วันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อ่านละครรักเกิดในตลาดสด ตอนที่ 6 (ต่อ)วันที่ 5 ส.ค. 55


 คืนนั้น รถกระบะหลายคันแล่นมาจอดด้วยความรวดเร็วในตลาดร่วมใจเกื้อ ครู่หนึ่งลูกน้องของชายศักดิ์ลงมาจากรถกระบะพร้อมอุปกรณ์การจับหนู ชั่วพริบตากำจัดหนูได้จนหมดตลาด
      
       เช้าวันใหม่ สดศรีกับณดาเดินนำทีมชาวตลาดเดินสำรวจพื้นที่ตลาด
       “แล้วความสะอาดก็กลับมาภายในข้ามคืน ไม่คิดเลยนะว่าไอ้ชายศักดิ์กับนังรัศมีมันจะเล่นแรงถึงขนาดนี้ คราวนี้ก็ถึงทีชั้นจะเล่นงานมันบ้าง” สดศรีเอ่ยขึ้น
       “คุณแม่จะทำอะไรเค้าคะ” ณดาถาม
       “ก็ประจานเรื่องขายของหนีภาษีของมันไง” สดศรีเอ่ย
       “อย่าทำแบบนั้นเลยนะครับคุณนายผมขอร้อง” ต๋องรีบท้วง
       “ทำไมล่ะต๋อง เรื่องที่มันทำน่ะเค้าเรียกว่าโกงบ้านกินเมืองเลยนะ” สดศรีทำท่าไม่ยอม
       “คลิปที่มีน่ะเราเก็บไว้เล่นงานเค้าทีหลังก็ได้ครับถ้าเกิดมีเรื่อง ตุกติกอีก แต่อะไรที่เราตกลงกับเค้าไว้คำไหนก็ควรจะเป็นคำนั้น ไม่งั้นเราก็จะเป็นคนที่แย่ไม่แตกต่างอะไรกับพวกเค้าเลย” ต๋องชี้แจง
       “เธอนี่มันดีจนชั้นอายเลยต๋อง ก็ได้ ชั้นจะยอมให้ซักครั้ง ถือว่าเห็นแก่ความดีของพ่อพระ พ่อเทวดามาเกิดอย่างเธอหรอกนะ” สดศรีเอ่ยชม
       ชาวตลาดส่งเสียงดีใจกับคำชื่นชมของสดศรีที่มีต่อต๋อง
       “วี้ว!”
       กิมฮวยยืนอยู่ฟังแล้วทนไม่ได้
       “อ้วก”
       ทุกคนหันไปที่กิมฮวย
       “เป็นอะไรเจ๊ มีอาการคลื่นเหียนอย่างนี้ อย่าบอกนะว่ากิมลั้งกำลังจะได้น้อง” เลื่อนจึงรีบแทรกขึ้น
       “เอ้า ปรบมือให้เฮียเคี้ยงพลังดึ๋งดั๋งที่ยังเตะปี๊บดังอยู่กันหน่อยเร้ว” รักเร่เสริมเลื่อน
       “ฮิ้ว!” ชาวตลาดปรบมือชอบใจ
       กิมฮวยขว้างของใส่เลื่อนกับรักเร่ทันที พร้อมรัวคำด่าเล่นเอาวงแตก
       “ไอ้ปากหมา ไอ้หน้าแย่ ไอ้พ่อแม่ไม่สั่งสอน”
      
       เช้าวันเดียวกัน ที่บ้านชายศักดิ์ พ่อ แม่ ลูกคุยกันหน้าเครียด
       “อะไรนะครับ ตกลงว่าเราไปเสียท่ามันอีกแล้วเหรอเนี่ย ความจริงจะทำอะไรคุณแม่น่าจะปรึกษาผมซักนิด” ศักดิ์ชายเอ่ยขึ้น
       “ตอนนั้นแม่ไม่คิดอะไรแล้วล่ะ พอนังคุณนายสดศรีมาด่าเราปาวๆแม่ก็รู้แต่ว่าต้องทำอะไรซักอย่างสั่งสอนมัน” รัศมีเอ่ยตอบลูกชาย
       “แล้วเป็นยังไงล่ะครับ เจอพวกนั้นเล่นตลบหลังเข้าให้” ศักดิ์ชายพูดขึ้นด้วยความเซ็ง
       “ไม่ต้องห่วงหรอกน่ะ พวกนั้นมันถือไพ่เหนือเราได้อีกไม่นานหรอก” ชายศักดิ์ขึงขัง
       “เสี่ยมีแผนอะไรในใจเหรอคะ” รัศมีตื่นเต้นอยากรู้
       ชายศักดิ์ยังไม่มีคำตอบ แต่รีบกลบเกลื่อนแก้หน้า
       “ตอนนี้น่ะยังไม่ แต่ต่อไปน่ะมันเสร็จชั้นแน่”
       “ผมว่าเรายังไม่ต้องรีบบุ่มบ่ามทำอะไรไปให้เพลี่ยงพล้ำอีกหรอกครับ รอจังหวะที่เหมาะสมแล้วตะครุบมันให้ดิ้นไม่หลุดดีกว่า”
       ศักดิ์ชายดูแน่วแน่กับภารกิจตามล้างแค้นชาวตลาดร่วมใจเกื้ออย่างมุ่งมั่น
       เช้าวันใหม่ สดศรีกับกิมฮวยตัดสินใจมาห้างเวรี่พร้อมกัน
       “ขอบคุณนะกิมฮวยที่มาเป็นเพื่อนกัน ถึงชั้นจะรับปากต๋องแล้วว่าจะไม่เล่นงานพวกมันกลับเรื่องของหนีภาษี แต่ไม่ได้หมายความว่าชั้นเอามันคืนเรื่องอื่นไม่ได้ใช่มั้ย” สดศรีเอ่ยขึ้น
       “ถูกแล้วอาคุณนาย เราจะคอยมาเป็นฝ่ายตั้งรับให้พวกมันรังแกอยู่ได้ยังไง ต้องสั่งสอนให้รู้กันบ้างว่าใครเป็นใคร” กิมฮวยเริ่มยุ
       “ไป งั้นลุย” สดศรีจูงมือกิมฮวยเข้าห้างไป ยามหันไปเห็นสดศรีเริ่มแปลกใจ
       “นั่นคุณนายสดศรีนี่” ยามพูดไปพลางรีบหยิบวอมากดพูด
       “วอหนึ่งเรียกวอสอง...” ยามส่งสารถึงปลายสาย
      
       สดศรีกับกิมฮวย ในห้างเวรี่ ช่วยกันหยิบของสดในซูเปอร์มาร์เก็ตขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์เสียงดังตั้งใจให้คนได้ยินกันทั่ว
       “ต๊าย ผักอะไร งามเกินไปรึเปล่า มันน่าสงสัยเอามากๆเลยนะกิมฮวย” สดศรีเอ่ยขึ้ย
       “ไหนดูซิคะอาคุณนาย โอ๊ย ใบไม่มีหนอนชอนไชซักรูแบบนี้ โหมยาฆ่าแมลงเต็มที่แน่ๆ ใครโง่ซื้อไปก็ฆ่าตัวตายชัดๆ” กิมฮวยรีบเสริมอย่างรู้กัน ลูกค้าที่เลือกซื้อผักอยู่เริ่มอาการวิตก สดศรีเดินมาที่แผงอาหารทะเล
       “ว๊าย มาดูอาหารทะเลพวกนี้เร็ว ชั้นว่าตั้งราคาแบบนี้ปล้นลูกค้าเลยดีกว่า จ่ายตังค์ซื้อของที่นี่โลนึง ซื้อปูปลาที่แผงเธอได้สามโลเลยกิมฮวย” สดศรีเอ่ยขึ้น
       “ไอ้หยา อาคุณนาย ตัวก็เล็ก สดก็ไม่สดจากสภาพนี่อั๊วฟันธงเลยว่าตายมาไม่น้อยกว่าห้าวัน ที่ยังประกอบร่างอยู่ได้เป็นเพราะฤทธิ์ฟอร์มาลีน” กิมฮวยพูดพร้อมยกปลาขึ้นมาดู ไม่พอยังดมโชว์เพื่อความสมจริง
       ลูกค้าที่ถืออาหารทะเลอยู่ถึงกับปล่อยอาหารหลุดจากมือ แล้วรัศมีจ้ำพรวดเข้ามา
       “ฟอร์มาลีนไว้ฉีดศพเธอสองคนน่ะซิ” รัศมีวีนแตกกลางร้านซูเปอร์มาเก็ตในห้าง
       สดศรีกับกิมฮวยหันไปที่รัศมี
       “ถ้าชั้นจะเป็นศพ ก็คงต้องข้ามศพเธอไปก่อนแน่ๆ” สดศรีย้อนทันควัน
       “ไอ้ที่ตกลงกันไว้เธอจะไม่ยอมจบใช่มั้ย” รัศมีจ้องหน้าอย่างเอาจริง
       “ทำไม ทีเล่นสกปรกลับหลังคนอื่นน่ะทำได้ พอตัวเองเจอเข้าบ้างทำจะเป็นจะตาย” สดศรีไม่ยอมง่ายๆ
       “แต่เราไม่ได้ใช้วิธีสกปรกอย่างพวกมันนะอาคุณนาย แล้วทำซึ่งๆหน้าด้วย ของที่ห้างนี่มันห่วยจริงเราก็ว่าไปตามเนื้อผ้า แล้วเจ้าของห้างมันก็หน้าด้านที่กล้าเอาของไม่ดีมาหลอกขายลูกค้าราคาแพงๆ”
       กิมฮวยย้ำ จนรัศมีโกรธ
       “หยุดพล่ามเรื่องเพ้อเจ้อซักทีน่ะ ของที่ขายที่นี่น่ะมันแพงกว่าเพราะมีเกรด อย่าเอาไปเทียบกับของกะหลั่วๆในตลาดเธอ” รัศมีด่า
       “เหรอ ? งั้นชั้นโทรเรียกกรมอนามัยที่เธอส่งไปหาชั้นให้แวะมาเยี่ยมที่นี่หน่อยดี กว่ามั้ย จะได้รู้ไปเลยว่าของมันมีคุณภาพอย่างที่โอ้อวดมั้ย” สดศรีเอ่ยขึ้น พร้อมตบมือเรียกลูกค้าที่ยืนแถวนั้น รัศมีถึงกับยืนอึ้ง
       “ทุกคนคะ วันนี้เราสองคนทำหน้าที่นางฟ้ามาบอกความจริงกับทุกคนแล้วนะคะ ถ้าอยากได้ของดีและถูกก็เชิญที่ตลาดร่วมใจเกื้อที่อยู่ข้างๆ แต่ถ้าอยากจะดักดานให้เจ้าของห้างสวมเขาก็เชิญเป็นเหยื่อเค้าต่อไป”
       “มันจะมากไปแล้วนะพวกแก” รัศมีโพล่งขึ้นด้วยความโกรธ ปรี่เข้าไปจะตบสดศรีกับกิมฮวย แต่ปรากฏว่าทั้งสดศรีและกิมฮวยยื่นหน้าไปรับพร้อมสู้ตาย
       “ไม่คิดเลยนะว่าเจ้าของห้างจะเลือกใช้วิธีแก้ปัญหาแบบตลาดๆ แต่อย่าลืมนะว่าชั้นสองคนน่ะมันต้นตำรับ อยากรู้ว่ารสตบแบบตลาดแท้ๆเป็นยังไงก็ลองดู” สดศรีพร้อมสู้ตาย
       “ไปเรียกยามมาลากสองคนนี่ออกไป” รัศมีตะโกนสั่งพนักงานด้วยความโมโห
       “ชั้นว่าเรียกตำรวจดีกว่ารัศมี เผื่อเค้าจะได้มาเห็นอะไรดีๆที่นี่ด้วย” สดศรีท้า
       “ตกลงเธอจะเอายังไงกับชั้นฮะ” รัศมีถึงกับปรี๊ดแตก
       “ชั้นก็แค่อยากจะมาเตือนให้รู้ไว้ว่า อย่ามาเล่นกับคนอย่างชั้น คิดจะเป็นนางร้ายก็ต้องไม่โง่ ไม่พลาด ไม่งั้นเธอจะถูกนางเอกตัวแม่อย่างชั้นฆ่าเอาง่ายๆ” สดศรีด่าอย่างเน้นถ้อยคำ
       “แล้วลื้อก็จะโดนเพื่อนนางเอกอย่างอั๊วเหยียบซ้ำจนกว่าจะตาย จำไว้” กิมฮวยรีบเสริมอย่างไม่กลัวเช่นกัน สดศรีกับกิมฮวยเดินเชิดหน้ายิ้มเยาะออกไป
       “รอให้เป็นทีของชั้นบ้างละกันนังสดศรี”
       รัศมีกัดฟันกรอดด้วยความโกรธ
      
       เวลาเดียวกัน ที่สวนโรงพยาบาล จาตุรงค์พยายามเดินกายภาพบำบัด แบบไม่ใช้เครื่องมือค้ำยันโดยมีกิมแชคอยช่วยเหลือ เพื่อรอรับถ้าจาตุรงค์พลาดล้มลง
       “มาจ้ะ พี่รงค์ มาเร็ว อีกนิดเดียว” กิมแชว่า
       จาตุรงค์พยายามเดิน พอจะล้มกิมแชเหมือนจะโผไปช่วย จาตุรงค์รีบยกมือห้ามแล้วพยายามประคองตัวเองไว้ไม่ให้ล้ม
       “อย่า ไม่ต้องกิมแช พี่ดูแลตัวเองได้” จาตุรงค์พูดด้วยท่าทางหล่อสุดฤทธิ์ พร้อมเดินต่อไปอย่างมาดมั่น
       “ระวังพี่...”กิมแชยังแอบห่วง
       “พี่บอกแล้วไงว่าอย่า” จาตุรงค์ย้ำ
       “แต่ว่า...” กิมแชย้ำ
       “เงียบน่ะกิมแช” จาตุรงค์ก้าวออกไปอย่างมั่นใจ แต่เหยียบอะไรบางอย่างที่รู้สึกได้
       “เห็นมั้ย เหยียบขี้หมาจนได้ จะเตือนก็ห้าม” กิมแชกล่าว
       “แหวะ” จาตุรงค์เผลอตัวยกเท้าขึ้นดู
       จาตุรงค์ล้มลงไปกองกับพื้น เพราะยกขาข้างเดียวกับที่เจ็บ กิมแชร้องเสียงหลง
       “พี่รงค์...”
      
       ผ่านไปอีกวันกิมแชยังคงดูแล คอยล้างแผลบนใบหน้าให้จาตุรงค์อย่างเป็นห่วงเป็นใย
       “ได้แผลจนได้ เจ็บมากมั้ยจ้ะพี่รงค์” กิมแชว่า
       “แผลแค่นี้ไม่กระเทือนพี่หรอก แต่ที่ซ้ำแผลเดิมนี่ซิ เจ็บอิ๊บอ๋าย” จาตุรงค์ยังเก๊กหน้าหล่อ
       “ให้กิมแชไปตามหมอมั้ยพี่”
       “ไม่เป็นไร เจ็บเป็นกระสัยได้อารมณ์ดี มันทำให้พี่รู้สึกว่ายังมีชีวิตจิตใจอยู่ ยังไงก็ขอบใจกิม
       แชมากนะที่ช่วยทั้งทำแผล ทั้งเอารองเท้าเปื้อน ขี้หมาไปล้างให้ เอ๊ะ ว่าแต่มือนี่ล้างดีแล้วใช่มั้ยถึงได้มาทำแผลให้พี่” จาตุรงค์พูดพลางจับมือกิมแชที่ทำแผลให้ตนอยู่ขึ้นมาดมแบบจมูกชนมือ กิมแชช็อก ทำตัวไม่ถูก
       “ค่อยยังชั่ว หอม” จาตุรงค์เเห็นกิมแชนั่งตัวแข็งจึงถามขึ้น
       “เป็นอะไรกิมแช ทำหน้าเหมือนเห็นผี” จาตุรงค์ถามขึ้น
       “เอ่อ กิมแชก็แค่อึ้งน่ะ พี่คิดได้ไงว่ากิมแช จะเอามือสกปรกมาทำแผลให้” กิมแชรีบดึงมือกลับ แกล้งหน้างอ
       “โธ่ พี่ก็แค่ล้อเล่นให้บรรยากาศมันคึกคักขึ้นบ้าง อยู่โรงบาลน่ะทั้งเซ็งทั้งเหงาจะแย่อยู่แล้ว” จาตุรงค์ว่า
       “อดทนอีกนิดเดียวนะพี่รงค์ กิมแชสัญญานะว่าจะมาเยี่ยมพี่ทุกวันพร้อมของอร่อยจนกว่าพี่จะกลับบ้าน” กิมแชเอ่ยขึ้น
       “พี่เลยทำให้กิมแชเดือดร้อนเลย” จาตุรงค์เอ่ยขึ้น
       “ไม่ต้องห่วงจ้ะ กิมแชทำให้พี่ได้ทุกอย่างล่ะ” กิมแชตอบอย่างจริงใจ
       “อะไรนะ ?” จาตุรงค์ได้ยินไม่ชัดจึงถามขึ้น
       “ก็ แหม พี่กำลังป่วยช่วยเหลือตัวเองไม่ได้แบบนี้ อะไรที่กิมแชพอจะช่วยได้ก็อยากทำให้น่ะ” จาตุรงค์เอ่ยขึ้น
       “จริงนะ” จาตุรงค์เอ่ย
       “จริงซิ” กิมแชตอบกลับ
       “งั้นช่วยเดินกายภาพเป็นเพื่อนพี่อีกซักรอบได้มั้ย” จาตุรงค์เอ่ยถามขึ้น
       “ได้ซิ ขยันแบบนี้พี่รงค์ต้องหายไวแน่ๆ” กิมแชเอ่ยขึ้น
      
       “ใช่ พี่ต้องหายไวๆ” จาตุรงค์พูดไปยิ้มไป บีบมือกิมแชอย่างมุ่งมั่น
       “...จะได้ไปหาน้องกิมลั้งซักที” จาตุรงค์เอ่ย
       กิมแชหน้าเศร้าขึ้นมาทันที ในขณะที่จาตุรงค์ดึงมือกิมแชให้ลุกขึ้น
       “ไป”
       กิมแชจำต้องลุกตามไป ด้วยใบหน้าเศร้าอีกครั้ง
      
       บ่ายนั้น ต๋องเล่นดนตรีอยู่กับลูกวง มีคนมานั่งดูไม่น้อย ครู่หนึ่งกิมลั้งเดินผ่านมา เผลอตัวยืนมอง ต๋องเห็นกิมลั้งเหมือนโดนต้องมนต์ เขาร้องเพลงราวกับอยากบอกความในใจกิมลั้ง พอเพลงจบเสียงปรบมือดังขึ้น แต่ต๋องยังคงจ้องไปที่กิมลั้งไม่วางตา
       “เพลงนี้ผมขอมอบให้....”ต๋องยังไม่ทันพูดจบ กิมลั้งตัดสินใจเดินออกไปก่อนจะได้ยินคำพูดของต๋อง
       “เอ่อ ผมขอมอบให้ทุกคนนะครับ ขอบคุณมากๆครับที่ตามมาให้ กำลังใจวงร่วมใจเกื้อของเราถึงที่นี่ แต่เพื่อไม่ให้เสียเที่ยว ยังไงมาถึงตลาดแล้วก็อย่าเดินมือเปล่ากลับบ้านไปนะครับ แวะซื้อของสดและดีและถูกติดไม้ติดมือไปฝากคนที่คุณรัก แล้วพวกเรากับเพลงเพราะๆจะกลับมาพบกับทุกคนใหม่ในวันพรุ่งนี้ สวัสดีคร้าบ” ต๋องกล่าว
      
       หลังจากนั้นไม่นาน ต๋องเล่นดนตรีเสร็จ กลับไปขายผักที่แผงอย่างขะมักเขม้น
       “สามสิบสามบาท คิดสามสิบถ้วนๆละกันจ้ะ” ต๋องหยิบผักใส่ถุงให้ลูกค้า
       “คราวหน้าถ้าพี่มาซื้อแบบไม่เอาถุง ชั้นลดราคาพิเศษให้อีกนะ ถือว่าพี่ช่วยลดโลกร้อน”
       ลูกค้าเดินยิ้มออกไป ต๋องมองตามจนสายตาเหลือบไปปะทะกับกิมลั้งที่มองมาพอดี แล้วทั้งคู่รีบละสายตาจากกันคล้ายคนโกรธกันมาแรมปี ทันใดนั้นนุ้ยโผล่มาที่แผงต๋องอย่างรีบร้อน
       “ต๋อง” นุ้ยเรียก
       “เอ้าพี่นุ้ย หวัดดีครับ” ต๋องทักทาย
       “พี่มีเรื่องด่วนจะคุยด้วย” นุ้ยเอ่ยอย่างมีธุระสำคัญกับต๋อง
      
       ที่ร้านอาโก ต๋อง ณดา และนุ้ยนั่งคุยกันเรื่องการเล่นดนตรีของต๋อง
       “คืออย่างนี้ครับคุณณดา เผอิญพี่นุ้ยบอกว่าเทปรายการที่ออนแอร์วงร่วมใจเกื้อไปคราวก่อนน่ะกระแสดี มาก แฟนรายการเลยอยากเห็นเอ็มวีตัวใหม่ของพวกเราอีกน่ะครับ” นุ้ยรีบแจงธุระ
       “นี่คนสนใจวงของคุณต๋องขนาดนั้นเลยเหรอคะพี่นุ้ย” ณดาได้ยินดีใจออกนอกหน้า
       “โอ๊ย คุณณดาคะ เรียกว่าเทปนั้นยอดคนดูรายการย้อนหลังของพี่ในเน็ตพุ่งพรวดๆเลยล่ะค่ะ คงเป็นเพราะมันแปลกกว่าเทปอื่นๆน่ะแฟนรายการพี่ที่ยังคันหูคันตาอยู่ก็เลย เรียกร้องอยากเห็นผลงานของต๋องกับเพื่อนๆอีก” นุ้ยเอ่ย
       “ผมตอบตกลงพี่นุ้ยไปแล้วครับ ขออย่างเดียวว่าให้มาถ่ายทำที่นี่เหมือนเดิมแล้วก็ให้พ่อค้าแม่ค้าเราเล่น ด้วย จะได้โปรโมทตลาดเราอีก ก็เลยพากันมาขออนุญาตคุณณดานี่ล่ะครับ”ต๋องเอ่ย
       “โธ่ ยังต้องมาขออนุญาตกันอีกเหรอคะ ทุกวันนี้คุณจะคิดจะทำอะไรก็เพื่อตลาดเราทั้งนั้น” ณดาว่า
       “นั่นซิคะ ตอนแรกพี่ก็สงสัยว่าต๋องเป็นสามี...เอ๊ย...แฟนคุณณดารึเปล่า เห็นวันๆในหัวมีแต่เรื่องตลาดอยู่อย่างเดียว” นุ้ยเอ่ย ณดาฟังนุ้ยพูดแล้วแอบเขินหน้าแดง
       “แต่พอต๋องปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นอะไรกับคุณณดา พี่ก็โล่งใจไม่งั้นล่ะจะเลิกเป็นแม่ยกเดี๋ยวนี้เลย” นุ้ยเอ่ยต่อ ณดาหน้าเสียไป ในขณะที่ต๋องหยอกล้อกับนุ้ยอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว
       “แหม ถ้าพี่ไม่ยกผมแล้วใครจะยกล่ะฮะ” ต๋องหยอกนุ้ย ที่คิดเลยเถิดไปสองแง่สองง่าม
       “ว้าย งั้นต้องยอมให้พี่ยกพี่หยิบตรงนั้นตรงนี้ตามใจ ชอบนะ อุ๊ย ลืมไปเลย ตกลงคุณณดาอนุญาต
       ให้พี่ใช้ตลาดได้ใช่มั้ยคะ” นุ้ยหันมาพูดกับณดา
       “ก็ต้องได้ซิคะ” ณดาพยักหน้าแบบเจื่อนๆ
       นุ้ยกับต๋องยิ้มชอบใจ
      
       เวลาต่อจากนั้น ที่ร้านข้าวแกง ป้าพิณกับเขียวหวานกำลังช่วยกันเก็บหม้อเก็บถาดใส่กับข้าวด้วยใบหน้าสดชื่น
       “โอ้โห วันนี้ร้านป้าพิณทำลายสถิติเลยเว้ย เก็บร้านตั้งแต่บ่ายสอง”
       ป้าพิณยิ้ม
       “โธ่ป้า วันนี้ชั้นล้างครกล้างสากตั้งแต่เที่ยงยังไม่เห็นคุยเลย” คำมูลที่จอดรถอยู่หน้าร้านป้า ส่งเสียงมาแต่ไกล
       “ดูไว้นะนังเขียวหวาน ขนาดคนแก่คำมูลมันยังต้องข่มทุกครั้งที่มีโอกาส ถ้าเอ็งหลวมตัวไปเป็นเมียมันละได้โดนข่มเช้าข่มเย็นแน่” ป้าพิณมองคำมูลตาเขียว
       “ว้าย ข่มเช้าข่มเย็นเลยเหรอป้า” เขียวหวานแอบเขินคิดไปอีกเรื่อง”
       “ข้าหมายถึงข่มเหงเว้ยนังนี่” ป้าพิณเขกหัวเขียวหวานเตือนสติ
       “แหม ป้าพิณ ชั้นก็พูดเล่นไปงั้น ก็มันแฮปปี้มั่กๆอ่ะ ตั้งแต่ตลาดเราได้ออกทีวี สองสามวันนี่ขายของดีผิดหูผิดตา” คำมูลโพล่งขึ้น
      
       “เออ ก็ขอให้มันเป็นงี้ให้ได้ตลอดเถอะวะ ไม่งั้นข้าต้องกวาดกับข้าวเหลือๆให้หมาแมวกินแทนทุกวัน” ป้าพิณเอ่ย
       “หมามันกินด้วยเหรอป้า” คำมูลยังกวน
       “ท่าทางกูจะพูดดีๆกับมึงด้วยไม่ได้จริงๆ” ป้าพิณพูดไปพลางมองหาอุปกรณ์ใกล้ตัว แล้วคว้ามีดปังตอจะขว้างใส่ แต่ระหว่างนั้นกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าเดินผ่านมาพอดี
       “เอ้า ป้าพิณ ไม่รีบไปหาอาจารย์จะเด็ดเหรอ” กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าเอ่ยถามขึ้น
       “มีอะไรวะ” ป้าพิณวางมีดแล้วถามกลับ
       “วันนี้อาจารย์จะใบ้หวยชุดใหญ่น่ะ” พ่อค้าคนหนึ่งตะโกนตอบ
       “เฮ้ยๆ งั้นข้าไปด้วย” ป้าพิณรีบตอบแล้ววางข้าวของแล้วแล้วออกไปรวมกับพวกพ่อค้าแม่ค้ารายอื่น คำมูลกับเขียวหวานรีบตามไปเช่นกัน
      
       เวลาต่อจากนั้น ต๋องเดินเข้ามาในตลาด พ่อค้าแม่ค้าหายเงียบ จึงถามเลื่อนกับรักเร่ที่นั่งเฝ้าแผงด้วยความสงสัย
       “เอ้า หายกันไปไหนหมดเนี่ย” ต๋องมองพาพ่อค้าแม่ค้าที่ไม่ได้อยู่แผง
       “แห่กันไปเอาหวยจากน้าจะเด็ดน่ะพี่” เลื่อนตอบ
       “ให้มันได้อย่างนี้ซิ วอนกันจริงจริ๊ง ขายของดีขึ้นหน่อยแทนที่จะเก็บเงินไว้ หาเรื่องเสียเงินให้เจ้ามือซะงั้น” ต๋องบ่น
       “เนี่ยลูกค้ามาซื้อของก็ซื้อไม่ได้ เดือดร้อนชั้นสองคนต้องช่วยวิ่งขายกันแทนให้วุ่น” รักเร่รีบรายงาน
       “เมื่อไหร่จะคิดกันได้นะ เงินทองน่ะอยู่ตรงหน้าแล้วไม่รู้จะวิ่งไปหาตรงอื่นทำไม” ต๋องส่ายหัวด้วยความเซ็ง ทันใดนั้นต๋อง เลื่อน และรักเร่ หันไปเห็นกิมลั้งอยู่คนเดียวที่แผงปลา รักเร่รีบสะกิดต๋องทันที
       “พี่ๆ ทางปลอดพี่” เลื่อนรายงานสถานการณ์
       “อยู่คนเดียวเหงามั้ยจ๊ะกิมลั้ง จะได้ส่งคนแถวนี้ไปอยู่เป็นเพื่อน” เลื่อนช่วยชงอีกแรง
       “ปากน่ะถ้าว่างมากก็หาอะไรคาบไว้ซิ” กิมลั้งตวัดสายตาด้วยความงอน
       “อะไรว้า ไม่รับมุกกันเลย” เลื่อนงงปนกร่อย
       ต๋องมองกิมลั้งอย่างวิตก
      
       เวลาเดียวกันนั้น ที่สำนักเข้าทรงของจะเด็ดในตลาด พ่อค้าแม่ค้ามากันเต็มสำนัก จะเด็ดกำลังส่งกระดาษลงยันต์แจกหวยให้ชาวตลาด
       “ เอาล่ะ ได้ไปกันครบแล้วนะ นี่น่ะเป็นเลขเด็ดของเจ้าพ่อสมิงดำทำหอก” จะเด็ดเอ่ยขึ้น แต่เอ่ยชื่อเจ้าพ่อผิด
       “กำหอก!” บะหมี่กับเกี๊ยวลูกศิษย์รีบทัก
       “เอ้อ สมิงดำกำหอก ท่านมาเข้าฝันกันสดๆร้อนๆเมื่อตอนฟ้าสาง ได้ไปแล้วก็ของใครของมันล่ะ ห้ามเอาให้คนอื่นดูเด็ดขาด เรื่องจะถูกไม่ถูกนี่ก็ขึ้นกับผลบุญที่ทำไว้แล้วล่ะ ทำมากก็ได้มาก ทำน้อยก็ได้น้อย ทำร้อยได้พัน ถ้าจะทำอีกวันสองวัน ก็รอได้เดือนหน้า”
       จะเด็ดพูดเสร็จชาวตลาดรีบควักเงินใส่ขันที่บะหมี่กับเกี๊ยวถืออยู่กันใหญ่ บางคนแทบจะเทกระเป๋า จะเด็ดแอบเหลือบตามองชอบใจ
      
       คืนนั้นที่บ้านกิมฮวย กิมลั้งนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียง ครู่หนึ่งกิมแชเปิดประตูเข้ามา
       “โอ้โห นี่ลื้อไปเยี่ยมพี่รงค์เค้าทั้งวันเลยเหรอ” กิมลั้งทักขึ้น
       “เอ่อ คือ อั๊วอยู่เป็นเพื่อนพี่รงค์น่ะ วันนี้กว่าเต๊กไฮ้กับน้าลักษณ์จะเข้าไปที่โรงบาลก็เย็นย่ำแล้ว” กิมแชเริ่มตอบ
       “อ๋อ คงง่วนกันอยู่กับเรื่องแทงหวยมั้ง ม้าก็เหมือนกัน ป่านนี้ยังไม่กลับเลย” กิมลั้งว่า
       “ป๊าก็ยังไม่มาเลยนี่ แปลกจัง เดี๋ยวนี้ทำไมป๊ากลับบ้านช้าประจำ” กิมแชเริ่มสงสัย
       “ให้ป๊าออกไปสังสรรค์กับเพื่อนบ้างเถอะ วันๆขับรถรับส่งของตั้งแต่ตีสี่ตีห้า จะให้มานั่งเฝ้าบ้านทั้งวันตามคำสั่งม้าก็บ้าตายกันพอดี” กิมลั้งตอบอย่างเข้าใจเคี้ยงอย่างดี
       “ก็จริง เอ้อ ลืมบอกเจ้ไป ตกลงอาทิตย์หน้าพี่รงค์เค้าจะออกจากโรงบาลแล้วนะ” กิมแชเอ่ยขึ้น
       “เอ้า ทำไมออกเร็วนักล่ะ” กิมลั้งถามกลับ
       “ก็ เค้ากลัวแมวอย่างพี่ต๋องจะดอดมาขโมยปลาย่างอย่างเจ้น่ะดิ พอรู้ว่าพี่ต๋องกลับมาขายของนะ อีแทบอยากจะออกจากโรงบาลมาเฝ้าเจ้วันนี้เลย แต่หมอไม่ยอม” กิมแชเอ่ยขึ้น
       “พี่รงค์ไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้ บางทีมันคงไม่มีอะไรน่ากังวลอย่างที่พี่เค้าคิดแล้ว” พอเอ่ยถึงชื่อต๋องกิมลั้งถึงกับซึม
       “เจ้หมายความความว่ายังไง เอ๊ะ หรือเจ้เปลี่ยนใจจะหมั้นกับเค้าใหม่” กิมแชแอบงง
       “ไม่ใช่ ช่างมันเถอะ ลื้อไม่เข้าใจหรอก” กิมลั้งว่า
       “รึว่าเจ้โกรธกับพี่ต๋อง มิน่าสองสามวันนี่ไม่เห็นพี่ต๋องโทรมากู้ดไนท์เจ้เหมือนทุกที” กิมแชโฑล่งอย่างสงสัย
       “ไม่รู้ซิ อั๊วรู้แต่ว่าอะไรๆมันก็ไม่แน่นอน” กิมลั้งตอบสั้นๆ น้ำเสียงราบเรียบ
       ในความเงียบงันในใจ กิมลั้งหยิบมือถือขึ้นมาดูเพราะคาดหวังว่าจะมีข้อความจากต๋องเข้ามาบ้าง แต่ปรากฏว่ามีเพียงแต่ความว่างเปล่า
      
       ที่ห้องนอน ต๋องกำลังพิมพ์ถึงกิมลั้งว่า “หลับฝันดีนะ คิดถึงมาก...” แต่ขณะที่กำลังจะกดส่ง ต๋องก็เปลี่ยนใจลบข้อความทั้งหมดทิ้งด้วยความสับสน
       “ชั้นควรจะทำยังไงดีกิมลั้ง” ต๋องพูดกับตัวเอง
       ต๋องทิ้งตัวลงนอนบนหมอน เอามือก่ายหน้าผากอย่างคิดไม่ตกเรื่องความสัมพันธ์กับกิมลั้ง
      
       ดึกคืนนั้น เคี้ยงขับรถเข้ามาจอด และพยายามปิดประตูด้วยเสียงที่เบาที่สุด แล้วค่อยๆแง้มประตูเปิดเข้ามาอย่างช้าๆ ในห้องที่ดับไฟมืด แสงสลัวจากภายนอกสาดเข้ามาจึงทำให้เห็นว่ากิมฮวยนอนกรนอยู่
       ขณะที่เคี้ยงค่อยๆเดินย่องเข้ามาปรากฏว่ากิมฮวยหาวเสียงดัง และพลิกตัว เคี้ยงจึงรีบกระโดดขึ้นเตียงคว้าผ้าห่มมาห่มด้วยความรวดเร็วแล้วแกล้งหลับ ทันกับที่กิมฮวยหันมาพอดี
       “เอ้า เฮียเคี้ยง กลับมาแล้วเหรอ” กิมฮวยถามขึ้น
       “โอ๊ย อั๊วหลับไปสามตื่นแล้ว” เคี้ยงแกล้งทำเสียงงัวเงีย
       “อ้าวเหรอ”กิมฮวยพลิกตัวไปหลับต่อแล้วกรนเสียงดังอย่างรวดเร็ว
       เคี้ยงลืมตาเบิกโพลงในความมืดอย่างโล่งใจ
ขอขอบคุณจาก manager.co.th 
 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น