วันพฤหัสบดีที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อ่านละครพริกกับเกลือ ตอนที่ 3 วันที่ 2 ส.ค. 55

มารศรีเล่นละครตบตาดิ่งได้แนบเนียนสมจริงด้วยการบีบน้ำตารำพันว่าเธอยังรัก เขาอยู่ คิดถึงเขาตลอดเวลาที่จากมา ตอนแรกดิ่งหมางเมินไม่อยากฟัง แต่พอเธอเว้าวอนหนักเข้าเขาก็ทำท่าจะใจอ่อน

“คุณคงจะโกรธและเกลียดฉันมากเลยใช่ไหม”

“จู่ๆผู้หญิงที่ผมรักก็หายตัวไป...แล้วจู่ๆผมก็รู้ว่าเธอไปแต่งงานกับพ่อตัวเอง ผมควรจะรู้สึกอย่างนั้นไหม”

“แล้วคุณคิดว่าฉันอยากให้เป็นอย่างนี้เหรอ”

“แต่ที่ผมเห็น คุณมีความสุขมาก”

“ไม่เคยมีความสุขเลย ไม่มีสักวินาทีเดียว เพราะฉันต้องทำ...เพราะฉันไม่มีทางเลือก”

“ทางเลือกอะไรที่ทำให้คุณทำเรื่องทุเรศๆแบบนี้ คุณรู้ใช่ไหมว่าท่านเป็นพ่อผม แล้วทำไมคุณ...”

“พ่อคุณข่มขืนฉัน!”

มารศรีสวนขึ้นมาด้วยสีหน้าเจ็บปวด ดิ่งตกใจแทบช็อก ค้านว่าไม่จริง พ่อของตนเป็นคนดี ไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นเด็ดขาด

“ไม่มีใครดีพร้อมไปหมดทุกอย่างหรอกนะ พ่อคุณชอบฉัน อยากได้ฉัน ทั้งๆที่ฉันบอกเขาไปแล้วว่าฉันเป็นแฟนคุณ”

“คุณโกหก!”

“ฉันจะโกหกเพื่ออะไร ทั้งๆที่มันทำให้ฉันอับอาย ไร้ซึ่งศักดิ์ศรี ไม่เหลือคุณค่า ไม่กล้ากลับไปสู้หน้าคุณแบบนี้ ฉันจะทำทำไม?”

มารศรี น้ำตาไหลพรากวิ่งหนีไป ดิ่งวิ่งตามเพราะรู้สึกเป็นห่วงและเริ่มหวั่นไหวกับเหตุผลของเธอ พอเห็นปฏิกิริยาดิ่งอ่อนลง มารศรียิ่งจัดหนัก ทำทีจะโดดลงแม่น้ำฆ่าตัวตาย ดิ่งหลงกลเหนี่ยวรั้งเธอไว้สุดแรง แล้วพาเธอมานั่งสงบสติอารมณ์ครู่หนึ่ง ก่อนที่เธอจะตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จต่อไป

“ที่ฉันต้องรีบกลับเมือง ไทยเพราะโรงงานของพ่อกับแม่มีปัญหา...ท่านอาจจะกลายเป็นคนล้มละลาย ฉันสงสารท่านมาก ไม่รู้จะช่วยได้ยังไง แล้วคุณเศกก็เข้ามา...ฉันเพิ่งรู้ว่าเขาเป็นเพื่อนของคุณพ่อ ฉันดีใจที่รู้ว่าเขาเป็นคุณพ่อของดิ่ง ฉันเลยแนะนำตัวว่าเป็นแฟนดิ่ง แต่เขาไม่สนใจ เขาบอกว่าชอบฉันตั้งแต่แรกพบ ถึงฉันจะพยายามถอยห่าง...จนวันหนึ่งในงานเลี้ยงประจำปีของลักชัวรี่คาร์ ฉันเป็นตัวแทนพ่อกับแม่ไปแสดงความยินดี... ขากลับคุณเศกอาสาไปส่งฉัน ฉันปฏิเสธ เพราะไม่อยากใกล้ชิดเขา”

มารศรีเสริมเติมแต่งเหตุการณ์ เพื่อเรียกคะแนนสงสารจากดิ่ง ทั้งที่ความจริงเธอนั่นแหละที่เป็นคนทอดสะพานให้นายเศกผู้ร่ำรวย เนื่องจากจมไม่ลงในฐานะครอบครัวตัวเองที่เปลี่ยนไป เธอถึงขนาดเอาตัวเข้าแลก แต่ยังมีหน้าเล่าให้ดิ่งฟังว่าถูกเศกข่มขืนจนต้องยอมแต่งงานด้วย เพื่อรักษาเกียรติยศของตัวเองและพ่อแม่

“คุณเข้าใจฉันหรือเปล่า ว่าฉันไม่มีทางเลือก” ดิ่งฟังแล้วอึ้ง กำมือแน่น ทั้งแค้นและเสียใจ “ไม่เชื่อใช่ไหม งั้นไปสิ ไปถามพ่อคุณเองว่ามันจริงอย่างที่ฉันพูดหรือเปล่า”

“ผมไม่มีทางกลับ ไปเหยียบบ้านนั้นอีก” ดิ่งโพล่งออกมาอย่างเจ็บปวด “ผมไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคนแบบนั้น...และคุณ ก็ไม่ใช่ไม่มีทางเลือก คุณเลือกได้ศรี คุณไม่จำเป็นต้องอยู่กับคนที่เหยียบย่ำศักดิ์ศรีของคุณ ถ้าคุณไม่ได้รักเขา...หรือว่าคุณรักพ่อผม”

“ฉันไม่เคยรักเขา แต่ฉันรักพ่อและแม่ของฉัน ฉันทำเพื่อพวกท่านค่ะ”

มารศรีตีหน้าเศร้า แต่พอดิ่งผลุนผลันไปแล้ว ใบหน้าเศร้าๆนั้นเปลี่ยนเป็นสะใจสมใจขึ้นมาทันที

“เมื่อ คุณไม่กลับ...มรดกส่วนที่เป็นของคุณก็จะกลายมาเป็นของฉันมากขึ้น...เงินทำ ให้ฉันสบาย... ไม่ใช่ความรัก” มารศรีพึมพำด้วยความดีใจ ก้าวเดินออกไปอีกทางอย่างมั่นใจกับสิ่งที่ตัวเองเลือก

ooooooo

หลัง คลาดสายตาจากดิ่งมาอย่างน่าเสียดาย จี๊ดรีบกลับเข้าบริษัทมาบอกเล่าสิ่งที่เห็นให้พ่อฟัง และเมื่อดิ่งกลับมา เจตนาจึงเรียกเขามาพบในทันที โดยที่จี๊ดก็ตามเข้ามาเตรียมสมน้ำหน้าเขาด้วย

“ยายจี๊ดบอกฉันว่า...นายไปเจอกับคุณมารศรี ภรรยาคุณเศก เจ้าของบริษัทที่เป็นคู่แข่งทางธุรกิจของฉัน”

ดิ่งชะงัก ไม่คิดว่าจี๊ดจะตามไปเห็น แถมเธอยังลอยหน้าฟ้องพ่อว่า ท่าทางทั้งคู่สนิทสนมกันมากด้วย

“ยายจี๊ด...ออกไปก่อน พ่อจะคุยกับเขาเอง”
ไม่ค่ะ จี๊ดจะอยู่ดูน้ำหน้าพวกไส้ศึก ยอมรับมาเลยว่านายคือคนที่คุณมารศรีว่าจ้างให้มาเป็นสายลับล้วงข้อมูลของบริษัทเรา”

“คุณมารศรีกับผมเป็นเพื่อนกันครับ”

“คนไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างนายมีเพื่อนระดับคุณมารศรีเหรอ เพ้อเจ้อ โกหกหน้าด้านๆ”

“ผมพูดความจริงครับ ผมกับคุณมารศรีเคยรู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียน แล้วเราก็ไม่ได้เจอกันนานมาก”

“เรียนอะไร เรียนที่ไหน โรงเรียนอะไร”

จี๊ดใส่เป็นชุด จนเจตนาต้องปรามให้พอที แต่ลูกสาวยังไม่ลดละ คาดคั้นจะเอาคำตอบจากนายดิ่งให้ได้

“โรงเรียนอะไรล่ะ บอกมาสิ ฉันจะไปเช็กว่ามีจริงหรือเปล่า ซึ่งขอเดาว่านายมั่ว สารภาพความจริงมาเดี๋ยวนี้”

“จี๊ด...พ่อบอกให้พอ ออกไปได้แล้ว”

“คุณพ่อจะไม่ไล่หมอนี่ออกเหรอ ไม่ได้นะคะ”

“จะให้พ่อไล่ออกเพราะแค่เขาเป็นเพื่อนกับภรรยาคู่แข่งเหรอจี๊ด”

“เพื่อน จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ หรือถึงจะจริง...คุณพ่อไม่กลัวความลับบริษัทรั่วไหลไปถึงหูเขาเหรอ มันไม่คุ้มกันเลย ยังไงคุณพ่อก็ต้องไล่มันออกไป”

“ดิ่ง...ออกไปทำงานไป”

ชายหนุ่มรับคำแล้วเดินออกไป จี๊ดไม่พอใจอย่างแรง ฮึดฮัดขัดใจที่พ่อไม่เข้าข้าง

“ถ้าไม่มีหลักฐาน พ่อไม่ไล่ใครออกทั้งนั้น แกก็ออกไปทำงานได้แล้ว ไม่อย่างนั้นพ่อจะไล่แกออก”

จี๊ด แค้นใจเดินกระฟัดกระเฟียดออกไป เจตนาเหนื่อยใจกับจี๊ดมาก ส่วนเรื่องของดิ่งเขาคิดแค่ว่า โลกกลมจริงๆ ที่ดิ่งเป็นเพื่อนกับภรรยานายเศก

ooooooo

วันเดียวกัน เศกซึมเศร้าอยู่กับบ้าน ไม่ยอมไป ทำงานจนพนักงานที่บริษัทต้องนำเอกสารมาให้เซ็น ศุวิมลทราบดีว่าพ่อยังทำใจไม่ได้เรื่องลูกชายคนโต แต่เธอก็ไม่อยากเห็นพ่อตกอยู่ในสภาพแบบนี้

“ศุกำลังให้เพื่อนที่เป็นตำรวจช่วยตามหาพี่ดิ่งให้แล้ว อีกไม่นานต้องได้ข่าวแน่ๆค่ะ คุณพ่ออย่าเพิ่งท้อแท้หมดหวังนะคะ”

“ถ้าคุณดิ่งตั้งใจจะหลบหน้า ตามหาไปก็เท่านั้นแหละค่ะ” มารศรีเอ่ยขึ้นมาด้วยความมั่นใจ

“ความคิดของพี่ดิ่ง มีแต่พี่ดิ่งที่รู้ คนที่ไม่รู้ กรุณาอย่าสันนิษฐานให้คนอื่นเสียหาย”

“ศรีพูดไปตามเนื้อผ้านะคะคุณศุ ไม่เห็นต้องว่าศรีขนาดนี้เลย”

“แกเลิกก้าวร้าวคุณศรีได้แล้ว ตอนนี้คุณศรีเป็นคนในครอบครัว เป็นเมียพ่อ ให้เกียรติเขาบ้าง”

“แต่เมียพ่อก็ควรจะรู้ว่าอะไรควรพูดหรือไม่ควรพูด โดยเฉพาะเรื่องพี่ดิ่ง ซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกับเขา”

“พ่อ ไม่อยากได้ยินชื่อไอ้ลูกเนรคุณ ห้ามใครพูดถึงมันอีก ในเมื่อมันตัดพ่อออกจากชีวิตของมันได้ พ่อก็ตัดมันออกจากชีวิตของพ่อได้เหมือนกัน”

ศุวิมลตกใจคาดไม่ถึง เศกเดินหนีไปทันที มารศรีแอบยิ้มสมใจ ก่อนจะตีหน้าเศร้าตามไปเอาใจเศก...

ส่วน ที่ศูนย์บริการของโมเดิร์นคาร์ ยามนี้ดิ่งกำลังเหนื่อยหน่ายใจกับคุณหนูจี๊ดตัวแสบที่ไม่ลดละเลิกจับผิดเขา เสียที เธอตามมาอาละวาดฟาดงวงฟาดงากับเขาอีกยก

“ไม่ว่านายคิดจะทำอะไร ขอให้รู้ไว้ว่าฉันจะคอยจับผิด และจะหาทางเล่นงานนายให้ได้ ระวังตัวไว้ให้ดี”

“ถามจริง ตั้งแต่เริ่มทำงานมา คุณได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์บ้างหรือยัง”

“จับผิดนายนี่แหละงานของฉัน”

“อืม...ความสามารถต่ำดี”

“นายดูถูกฉัน?”

“ดีใจ จังที่ไม่ได้ดูผิด ขอตัวนะ ผมจะไปทำตัวให้มีประโยชน์กับบริษัท” ดิ่งคว้าอุปกรณ์ทำงานเดินหนีไป จี๊ดเจ็บใจจะตามไปรังควานอีก แต่ยอดชายกับใจดีเข้ามาขวางไว้เสียก่อน

แล้วจี๊ดก็ใส่สีตีไข่ให้ เพื่อนทั้งสองคนฟังว่านายดิ่งเป็นไส้ศึก ใจดีติงจี๊ดว่าคิดมากไปเองหรือเปล่า เขาอาจจะเป็นเพื่อนกันจริงๆก็ได้ ขณะที่ยอดชายบอกว่าพวกตนก็ฐานะยากจน ยังเป็นเพื่อนกับจี๊ดได้เลย

“มันไม่เหมือนกัน” จี๊ดตะแบง พอเพื่อนๆให้อธิบายมาชัดๆ เธอก็เถียงไม่ออก พาลพาโลหาว่าพวกเขาเข้าข้างนายนั่นมากกว่าเพื่อน

“พวกเราไม่ได้เข้าข้างใคร แต่แค่เขารู้จักกันไม่ได้แปลว่าเขาเป็นไส้ศึก เหตุผลมันไม่พอ”
“นายนั่นไม่น่าไว้ใจ...เพียงพอแล้ว”

“พอเหอะ อคติเต็มหัวใจแบบนี้ พูดไปก็ไม่เวิร์กแล้วยอด”

ใจ ดีตัดบท แต่จี๊ดโกรธควันออกหู ยื่นคำขาดว่าพวกเธอจะเป็นมิตรหรือศัตรูกันแน่ คำตอบคือศัตรู คุณหนูจี๊ดถึงกับผงะ คาดไม่ถึงว่าสองเพื่อนรักจะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้

“พวกแกเปลี่ยนไป ตั้งแต่นายนั่นเข้ามาสร้างความวุ่นวายในชีวิตฉัน ทำเหมือนฉันโง่ ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร แล้วพวกแกก็ยังมีอคติกับพี่เทวัญหาว่าพี่เทวัญกำลังจะนอกใจฉัน อ๋อ ที่พวกแกเข้าข้างนายดิ่ง เพราะนายนั่นก็เกลียดพี่เทวัญเหมือนกันใช่มั้ย ใส่เสื้อสีเดียวกันนี่เอง”

“ใจดี...ไปทำงานเหอะ เริ่มเยอะแล้ว” ยอดชายตัดบทลุกนำใจดีออกไป จี๊ดหงุดหงิดไม่ได้ดังใจ อยากกรี๊ดให้กระจาย ถ้าไม่ติดขัดว่าพนักงานทั้งหลายจะแตกตื่นตกใจ

ooooooo

ดิ่ง เตรียมตัวเอารถลูกค้าที่ซ่อมเสร็จแล้วออกไปทดลองขับ ลุงแปลงเดินเข้ามาทักก่อนพูดถึงเรื่องคุณหนูจี๊ดที่ดิ่งเพิ่งเจอฤทธิ์เดชของ เธอมา

“อย่าไปถือสาแกเลยนะ อดทนไว้ จริงๆแล้วแกเป็นคนแพ้ความดีนะ ลุงรู้ว่าเอ็งเป็นคนดี อีกไม่นานคุณจี๊ดก็ต้องยอมแพ้”

“แสดงว่าคุณเทวัญเป็นคนดี คุณจี๊ดเลยยอมแพ้ให้”

“หรือว่าเอ็งไม่คิดว่าเขาดีล่ะ”

“ไม่ทราบครับลุง ผมรู้จักเขาแค่เพียงไม่นาน คนเราดูกันแค่สั้นๆไม่ได้หรอกครับ”

“ก็จริง...เอ็งไปทำงานเถอะ”

ดิ่ง ยิ้มรับแล้วหันกลับไปทำหน้าที่ของตน แต่ไม่น่าเชื่อว่าการที่ดิ่งนำรถของลูกค้าออกไปทดสอบนอกบริษัทจะทำให้เขาได้ พบเจอกับสิ่งไม่คาดฝัน

รถที่ดิ่งขับกับรถของเทวัญเกือบชนกันหน้า โรงแรมม่านรูด ที่สำคัญผู้หญิงที่นั่งมากับเทวัญคือเงาะเพื่อนสนิทของจี๊ดนั่นเอง เทวัญกับเงาะหน้าซีดเป็นไก่ต้ม ปฏิเสธไม่ออกเพราะหลักฐานคาตา

“แกตามฉันมาใช่มั้ย” เทวัญตะคอกใส่

“ผมเอารถลูกค้ามาเทสต์ กำลังจะกลับ”

“เดี๋ยวก่อน...แกบอกฉันซิ ว่าแกเห็นอะไร”

“คุณออกมาจากม่านรูดกับคุณเงาะเพื่อนคุณจี๊ด”

“ไม่ใช่...แกเห็นฉันมาคนเดียว! ไม่งั้นแกเดือดร้อนแน่”

“คุณควรจะไปทำอะไรให้มันไกลๆออฟฟิศหน่อยนะ แต่ไม่ต้องห่วง ผมไม่ได้มีนิสัยขี้ฟ้องใคร ยิ่งเรื่องคาวๆ

แบบนี้อยู่นอกเหนือความสนใจของผม”

ว่าแล้วดิ่งขึ้นรถขับออกไป เทวัญวิตกกังวลว่าดิ่งจะปากโป้ง เขาเดินหน้าเครียดกลับมาขึ้นรถ พอเจอสาวเงาะลนลานหวาดหวั่นก็ยิ่งโมโห

“เขาจะเอาเรื่องไปบอกจี๊ดหรือเปล่าคะ พี่เทวัญจะเดือดร้อนหรือเปล่าคะ”

“เงียบ น่า!!” เทวัญหลุดปากตะคอกจนเงาะสะดุ้งตกใจ พอรู้ตัวก็รีบปลี่ยนท่าที จับมือเธอบีบเบาๆ ให้กำลังใจ “ไม่มีใครต้องเดือดร้อนเพราะเรื่องนี้ ยกเว้นมัน...ไอ้ดิ่ง”

ครั้นกลับมาถึงออฟฟิศ เทวัญทำทีไปหยั่งเชิงจี๊ด ปรากฏว่าจี๊ดไม่รู้เรื่อง เอาแต่มุ่งมั่นจะจัดการนายดิ่งให้จงได้ เพราะกลัวเขามาสืบความลับเอาไปให้บริษัทคู่แข่ง

ใกล้ค่ำกลับถึงบ้าน จี๊ดนำเรื่องที่เห็นดิ่งนัดพบมารศรีมาเล่าให้แม่วันดีฟัง เท่านั้นเองก็เป็นเรื่อง วันดีตรงดิ่งไปห้องพักคนสวน โดยมีสาวจี๊ดกับป้าเพ็ญตามหลัง

“ฉันคงให้เธออยู่ร่วมชายคาไม่ได้อีก เธอคงจะรู้ว่าเพราะอะไร คุณเจตนาอาจจะไม่เห็นว่ามันสำคัญ แต่ฉันไม่ใช่ ฉันต้องตัดไฟแต่ต้นลม เพื่อความปลอดภัยของโมเดิร์นคาร์ เธอต้องไปอยู่ที่อื่น”

“รีบๆไปสิ” จี๊ดเร่งยิกๆ เลยโดนดิ่งสวนเข้าให้ว่า

“กลัวคุณท่านจะมาเห็นเสียก่อนหรือไง”

พูดขาดคำ เสียงเจตนาดังเข้ามาพอดี “มีเรื่องอะไรกัน คุณวันดี ยายจี๊ด”

สองแม่ลูกสะดุ้ง หันมองเจตนาที่เดินมากับนายแช่ม...

วัน ดีดึงดันจะให้นายดิ่งออกจากบ้านหลังนี้ เธอหาว่าสามีมองคนในแง่ดีเกินไป ถึงขนาดนี้แล้วยังคิดว่านายดิ่งไว้ใจได้อยู่อีกหรือ? ส่วนจี๊ดก็บ่นแล้วบ่นอีกว่า ไม่เข้าใจพ่อจริงๆ

“การเชื่อใจคนสักคน หนึ่งมันไม่มีอะไรต้องเข้าใจยาก” เจตนาเน้นย้ำ ทำให้วันดียิ่งโมโห บอกว่าสักวันถ้านายเศกเล่นงานเขาสำเร็จ แล้วจะรู้สึก “ผมรู้จักนายเศกดี เขาเป็นนักธุรกิจ ไม่ใช่เป็นมาเฟีย เป็นไปไม่ได้ที่นายดิ่งเข้ามาแทรกซึมในบริษัทโดยยอมลงทุนเอาตัวเองเข้า เสี่ยงตายช่วยผมแบบนั้น”
ขอขอบคุณจาก thairath.co.th 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น