วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555

อ่านละครหงส์สะบัดลาย ตอนที่ 14 อวสาน

ภายในโกดังริมน้ำ อนงค์ถูกผลักให้ลงไปนอนบนเตียง ก่อนที่อิทธิหาญจะรีบตามขึ้นไปด้วยสายตาหื่นกระหาย อนงค์กระเถิบหนีด้วยความกลัวและตกใจสุดขีด ชูศักดิ์ และโปรยปรี่เข้ามาจับตัวอนงค์ไว้คนละข้าง อิทธิหาญค่อยๆกระเถิบเข้ามาใกล้ ก่อนจะใช้มือลูบไปบนใบหน้า อนงค์รู้สึกกลัวและขยะแขยงจนร้องไห้โฮออกมา
      
       “อย่าเข้ามานะ อย่าเข้ามา”
       พงษ์เลิศ ปาน และทนงเดินเข้ามา
       “ใจเย็นซิจะรีบร้อนไปไหน รอให้งานเสร็จก่อนซิ ยังไงนังเด็กนี่ก็เป็นของแกอยู่แล้ว” พงศ์เลิศบอก
       “มันก็ต้องหาอะไรทำแก้เซ็งบ้างซิพ่อ กว่าไอ้พวกนั้นจะมาอีกตั้งหลายชั่วโมง”
       “นี่พวกแกจับฉันมาทำไม”
       “อยากรู้ก็จะบอก ว่าเธอคือพาสปอร์ตออกนอกประเทศของพวกฉัน”
       “แล้วถ้าไอ้ศิวัชมันไม่ยอมเซ็นยกเลิกคำสั่งออกนอกประเทศของพวกเราล่ะ”
       “มันไม่ยอมให้แฟนของน้องชายแฟนมัน ตายไปต่อหน้าต่อตาหรอกพ่อ”
       “แล้วถ้ามันเซ็นให้เราเมื่อไหร่ ก็ถึงเวลาที่เราจะส่งไอ้สองพี่น้องนั่นลงไปพบกับพ่อแม่มันในนรกซักที”
       “ไอ้พวกเลว พี่ดลไปทำอะไรให้แก แกถึงต้องทำกับพวกเค้าแบบนี้”
       “แค่พวกมันยืนขวางทางผลประโยชน์ ก็มีโทษสมควรตายแล้ว”
       พงษ์เลิศ และอิทธิหาญหัวเราะอย่างสะใจ
       “ผมคันไม้คันมืออยากฆ่าพวกมันเต็มทีแล้ว เห็นทีต้องส่งตัวเร่งให้พวกมันมาที่นี่ไวๆซะแล้ว”
       อิทธิหาญหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา ก่อนจะเขยิบเข้าไปใกล้ๆอนงค์ที่พยายามขยับตัวหนี
       “จับมันไว้ให้นิ่ง”
       ปาน ชูศักดิ์ โปรย ทนงเข้ามาจับตัวอนงค์ไว้ อิทธิหาญเดินเข้าไปใกล้ แล้วฉีกเสื้อจนขาดเห็นหัวไหล่ขาว อนงค์กรีดร้องด้วยความตกใจด้วยความกลัวอย่างสุดๆ อิทธิหาญมองอนงค์ด้วยสายตาหื่นๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วหันกล้องไปทางอนงค์
      
       ระบิลที่เปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้วนั่งอยู่ที่เก้าอี้ชุดรับแขก ก่อนจะจามออกมาเสียงดัง
       “ฮ้าดเช่ย !”
       เนติมาเดินถือถาดใส่ยาและแก้วน้ำมาให้ระบิล
       “แค่นี้ก็เป็นหวัดแล้วเหรอ นายนี่อ่อนแอกว่าที่ฉันคิดไว้เยอะเลยนะ แต่ไม่เป็นไรฉันจะดูแลนายเอง”
       “เฮ้ยๆนั่นมันคำพูดผม อย่างคุณเนี่ยนะจะดูแลอะไรผมได้ ฮ้าด เช่ย !!”
       “อย่างน้อยก็ทำกับข้าวให้นายกินได้ละกัน”
       ระบิลตกใจ สะดุ้ง
       “เย้ย! อย่างนั้นมันเรียกประทุษร้ายกันมากกว่า คุณไม่เคยทำกับข้าวเลยไม่ใช่เหรอ”
       “ใช่! และนายจะเป็นคนแรกที่ได้กิน” เนติมาตอบอย่างมั่นใจมาก
       เนติมายิ้ม ก่อนจะเดินไปทางครัวด้วยความมั่นใจ ระบิลตะโกนตามแซว
       “รอกินอะไรล่ะ ผมว่ารอท้องเสียมากกว่า”
       เนติมาเดินหายเข้าไปในครัวแล้ว ระบิลยิ้มออกมาด้วยความปลื้มใจ
       “เอาวะ ตายเป็นตาย ...ฮ้าด เช่ย!”
       ระบิลเอื้อมมือไปหยิบกระดาษทิชชูเป็นจังหวะเดียวกับที่โทรศัพท์มือถือของระบิลดังขึ้น ระบิลกดรับด้วยน้ำเสียงมีความสุขสุดๆ
       “ว่าไงคร๊าบ พี่จิ๊ก”
       จิ๊กปล่อยโฮ...ร้องไห้ดังออกมาจากโทรศัพท์ ระบิลหน้าเครียดทันที
      
       ภายในห้องนอน จิ๊กที่หน้าตาสะบักสะบอมกำลังร้องไห้ฟูมฟายปริ่มจะขาดใจ
       “ระบิล ! ปานเป็นคนฆ่าพี่ก้อง ...ปานเป็นคนฆ่าพี่ก้อง ...พี่ขอโทษ พี่มันโง่เอง ยกโทษให้พี่ด้วยระบิล”
       จิ๊กร้องไห้ฟูมฟายด้วยความเสียใจและเจ็บปวดแบบที่ไม่เคยเป็นมาในชีวิต
      
       เนติมาใส่ผ้ากันเปื้อนเดินอารมณ์ดีออกมาจากห้องครัว
       “นี่ นายเอากระทะ ตาหลิว น้ำมันไปเก็บซ่อนไว้ตรงไหน ฉันหาไม่...”
       เนติมาชะงักเมื่อเห็นภาพตรงหน้า ระบิลยืนกำมือโทรศัพท์แน่น ไหล่สั่นเทิ้มด้วยความโกรธ เนติมาตกใจรีบเข้าไปดู เห็นระบิลหน้าเครียด ดูน่ากลัว
       “นี่เกิดอะไรขึ้น นายเป็นอะไร”
       “มันฆ่าพี่ชายผม ผมจะฆ่ามัน !”
       ระบิลวิ่งไปเปิดลิ้นชักจะหยิบปืน เนติมารีบไปขวางไว้
       “นายจะทำอะไรบ้าๆแบบนั้นไม่ได้นะระบิล ชีวิตกับอนาคตนายมีค่าเกินกว่าจะไปแลกกับคนชั่วๆแบบนั้น”
       “ผมไม่สนอะไรทั้งนั้น ผมจะฆ่ามัน ผมจะแก้แค้นให้พี่ชายผม มันทำกับพี่ชายผมยังไง มันต้องเจ็บกลับกว่าสิบเท่า”
       “ถ้านายทำแบบนั้นก็ไม่ต่างกับคนพวกนั้นหรอก”
       “ผมไม่แคร์ มันฆ่าคนที่รักผม ตอนนี้ผมไม่เหลือความหวังอะไรอีกแล้ว ผมไม่เหลือใครอีกแล้ว ...”
       “นายยังเหลือฉันไง ฉันอยู่ตรงนี้นายไม่เห็นเหรอ”
       ระบิลอึ้งน้ำตาไหล เนติมาค่อยๆขยับเข้าไปกอดระบิลไว้แน่น
       “ตอนนี้ฉันเหลือแค่นายจริงๆ นายอย่าไปนะ...อย่าทิ้งฉันไป ถ้านายเป็นอะไรไป ฉันจะอยู่ยังไง”
       ระบิลกอดเนติมาแน่น
       “ผมไม่ไปไหนแล้ว ..ผมขอโทษที่วู่วาม”
       “ฉันเข้าใจนายทุกอย่างเพราะฉันก็รู้สึกไม่ต่างจากนาย ฉันสัญญานะว่าจะช่วยนายจับพวกนั้นเข้าคุกให้ได้ แต่นายต้องสัญญาว่าจะไม่วู่วามแบบนั้นอีก ฉันกลัว ฉันไม่อยากเสียนายไป”
       “คุณจะไม่มีวันเสียผมไป ผมจะอยู่กับคุณเท่าที่คุณต้องการ”
       “นายสัญญานะ”
       “ผมสัญญา อย่าร้องไห้เพราะผมเลยนะ”
       ระบิลค่อยๆเอามือเช็ดน้ำตาให้เนติมาอย่างแผ่วเบา ทั้งคู่ประสานสายตากันนิ่งนาน ความรู้สึกที่มีอยู่ภายในของทั้งสองก็ไม่อาจเก็บกดมันเอาไว้ได้อีก ระบิลค่อยๆก้มหน้าลงไปจะจูบเนติมา เนติมาค่อยๆหลับตาพริ้มรอรับจูบที่ใกล้เข้ามา .....บรรยากาศเคลิ้มหวาน แต่ยังไม่ทันที่ริมฝีปากของทั้งคู่จะสัมผัสกัน
       ศิวัชเปิดประตูบ้านเข้ามาและช็อกกับภาพที่เห็นตรงหน้า
       “เนติ์!”
       เนติมาลืมตาขึ้นมองเห็นศิวัชยืนกำมือแน่นท่าทางโกรธมาก เนติมารีบผละออกจากระบิล กำลังจะอ้าปากพูดแต่ศิวัชไม่ฟัง รีบเดินหันหลังกลับออกไปทันที
       ระบิลและเนติมาช็อกรีบตามศิวัชออกไปทันที
      
       ศิวัชเดินผลุนผลันปึงปังออกมาทั้งโกรธ ผิดหวัง และเสียใจมาก เนติมาและระบิลรีบตามออกมา
       “พี่ศิวัชคะ”
       ศิวัชหยุด ก่อนจะหันไปมองระบิลเนติมาด้วยหน้าตาเจ็บปวด
       “ทำไมเนติ์ทำกับพี่แบบนี้”
       “คุณศิวัชครับ คุณกำลังเข้าใจผิดนะครับ”
       “เข้าใจผิดงั้นเหรอ ...”
       เสียงสัญญาณข้อความของโทรศัพท์เนติมาดังขึ้น เนติมาแปลกใจรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดู ก่อนจะทำหน้าช็อกสุดขีด
       ศิวัชกำลังเอาเรื่องกับระบิล
       “เห็นขนาดนี้ นายยังแก้ตัวว่าเข้าใจผิดเหรอ”
       เนติมาโวยวายขึ้นมา
       “แย่แล้ว เกิดเรื่องแล้วค่ะ ”
       ศิวัชและระบิล หยุดทะเลาะรีบหันไปทางเนติมาที่กำลังหน้าเสีย
       “พวกนายพงษ์เลิศ มันจับตัวอ้อไปแล้ว”
      
       บริเวณริมถนนย่านคลองถม ยศวีร์ซึ่งซื้อเครื่องเล่นเทปได้แล้วรับโทรศัพท์เนติมาด้วยสีหน้าตกใจ
       “ว่าไงนะ อ้อโดนพวกไอ้พงษ์เลิศจับไป ไม่จริง ผมไม่เชื่อ”
      
       “ตอนแรกพี่ก็นึกว่ามันขู่ แต่มันส่งรูปอ้อมาด้วย”
 ยศวีร์รีบกดโทรศัพท์เพื่อรับภาพที่เนติมาส่งต่อมาให้
        
       ที่หน้าจอโทรศัพท์รูปของอนงค์ เสื้อผ้าขาดจนดูเหมือนโป๊ ร้องไห้ หวาดกลัวโดยมีอิทธิหาญยื่นหน้าเข้ามาเหมือนไซ้ซอกคออยู่ ยศวีร์โมโหจนตัวสั่นไปทั้งตัว
       “พวกมันอยู่ที่ไหนผมจะไปช่วยอ้อ”
       “ดลต้องทำใจดีๆ ตั้งสติ นี่เป็นแผนที่พวกมันวางล่อพวกเรา ถ้าดลวู่วามทุกคนจะเป็นอันตราย โดยเฉพาะอ้อ”
       “แล้วผมต้องทำยังไง ผมต้องทำยังไง”
       “ดลต้องกลับไปที่บ้านไปบอกลุงคำเที่ยง แล้วติดต่อขอกำลังผู้กำกับวิเชษฐ์ ให้มาช่วย แล้วพี่จะตามไปสมทบเข้าใจมั้ย”
       “เข้าใจครับ”
       “พี่สัญญาว่า พวกเราจะช่วยอ้อออกมาอย่างปลอดภัย”
       ยศวีร์วางโทรศัพท์ ก่อนจะตัดสินใจวิ่งเต็มแรงฝ่าฝูงคนมากมายบนถนนนั้นออกไปทันที
      
       เนติมาวางโทรศัพท์หันไปมองระบิล และ ศิวัช บรรยากาศเราสามคนยังอึดอัดตึงเครียดอยู่
       “เนติ์จะไปช่วยอ้อ”
       “คุณจะไปคนเดียวได้ยังไง ผมจะไปช่วยด้วย”
       ระบิลรีบวิ่งเข้าไปในบ้านเพื่อหยิบอาวุธ เหลือเนติมาและศิวัชยืนอยู่ด้วยกันในบรรยากาศอึดอัดมาก เนติมามองหน้าศิวัชที่เบือนหน้าหลบตา ระบิลวิ่งออกมาพร้อมอาวุธ และ กุญแจรถ
       “รีบไปกันเถอะ เรื่องอื่นค่อยมาจัดการทีหลัง ยังไงชีวิตคนก็สำคัญกว่า”
       ระบิลและเนติมารีบวิ่งออกไป ศิวัชหันไปมองตามอย่างครุ่นคิด
       ระบิลและเนติมากำลังจะขึ้นรถ ศิวัชรีบเดินเข้ามา
       “ผมจะไปด้วย !”
       ระบิลและเนติมาหันมามองศิวัชแปลกใจ
       “พวกคุณไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะคนที่พวกมันต้องการเจอก็คือ ผม”
       ศิวัชเดินไปไขกุญแจรถของตัวเองที่จอดอยู่ข้างๆรถระบิล ก่อนจะหยิบปืนออกมาเหน็บที่เอวเตรียมพร้อม
       “รีบไปกันเถอะ”
       ศิวัชเดินไปเปิดประตูรถ แล้วขึ้นไปนั่ง เนติมาและระบิลพยักหน้ากันก่อนจะรีบขึ้นรถทันที
      
       บรรยากาศในรถดูอึดอัด ระบิลขับรถอยู่ แอบมองกระจกหลัง เห็นศิวัชกำลังจ้องหน้าระบิลเป๋งด้วยท่าทางเอาเรื่อง ระบิลรีบหลบตา ก่อนจะเหลือบหันไปมองเนติมาที่นั่งอยู่ข้างๆ ที่กำลังมองระบิลอยู่ด้วยสายตาขอบคุณและให้กำลังใจ ระบิลพยักหน้าอย่างเข้าใจ
       ศิวัชมองภาพระบิลและเนติมามองหน้ากันอย่างเจ็บปวดแต่จำต้องนิ่ง
      
       ห้องโถงกลาง ภายในบ้านกันต์ คำเที่ยงทรุดลงกองกับพื้น ยศวีร์ ขวัญชนก และ เจือจันทร์ต้องช่วยกันประคองไปนั่งที่โต๊ะ ยศวีร์ก้มลงกราบคำเที่ยง พร้อมร้องไห้ด้วยความเสียใจ
       “ผมขอโทษนะครับที่ช่วยน้องโกหกพ่อ ผมไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ ถ้าอ้อเป็นอะไรไปผมจะไม่ให้อภัยตัวเองเลย”
       ยศวีร์กอดคำเที่ยงร้องไห้เสียใจ กันต์ปรึกษาเจือจันทร์ ขวัญชนกด้วยความเป็นห่วง
       “ขวัญโทรเล่าเรื่องให้ผู้กำกับวิเชษฐ์ฟังแล้วใช่มั้ย” กันต์ถาม
       “ค่ะ ผู้กำกับบอกว่าจะตามไปช่วยไม่ต้องห่วงนะคะ”
       “งั้นพวกเรารีบตามไปสมทบกับหนูเนติ์ดีกว่า” เจือจันทร์ว่า
       “ทุกคนไม่ต้องไปครับ ผมจะไปเอง ถึงเวลาที่ผมกับพี่เนติ์ต้องปิดบัญชีแค้นทุกบัญชีแล้วครับ”
       “แต่ว่ามันอันตรายนะดล” กันต์ว่า
       “ผมจะไปด้วย ผมต้องไปช่วยลูกสาวของผม” คำเที่ยงบอก
       ยศวีร์มองหน้าคำเที่ยงที่พยักหน้าบอกลูกชาย
       “แล้วพ่อไม่โกรธผม...”
       “นี่ไม่ใช่เวลามาโกรธอะไรกันทั้งนั้น รีบไปกันเถอะ”
       ยศวีร์ช่วยพยุงคำเที่ยงออกไป เจือจันทร์ ขวัญชนก และ กันต์ มองตามทั้งสองคนด้วยความเป็นห่วง
       “ระวังตัวกันด้วยนะ”
       “หวังว่าทุกคนคงช่วยอ้อได้สำเร็จนะคะ” ขวัญชนกบอก
       ขวัญชนก เจือจันทร์ และ กันต์มองหน้ากันด้วยความกังวล
      
       ภายในโกดังในเวลาต่อมา ได้มีการปะทะกัน กลุ่มของเนติมาเข้าช่วยเหลืออนงค์สำเร็จ คำเที่ยงเสียชีวิต ส่วนอิทธิหาญและลูกน้องทั้งหลายเสียชีวิต ระบิลได้รับบาดเจ็บ ส่วนพงษ์เลิศหนีไปได้เพียงคนเดียว
      
       พงษ์เลิศวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนออกมาจากโกดังเมื่อเห็นผู้กำกับวิเชษฐ์และตำรวจอีก 2-3 คนกำลังตามหาตัวอยู่
       พงษ์เลิศรีบหาที่กำบังหลบซ่อนทันที ผู้กำกับวิเชษฐ์และตำรวจ 2-3 นายเดินผ่านไปโดยที่มองไม่เห็นพงษ์เลิศ
       พงษ์เลิศออกมาจากที่ซ่อนแล้วถอนใจอย่างโล่งอกก่อนหันกลับไปมองโกดัง ทั้งเศร้าและแค้น
       “ไม่ต้องห่วง ! พ่อจะกลับมาแก้แค้นให้แก้แน่ “
       พงษ์เลิศมองซ้าย มองขวา ก่อนจะรีบวิ่งหายเข้าไปในป่า โดยไม่มีใครเห็น
      
       ภายในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล เนติมาเดินวนไปวนมาอยู่หน้าห้องด้วยท่าทางกระวนกระวาย ศิวัชได้รับบาดเจ็บที่แขนนั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าห้องด้วยความสงบ แต่สายตาจับจ้องไปที่เนติมาที่มีท่าทางเป็นห่วงระบิลอย่างเห็นได้ชัด ศิวัชตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปหาเนติมา
       “เนติ์...”
       เนติมาหันมากอดศิวัชอย่างเสียขวัญ
       “พี่ศิวัช ถ้าเค้าเป็นอะไรไปเนติ์จะทำยังไง ระบิลเค้าไม่น่าทำอะไรโง่ๆแบบนั้นเลย”
       “ถ้าพี่อยู่ตรงนั้น พี่ก็จะทำแบบระบิลเหมือนกัน ไม่มีผู้ชายคนไหนยอมปล่อยให้ผู้หญิงที่ตัวเองรักเป็นอะไรได้หรอก”
       เนติมามองหน้าศิวัชอย่างอึ้งๆ พูดอะไรไม่ออก ศิวัชกลับยิ้มออกมาอย่างอบอุ่นเหมือนเคย
       “เชื่อพี่ซิว่าระบิลจะปลอดภัย”
       “พี่ศิวัช”
       ประตูห้องฉุกเฉินเปิดออก หมอเดินออกมา เนติมารีบเข้าไปหาหมอ ศิวัชรีบเดินตามเข้าไป
       “ตอนนี้คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ โชคดีที่กระสุนไม่ถูกอวัยวะสำคัญ แต่ก็คงต้องพักฟื้นนานหน่อย”
       เนติมาโล่งอกยิ้มออกมาได้
       “ผมขอความกรุณาคุณหมอช่วยดูแลคนไข้รายนี้อย่างดีที่สุดนะครับ”
       “ไม่ต้องห่วงครับท่าน เราจะดูแลเค้าอย่างสุดความสามารถครับ”
       เนติมาหันมองศิวัชด้วยความซาบซึ้งใจ หมอเหลือบไปเห็นแผลที่แขนของศิวัชก็ตกใจ
       “ท่านเองก็มีแผลนี่ครับ ผมว่าท่านรีบไปทำแผลก่อนดีกว่า เชิญครับ”
       หมอผายมือเชิญให้ศิวัชไป ศิวัชลังเลแต่หันไปเห็นเนติมาพยายามชะเง้อหน้ามองเข้าไปในห้องผ่าตัด ศิวัชยิ้มเศร้าๆ ก่อนตัดสินใจเดินตามหมอออกไป
      
       พยาบาลทำแผลให้ศิวัชเสร็จกำลังจะเดินออกไปจากห้อง ก็สวนกับธำรงที่เปิดประตูสวนเข้ามาพอดี ธำรงเดินเข้าไปเอาเรื่องศิวัช
       “แกคิดยังไงของแกถึงเอาตัวไปเสี่ยงกับเรื่องแบบนี้ ถ้าแกเป็นอะไรไปจะทำยังไง อย่าลืมซิว่าตอนนี้แกไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศนี้”
       “ผมแค่ทำตามสัญญาที่พวกเราเคยให้ไว้กับเนติ์ว่า จะช่วยจัดการกับคนที่ฆ่าพ่อแม่ของเค้า คุณพ่อคงไม่ได้ลืมสัญญานั้นไปใช่มั้ยครับ”
       “ก็แค่จัดการปลดพวกมันออกจากอำนาจแล้วเอาขึ้นศาลยังไม่พอรึไง”
       “นั่นคุณพ่อแน่ใจเหรอครับว่าทำเพื่อเนติ์ ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง”
      
       ธำรงสะอึกจ้องมองหน้าศิวัชด้วยความโกรธ กำลังจะอ้าปากด่า แต่ปฎิพรเข้ามาในห้องพอดี ธำรงรีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้มต้อนรับทันที

source: manager.co.th 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น