
       “อย่าถามผม ผมก็งงเหมือนคุณนั่นแหละ”
       ผู้กำกับวิเชษฐ์กับลูกน้องกรูกันลงมาจากรถ กระจายกำลังกันล้อมอิทธิหารกับพวกอย่างรู้งาน
       ผู้กำกับฯกับระบิลมองหน้ากันนิดหนึ่งอย่างมีนัยเพราะทั้งสองคนสนิทสนมกันดี ก่อนผู้กำกับวิเชษฐ์
       จะหันไปพูดกับเนติมาและกันต์
       “มีเรื่องอะไรกันเหรอครับ”
       “คนพวกนี้บุกรุกบ้านญาติฉันค่ะคุณตำรวจ”
       “ช่วยเชิญเขากลับออกไปทีเถอะครับ” กันต์ว่า
       เนติมากับกันต์พูดอย่างใจเย็น ผู้กำกับวิเชษฐ์อมยิ้มเป็นเชิงรับรู้ก่อนจะหันไปหาอิทธิหาญอย่างเอาจริง อิทธิหาญจ้องมองระบิล เนติมา ผู้กำกับวิเชษฐ์และกันต์ด้วยความโมโหอย่างมาก
      
       ภายในห้องนั่งเล่น ระบิลกับผู้กำกับฯวิเชษฐ์ต่างหัวเราะโผเข้ากอดกันอย่างสนิทสนม
       “ไม่ได้เจอตั้งนาน สบายดีนะครับพี่”
       “ก็เรื่อยๆนายล่ะเป็นไงบ้าง ไปไงมาไงถึงมาโผล่ที่นี่ได้” วิเชษฐ์ถาม
       “เรื่องมันยาวครับพี่เชษฐ์”
       ระบิลพูดยิ้มๆ ก่อนหันไปหาเนติมา กันต์ เจือจันทร์ที่ยืนมองด้วยความงงอยู่
       “เออ..นี่พันตำรวจเอกวิเชษฐ์เป็นรุ่นพี่ผมเองครับ เราเคยร่วมกันทำงานหลายครั้ง ใสซื่อมือสะอาด ตรงเป็นไม่บรรทัดเลยล่ะครับ แถม...”
       วิเชษฐ์พูดแทรก
       “พอๆ ไม่ต้องบรรยายสรรพคุณ ยิ่งนายบรรยายมากฉันยิ่งหมดความน่าเชื่อถือว่ะ”
       ระบิลกับผู้กำกับวิเชษฐ์ยิ้มอย่างไม่คิดอะไรมาก ก่อนผู้กำกับจะหันไปพูดกับเนติมา
       “ผมถูกขอตัวให้มาประจำสถานีตำรวจท้องที่นี้ครับ ต่อไปผมจะจัดสายตรวจเวียนมาดูแลความเรียบร้อยแถวนี้ให้บ่อยขึ้น พวกนั้นมันจะได้ไม่กล้าทำอะไรอย่างวันนี้อีก”
       “อย่างนี้ค่อยอุ่นใจหน่อย ขอบคุณผู้กำกับมากนะคะ” เนติมายิ้มแล้วตอบ
       “แต่ถึงไม่มีผม ทุกคนก็สบายใจได้นะครับ นายระบิลเนี่ยเขายอดฝีมืออยู่แล้ว
       “เออ..พี่เชษฐ์อย่าพูดความจริงอย่างนี้สิครับ ผมเขินนะเนี่ย ฮะฮ่า”
       ผู้กำกับวิเชษฐ์พูดยิ้มๆเอื้อมมือไปโอบไหล่ระบิลอย่างคุ้นเคย ระบิลยิ้มกอดอกยืดลอยหน้าลอยตายักคิ้วมองเนติมาอย่างกวนๆ จนเนติมาต้องมองค้อนใส่ด้วยความหมั่นไส้
       เจือจันทร์เดินถือถาดใส่แก้วน้ำมาวางด้วยสีหน้าไม่สบายใจนัก
       “ความจริงเมื่อกี้น่ารวบพวกมันไปเข้าคุกเลยนะคะ ไม่น่าปล่อยพวกมันไปเลย”
       “ทำอย่างนั้นผมว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ อย่าลืมว่านายพงษ์เลิศพ่อของอิทธิหาญยังมีพาวเว่อร์มากอยู่นะคุณ” กันต์ว่า
       “แค่เขารู้ว่าผมย้ายมาประจำที่นี่ก็คงไม่พอใจมากอยู่ล่ะครับ”
       “แหม..อยากเห็นสภาพพ่อลูกคู่นี้จริงๆ ป่านนี้ไม่รู้จะเป็นยังไง”
      
       ระบิลพูดยิ้มอย่างอารมณ์ดีเมื่อนึกถึงอิทธิหาญกับพงษ์เลิศ 
source: manager.co.th   

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น