อ่านละคร ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 1 วันที่ 24 ส.ค. 56
ไม่ ทันไร นันทินีโผล่เข้ามาในร้านพร้อมช่อดอกไม้ช่อใหญ่มาอวยพร หม่อมสุรีย์ดีใจบอกคุณหญิงนิ่มไม่ต้องช่วยแล้ว เพราะนันทินีนี่แหละที่เหมาะสมและมีความพยายามเป็นเลิศ...หม่อมสุรีย์พยายาม ผลักดันให้นันทินีใกล้ชิดกับลูกชาย นันทินีก็ลูกเล่นแพรวพราวแกล้งสะดุดขาตัวเองล้มนั่งตักจันทรภานุ ช่างภาพรีบเก็บภาพทันที ชายหนุ่มเอือมหาทางเลี่ยงไปเข้าห้องน้ำหม่อมสุรีย์ยิ้มแตะมือกับนันทินีอย่างพอใจ “หนูนันทำดีมากจ้ะ ถ้ายังไงแม่จะหาโอกาสให้หนูนันได้ไปดินเนอร์กับชายจันทร์สองต่อสองดีไหม”
หม่อมสุรีย์หาโอกาสคุยกับจันทรภานุ ให้พานันทินีไปทานข้าวเย็นนี้ เขาขอเหตุผลหม่อมสุรีย์อ่อนใจจึงบอกว่าเหตุผลคือความต้องการของตน เพราะเห็นว่าเธอเหมาะสมกับเขา
“แต่แม่ครับ ผมไม่ได้ชอบคุณนัน”
“ตอนแม่แต่งงานกับท่านพ่อ แม่ก็ไม่ได้ชอบท่านพ่อของลูกเหมือนกัน แต่พออยู่ๆกันไปแม่ก็รักท่านพ่อของลูกสุดหัวใจ ทำตามที่แม่สั่ง อย่าขัดใจแม่” หม่อมสุรีย์พูดจบเดินจากไป
จันทรภานุเครียด คุณหญิงนิ่มเข้ามาสะกิดไหล่ ถามเจอศึกหนักหรือ เขารีบขอให้เธอช่วย
ในวันเดียวกัน ประกายดาวทำบุญวันเกิดร่วมกับครอบครัวจิตสุภางค์ที่ลูกชายคนเล็กอายุครบหนึ่งเดือนและมิลินทร์ พากันมาเลี้ยงอาหารที่มูลนิธิเด็ก จู่ๆประกาย-ดาวก็มีความคิดว่า
“เด็กพวกนี้เกิดจากความไม่มีวุฒิภาวะของพ่อแม่ นึกอยากแต่จะมีความสุขแต่ไม่นึกถึงผลที่จะตามมา ถึงเด็กพวกนี้จะเจริญเติบโตในสังคมเหมือนเด็กทั่วไป แต่สิ่งที่แตกต่างคือจิตใจความคิดความรู้สึก นั่นเพราะไม่มีพ่อแม่เป็นต้นแบบในการหล่อหลอมอบรมสั่งสอน และปัญหาเด็กกำพร้าก็มีมากขึ้นในสังคมไทย ฉันก็เลยคิดว่าจะรับเด็กมาเลี้ยง พวกเธอเห็นว่าดีไหม”
ทั้งจิตสุภางค์และมิลินทร์ค้าน แจงเหตุผลมากมายที่จะตามมา แต่ประกายดาวอยากมีลูกเป็นเพื่อนแก้เหงาโดยไม่อยากมีพ่อ เธอมั่นใจว่าจะเป็นแม่ที่ดีได้ ประกายดาวมองเฮียเชาที่ดูแลลูกๆที่กำลังซนแต่ก็เอาไม่อยู่ จนจิตสุภางค์ต้องไปจัดการเอง เธอกระซิบมิลินทร์
“แกเห็นไหมลินทร์ มีลูกกวนตัวคนเดียว ดีกว่ามีผัวกวนใจอีกคน”
มิลินทร์ถอนใจกับความคิดของเพื่อน...ระหว่างที่ประกายดาวไปเจรจากับเจ้าหน้าที่เรื่องอุปการะเด็ก มีรถยนต์แล่นเข้ามาจอด คนที่ลงจากรถคือศิวะ อรอุมาและรติรส จิตสุภางค์สะกิดมิลินทร์ ศิวะเห็นเพื่อนทั้งสองก็รู้ว่าประกายดาวอยู่ที่นี่ จึงทำทีไปเข้าห้องน้ำแล้วแอบไปดักเจอ
ประกายดาวเห็นศิวะมาก็อึดอัดใจเดินหนี แต่เขาคว้ามือเธอขอร้อง “ดาว ถึงเราจะแต่งงานแล้ว แต่เราก็ยังรักดาวนะ รักดาวเสมอ”
อรอุมาตามมาเจอตวาดเสียงลั่น “ทำอะไรกัน...”
ศิวะรีบปล่อยมือประกายดาว ไม่กล้าแก้ตัวช่วยเธอ อรอุมาแว้ดใส่ประกายดาวชุดใหญ่
“หน้าตาก็ดี ไม่น่ามาลักกินขโมยกินแบบนี้...มิน่า วันนี้คุณถึงได้อยากมาที่นี่นัก เพราะคุณจะมาหามันใช่ไหม...นี่คงนัดมาล่ะสิ”
“มันจะน้ำเน่าไปหน่อยมั้ง ฉันเนี่ยนะนัดตานี่มา ประสาท” ประกายดาวฉุน
รติรสยุอรอุมาว่าประกายดาวด่า อรอุมาแหวใส่รู้ไหมว่าเธอเป็นใคร ประกายดาวโต้แล้วเธอรู้ไหมว่าตนเป็นใคร อรอุมาปรี๊ดแตก กล้าดีอย่างไรมาย้อน
ประกายดาวฉุน เท้าเอวเดินเข้าใส่ “แล้วแกกล้าดียังไงมากล่าวหาฉันอย่างนี้ อะไรที่ฉันทิ้งไปแล้ว ฉันไม่มีทางจะเก็บมันมาใช้อีกหรอก อย่ามาทำเป็นน้ำเน่าเป็นนางอิจฉาที่นี่...ที่นี่บริสุทธิ์เกินกว่าจะต้องมาแปดเปื้อนเพราะความคิดอกุศลของแก”
ทั้งอรอุมาและรติรสถอยหนีชนกำแพง ศิวะหงอไม่กล้าสบตาใคร พอดีเจ้าหน้าที่เดินมาถามว่ามีอะไรกันหรือเปล่า ประกายดาวจึงหันไปบอกเจ้าหน้าที่ว่าจะกลับมาคุยด้วยวันหลัง แล้วหันไปบอกศิวะ ดูแลภรรยาอย่าให้มาแสดงกิริยาต่ำๆอย่างนี้อีก ว่าแล้วก็ย้ำ ลาก่อน... ลาขาด
“เธอจะยอมให้มันด่าเธอฝ่ายเดียวไม่ได้นะอร” รติรสอดยุยงเพื่อนไม่ได้
อรอุมาฮึด เดินตามประกายดาวออกไป ร้องท้าด่ากันแล้วจะไปง่ายๆอย่างนี้หรือ ประกายดาวชะงักหันกลับมาถาม “แล้วจะเอาไง ตบกันเลยไหม”
ประกายดาวถลกแขนเสื้อรอ อรอุมาดันรติรสเข้าไป แต่เธอขืนตัวไว้ไม่กล้า มิลินทร์กับจิตสุภางค์ตามมายืนขนาบข้างเพื่อน เตรียมรับมือ ศิวะขยาดดึงอรอุมากลับ รติรสรีบวิ่งตาม
ooooooo
เย็นวันนั้น จันทรภานุจำต้องนั่งรถนันทินีไปดินเนอร์ตามคำสั่งหม่อมสุรีย์ นันทินีเปิดเพลงแนวยั่วยวน แถมจับต้นขาเขาหมับ คุณชายสะดุ้งยกแขนกระแทกหน้าเธอเฉี่ยวๆ
“ขอโทษครับ ผมเป็นโรคบ้าจี้น่ะครับ ใครแตะตัวไม่ได้เด็ดขาด แขนขามันจะชักกระตุก”
นันทินีหน้าเหวอ พลันมือถือดังขึ้น จันทรภานุรับสายแอบอมยิ้มแล้วเก๊กหน้าขรึม
“ว่าไงนะหญิงนิ่ม ตอนนี้น้องหญิงอยู่ไหน พี่จะรีบไปเดี๋ยวนี้”
จันทรภานุหันมาบอกนันทินีว่าไปดินเนอร์ด้วยไม่ได้แล้ว ต้องไปดูแลคุณหญิงนิ่ม เพราะเธอเกิดอุบัติเหตุ ขับรถชนคนตายสมองไหลอยู่กลางถนน นันทินีแขยงจะไปส่งก็ไม่กล้า จึงจอดรถให้เขาลง ชายหนุ่มอมยิ้มรีบโบกแท็กซี่กลับไปที่ร้านของคุณนิ่ม...พอคุณหญิงนิ่มรู้ว่าคุณชายสร้างเรื่องขนาดนั้นก็เกรงจะถึงหูหม่อมสุรีย์แล้วตนจะกลายเป็นเด็กเลี้ยงแกะ
“พี่ไม่รู้จะทำยังไง ก็ต้องแก้ผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน”
“อย่าเอาตัวรอดคนเดียวนะคะ หญิงช่วยพี่ชายแล้วคราวนี้ก็ถึงตาพี่ชายต้องช่วยหญิงบ้าง”
“มีทวงบุญคุณกันด้วย”
“แน่นอนค่ะ พี่ชายต้องไปคาราโอเกะกับหญิง”
“เฮ้อ...นี่พี่หนีเสืออย่างหม่อมแม่ มาปะจระเข้อย่างเราใช่ไหม”
คุณหญิงนิ่มไม่ตอบ แอบอมยิ้มมีเลศนัย...ให้เผอิญที่ประกายดาว มิลินทร์และครอบครัวจิตสุภางค์ ยกโขยงมาเที่ยวคาราโอเกะแห่งนี้เช่นกัน สามสาวร้องเพลงด้วยกันอย่างเมามัน ห้องข้างๆที่กลุ่มคุณหญิงนิ่มร้องเพลงเฮฮากับเพื่อนๆ จันทรภานุนั่งเซ็งเพราะรู้ว่าเธอชวนมาหวังจับคู่กับเพื่อนของเธอ...พอดีประกายดาวมาเข้าห้องน้ำล้างหน้า แต่กระดาษทิชชูหมด จึงเดินออกมาโดยใช้แขนเสื้อเช็ดหน้า เธอชนเข้ากับคนๆหนึ่ง เขาโอบเอวไม่ให้เธอล้ม พอทั้งสองเห็นหน้ากันต้องตะลึง ต่างร้องพร้อมกัน
“นาย!...คุณ!...”
จันทรภานุปล่อยตัวประกายดาวล้มก้นจ้ำเบ้า เธอร้องลั่นปล่อยทำไม ชายหนุ่มยิ้มเยาะ
“ถือว่าหายกัน เรื่องที่คุณสาดกาแฟใส่ผมวันก่อน”
“ผ่านมาตั้งนาน ยังจำได้อีก เจ้าคิดเจ้าแค้นนะเนี่ย ตุ๊ดป่ะ...”
“นี่...มันจะมากไปแล้วนะ”
“มันไม่มากไปหรอก ถ้าเทียบกับคนที่ไม่เป็นสุภาพบุรุษอย่างคุณ”
“ผมไม่เป็นสุภาพบุรุษตรงไหน”
“ไร้มารยาท พูดจาไม่ดี ไม่เคารพกฎจราจร เอาเป็นว่าก็ทุกตรงนั่นแหละ” ประกายดาวมองเขาเหยียดๆหัวจรดเท้า
มิลินทร์กับจิตสุภางค์ตามออกมาเห็นทั้งสองกำลังเถียงกันยกใหญ่ ก็ตกใจ จิตสุภางค์ดึงประกายดาวออกมา มิลินทร์รีบขอโทษขอโพย แล้วถามจำตนได้ไหม ตนเป็นนักข่าวหน้าสังคมหนังสือพิมพ์ไทยไลน์ ที่เคยสัมภาษณ์เขา จันทรภานุนึกออกจึงแกล้งจิกกัดประกายดาว
“ไม่เป็นไร ผมไม่ถือ เพราะนี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้เจอกัน แต่ถ้าให้ดีก็หัดสั่งสอนเพื่อนคุณด้วยว่า ผู้หญิงที่ดีเขาทำตัวกันยังไง”
ประกายดาวตาโพลงอ้าปากจะด่า จิตสุภางค์รีบปิดปากลากตัวกลับเข้าห้อง มิลินทร์บอกให้รู้ว่า คนที่ทะเลาะด้วยคือ ม.ร.ว.จันทรภานุ นพรัตน์ ดังมากทำไมถึงไม่รู้จัก เขาเป็นหนุ่มสังคมที่กำลังเป็นที่จับตามองของสาวๆหลายคน เป็นเจ้าของห้างมีเดียกรุ๊ป และโรงแรมอีกหลายแห่งในประเทศไทย ประกายดาวแขวะชื่อเหมือนผู้หญิง จิตสุภางค์ซัก อายุเท่าไหร่
“35 แต่ยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน เขาว่ากันว่า คุณชายไม่เคยจริงจังกับผู้หญิงคนไหน ฉายาของคุณชายคือ...เดทเดียวดับ...ถ้าผู้หญิงคนไหนได้ออกเดทกับคุณชายแล้วล่ะก็ คุณชายจะบอกเลิกทันที” มิลินทร์เล่าถึงสาวหลายๆคนที่คุณชายบอกเลิกหลังจากดินเนอร์ด้วย
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น