วันพฤหัสบดีที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อ่านละครรักเกิดในตลาดสด ตอนที่ 5 วันที่ 2 ส.ค. 55

เลื่อนกับรักเร่ตามไปซุ่มสังเกตการณ์อยู่ เห็นต๋องไปคุยตีสนิทกับจาตุรงค์ก็แปลกใจว่าต๋องจะพังงานนี้ได้อย่างไร แต่เลื่อนก็ยังเชื่อมั่นว่า ระดับต๋องรับรองว่าทำอะไรต้องไม่ธรรมดาแน่

หลังจากใช้ชั้นเชิงและเชาวน์ไวทำให้จาตุรงค์ดื่มน้ำผสมยาดองม้าดีดกะโหลกช้างเข้าไปแล้ว แปะต๋องก็ยืนคอยยาออกฤทธิ์อย่างกระหยิ่ม

ครู่ เดียวก็เห็นจาตุรงค์วิ่งท่าควบม้า ปากก็ร้อง “ฮี้... กับๆ ฮิกับ...ฮิกับ...” ท่าทางม้าจาตุรงค์คึกคะนองเต็มที่ แต่ทำเอาทุกคนในงานตกใจมาก จาตุรงค์ควบเป็นม้าขึ้นไปบนเวที ใช้เชือกในมือหวดตวัดไปมาเหมือนหวดแส้

กิมฮวย เคี้ยง เต็กไฮ้ และลักษณ์ วิ่งออกมาดูอย่างตกใจ

“กิมลั้ง” จาตุรงค์ร้องเรียกแล้วเดินไปหา แต่เดินเลยกิมลั้งไปหากิมแชที่ยืนอยู่ข้างหลัง ลากกิมแชขึ้นไปร้องเพลง เต็กไฮ้พยายามเรียกลูกชายให้ได้สติ แต่ถูกจาตุรงค์ผลักกระเด็น แล้วบอกกิมแชว่าวันนี้เราต้องร้องเพลงให้แขกผู้มีเกียรติฟังด้วยกัน เป็นคนเสนอเพลง “นกเขาคูรัก” เอง

กิมแชจำต้องร้องเพลงคู่กัน แขกที่มาในงานพากันชอบใจ แปะต๋องที่ยืนดูอยู่ก็หัวเราะชอบใจกับความคึกของจาตุรงค์

เลื่อนบอกรักเร่ที่ยืนดูอยู่ด้วยกันว่า “ข้าบอกแล้วไง ระดับพี่ต๋อง ต้องไม่ธรรมดา”

เคี้ย งร้อนใจถามเต็กไฮ้ที่ยืนเหวออยู่ว่าจะเอา อย่างไรดี กิมฮวยแหวใส่ว่าจะทำอะไรสักอย่างกันไหมเนี่ย ในขณะที่บนเวทีก็ยังร้องเพลง “นกเขาคูรัก” กันอย่างได้อารมณ์

จนเพลงท่อนสุดท้าย จาตุรงค์ร้อง “พี่ต้องเอาอย่างมัน...” แล้วเชยคางกิมแชจะจูบ กิมแชตกใจยืนตัวแข็งทื่อ

ขณะ ที่ปากจาตุรงค์กำลังจะสัมผัสปากกิมแชนั่นเอง เต็กไฮ้ก็พุ่งพรวดเข้าไปกระชากขาจาตุรงค์อย่างแรง เขาเสียหลักร่วงลงจากเวทีหัวน็อกพื้นสลบคาที่

ท่ามกลางความตกใจแตกตื่นของแขกในงาน...

แปะต๋องค่อยเดินเลี่ยงไปอย่างใจเย็น

ooooooo

แต่ เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือต๋องยังมีลุงชวนชมและกิมฮวย ทั้งสองรู้ทันแผนการของต๋อง พอต๋องเดินออกมา ลุงชวนชมถามว่าเสร็จเรื่องก็จะชิ่งเลยเหรอ

ต๋องตกใจถามว่าลุงรู้หรือ ลุงชวนชมบอกว่าเรื่องบัดสีบัดเถลิงแบบนี้ตนจมูกไวอยู่แล้ว ต๋องโต้ว่าตนมาขัดขวางงานหมั้นที่ขโมยแฟนตนมันผิดตรงไหน

“เอ็งก็ดี แต่โทษคนอื่นล่ะวะ เอ็งเคยใช้กะลาหัวคิดดูบ้างไหมว่า ทำไมกิมฮวยถึงไม่ยอมยกลูกสาวให้เอ็ง” ต๋องอ้างว่าเพราะกิมฮวยเกลียดตน ลุงชวนชมย้อนถามว่า  “แล้วไง...แทนที่จะหาทางชนะใจเขา ทำให้เขาเห็นว่าเอ็งคู่ควรกับกิมลั้งยังไง เอ็งก็เลือกใช้วิธีแย่ๆ แบบที่เขาคิดว่าเอ็งเป็นน่ะเหรอ งั้นข้าก็ว่ากิมฮวยคิดถูกแล้วล่ะ ที่ไม่ยกลูกสาวให้ผู้ชายอย่างเอ็ง”

“ลุงไม่มีวันเข้าใจฉันหรอก”

“ไม่ต้องมาตีหน้าเศร้า เอ็งน่ะต้องเข้าใจคนอื่น

ไม่ใช่ให้คนอื่นเข้าใจเอ็งเว้ย” ลุงชวนชมว่าแล้วเดินไปเลย
ต๋องอึ้งไปครู่หนึ่งจึงเดินแยกไปอีกทาง ขณะถอดชุดอาแปะออกซุกไว้ในซาเล้งเตรียมกลับ ก็ถูกกิมฮวยตะคอกถามว่า

“ดีใจ ไหมล่ะที่งานมันพังลงได้” กิมฮวยพูดอย่างรู้ทันว่าต๋องมาวนเวียนอยู่แถวนี้เพื่อดูความพินาศของงาน ชี้หน้าด่าว่า “ลื้ออย่าคิดนะว่าจะมีโอกาสมีหวังกับอากิมลั้งอีก อั๊วไม่มีทางยอมให้ลื้อลงเอยกับอากิมลั้งเด็ดขาด!”

“ไอ้ที่น้าทำๆไป เคยถามลูกสาวสักคำไหมว่าต้องการรึเปล่า น้าไม่ได้ทำร้ายฉันคนเดียวหรอกนะ แต่น้ากำลังทำร้ายหัวใจของกิมลั้งด้วย หรือว่านี่เป็นวิธีแสดงความรักของน้า”

กิมฮวยโต้ว่าไม่มีใครที่จะรัก กิมลั้งมากไปกว่าตนหรอก ต๋องสวนไปทันทีว่า ถึงตนจะรักกิมลั้งไม่เท่ากับคนที่เป็นแม่ แต่ในฐานะคนรัก ตนทำทุกอย่างให้กิมลั้งได้

“ไม่จริง ลื้อไม่ได้รักอากิมลั้ง ลื้อก็แค่อยากได้ลูกสาวอั๊วไปเป็นของลื้อ ต้องการให้อีทำให้ลื้อมีความสุข ทำให้ลื้อมีกำลังใจสู้ชีวิต ลื้ออยากได้อีก็เพื่อตัวลื้อเองทั้งนั้น ลื้อมันเห็นแก่ตัว” ต๋องพยายามจะเถียงว่าไม่ใช่ กิมฮวยขัดขึ้นว่า “ใช่สิ เพราะถ้าลื้อรักอีจริง ลื้อต้องปล่อยให้อีไปมีชีวิตที่ดี ที่มีอนาคตกว่าจมปลักอยู่กับคนอย่างลื้อ อาจาตุรงค์น่ะไม่ใช่ผู้ชายที่ดีที่สุดสำหรับอากิมลั้งหรอก แต่อีคือคนที่จะดูแลกิมลั้งต่อไปได้ในวันที่ไม่มีอั๊วแล้ว”

ต๋องมึนตื้อเถียงไม่ออก กิมฮวยหันหลังกลับไปแล้ว ต๋องยังยืนหลอนอยู่กับคำพูดของกิมฮวย...

ooooooo

เมื่อ จาตุรงค์ยังต้องนอนโรงพยาบาลเช่นนี้ ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรต่อไป กิมฮวยเสนออย่างถอดใจว่า รอให้จาตุรงค์หายก่อนค่อยว่ากันอีกทีก็แล้วกัน

กิมลั้งโล่งใจที่งาน วันนี้ล่มเสียได้ แต่ก็หยอกน้องสาวว่า ถ้างานไม่ล่มอาจกลายเป็นงานหมั้นของกิมแชไปก็ได้ ทำเอากิมแชที่ยังเคลิ้มกับอารมณ์หวิวที่เกือบถูกจาตุรงค์จูบ ตื่นเต้นตกใจจนเก็บอาการไม่อยู่พูดลนๆ ว่า

“อั๊วโล่งใจ ในที่สุด เจ้ก็ไม่ต้องหมั้นกับคนที่เจ้ไม่ได้รักยังไงล่ะ ถ้าพี่ต๋องรู้เรื่องวันนี้คงดีใจน่าดูเลยนะ”

ฝ่าย ต๋อง ถูกทั้งลุงชวนชมตำหนิและกิมฮวยด่า กลับไปนั่งเศร้าที่ร้านขายของเก่า จนเลื่อนกับรักเร่แปลกใจว่า ไปล้มงานหมั้นสำเร็จมาแต่กลับทำท่าเหมือนคนอกหัก รักเร่บอกว่าต๋องอาจทำท่าแก้เคล็ดก็ได้

ที่หน้าร้านขายของเก่านั่น เอง พิตตี้พาดีเจนุ้ยและทีมงานมายืนเมียงๆ มองๆ บอกว่าที่นี่เป็นที่ที่ต๋องกับวงใช้ซ้อมเพลง เงี่ยหูฟังได้ยินเสียงเพลงแว่วออกมา พิตตี้บอกว่าไม่พลาดแน่ ให้ตามเข้าไปเลย

เข้าไปในร้านแล้วทั้งหมดยืนฟังจนต๋องซ้อมเพลงจบ ก็ปรบมือลั่น พวกต๋องหันมองงงๆ ว่าใคร? มาทำอะไร?

เมื่อ พิตตี้พาดีเจนุ้ยกับทีมงานเข้าไปแนะนำตัวและบอกเล่าถึงจุดประสงค์ที่มาหา ต๋องแล้ว ต๋องทวนอย่างไม่เชื่อหูตัวเองว่า “พี่จะเอาวงผมไปออกทีวี?!”

“ใช่ค่ะ...คือรายการไชโยโห่ฮิ้วของพี่เนี่ย จะมีช่วง ‘คนมีของ’ ที่เปิดโอกาสให้คนชอบโชว์ได้แสดงความสามารถ”
ดีเจนุ้ยเล่าว่า เมื่อคืนได้เห็นการแสดงของต๋องกับเพื่อนในยูทูบที่มีคนดูเป็นหมื่นในชั่ว ข้ามคืน เลยคิดจะเอาไปออนแอร์ในรายการแทนของเดิมที่เตรียมไว้ เห็นต๋องยังงงๆ ดีเจนุ้ยให้ความหวังว่า

“พี่คิดว่านี่เป็นโอกาสดีที่ ต๋องกับเพื่อนจะได้เปิดตัวกับคนทั้งประเทศ รายการพี่น่ะเรตติ้งดีมากเลยนะ ตกลงว่ารับปากนะ” พวกต๋องตอบรับทันทีเป็นเสียงเดียวกัน ดีเจนุ้ยเลยนัดไปถ่ายในสตูดิโออันสวยเริ่ดของตน ต๋องเสนอว่า

“เอ่อ...พี่ มาถ่ายพวกผมในตลาดแทนได้ไหมครับ” ดีเจนุ้ยไม่เห็นด้วยถามว่าตลาดสดจะสวยสู้สตูได้ยังไง ต๋องพูดหน้านิ่งจริงจังว่า “คือวงผมน่ะเกิดในตลาด ถ้าไม่เปิดตัวที่นี่แล้วมันจะไปมีความหมายอะไรล่ะครับ”

ooooooo

ดีเจ นุ้ยขอกลับไปปรึกษากับทีมงานก่อน ระหว่าง นั้นต๋องก็ถูกเพื่อนร่วมวงบ่นกันเล็กน้อยว่าไปยื่นเงื่อนไขให้เขาปฏิเสธทำไม ถ่ายทำในสตูยังไงก็ต้องดีกว่าตลาดอยู่แล้ว

“พวกเอ็งน่ะไม่รู้อะไร เลยจริงๆ นี่น่ะเป็นโอกาสเดียวที่เราจะช่วยกู้ชื่อเสียงกลับมาให้ตลาดอีกครั้ง เพราะถ้าเราโปรโมตว่าวงเราน่ะเล่นประจำอยู่ในตลาด ถ้ามีคนชอบใจเขาก็จะตามมาดู ลองเหยียบมาถึงในตลาดแล้ว ใจคอเขาจะไม่ซื้ออะไรติดไม้ติดมือกลับไปบ้างก็ประหลาดล่ะ”

ทุกคนเลยชมต๋องว่าฉลาด ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ แต่รักเร่ติงว่าแล้วทางรายการเขาจะเล่นด้วยหรือ

“แล้ว เอ็งคอยดูไป” ต๋องตอบอย่างมั่นใจ พูดไม่ทันขาดคำก็ได้รับโทรศัพท์จากดีเจนุ้ยตอบตกลง นัดพรุ่งนี้เจอกันเลย ทุกคนเลยเฮกันลั่นด้วยความดีใจสุดๆ

ต๋องนัดณดาพบกันที่ร้านอาโกเพื่อ บอกข่าวดีและขอความร่วมมือ ณดาดีใจขอบคุณต๋องที่ยังนึกถึงตลาดตลอดเวลา ทั้งที่เขาเองก็เพิ่งถูกคุณแม่ไล่ออกจากตลาดไปหยกๆ รับปากว่าจะประสานงานอำนวยความสะดวกให้เอง

ระหว่างกำลังติดต่อประสาน งานยุ่งๆอยู่ กิมลั้งโทร.เข้ามือถือต๋องด้วยความเป็นห่วง แต่ต๋องยังคิดไม่ตกที่ถูกทั้งลุงชวนชมตำหนิและถูกกิมฮวยด่าจึงยังไม่รับสาย เฝ้าถามตัวเองว่า “นี่เราเห็นแก่ตัวขนาดนั้นจริงๆเหรอ”

แต่ในที่สุด ก็ใจอ่อนยอมรับสาย กิมลั้งดีใจถามว่ายอมรับสายตนแล้วหรือ ตอนนี้อยู่ที่ไหน แอบลุ้นให้ต๋องมาอยู่ที่หน้าบ้านอย่างที่เคยทำ แต่แล้วก็ผิดหวังเมื่อต๋องบอกว่าตนเพิ่งกลับถึงบ้าน กิมลั้งเล่าอย่างดีใจว่างานหมั้นวันนี้ล่ม แต่ก็ตัดพ้อว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญโชคช่วยตน แต่กลับไม่ใช่เขา

“ผู้ชาย อย่างฉันมันคงไม่มีปัญญาช่วยอะไรเธอได้หรอกกิมลั้ง... ฉันว่าเราพักก่อนดีกว่านะ ตอนนี้สมองฉันล้าเกินกว่าจะพูดเรื่องอะไรแล้วล่ะ”

กิมลั้ง วางสายไปงงๆเสียใจลึกๆ กับท่าทีที่เปลี่ยนไปของต๋อง เมื่อกิมลั้งเข้าห้องไปแล้ว ต๋องจึงโผล่จากหลังเสาไฟฟ้าหน้าบ้านด้วยความรู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก...

ooooooo

วันนี้กิมแชแต่งตัวสวยเตรียมออกจากบ้าน กิมลั้งถามว่าจะไปไหนก็บอกพี่สาวว่าจะไปทำธุระนิดหน่อย กิมลั้งดูออกเดาได้ว่ากิมแชจะไปไหน

ที่ แท้กิมแชแอบไปเยี่ยมจาตุรงค์ที่โรงพยาบาล พอเห็นกิมแช จาตุรงค์ก็ถามถึงกิมลั้ง เธอปดไปว่าเจ้ต้องขายของเลยให้ตนมาเยี่ยม และทำอาหารใส่ปิ่นโตมาให้ด้วย ปะเหลาะให้เขาต้องกินข้าวนี้ให้หมด แล้วลงมือป้อนให้จาตุรงค์กินอย่างเอร็ดอร่อยเพราะคิดว่าเป็นอาหารที่กิมลั้ง ฝากมาให้จริงๆ
ขอขอบคุณจาก thairath.co.th 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น