วันศุกร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2555

อ่านละคร ขุนศึก ตอนที่ 1 วันที่ 20 เม.ย. 55

อ่านละคร ขุนศึก ตอนที่ 1 วันที่ 20 เม.ย. 55
วัน อาทิตย์ แรม 11 ค่ำ เดือน 9 ปีมะเส็ง พุทธศักราช 2112 กรุงศรีอยุธยาสูญเสียเอกราชให้แก่กองทัพของพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง คนไทยตกอยู่ใต้อำนาจของกรุงหงสาวดีนานนับสิบปี

ครั้นพระเจ้าบุเรงนองเสด็จสวรรคต พระมหาอุป– ราชา มังไชยสิงห์ ขึ้นครองราชย์สืบต่อ ทรงพระนามว่า พระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรง พระองค์ระแวงว่าคนไทยจะก่อกบฏ เพราะสมเด็จพระนเรศวรมหาอุปราชกรุงศรีอยุธยาทรงพระปรีชาสามารถ ดังนั้น เมื่อพระเจ้ากรุงอังวะแข็งเมือง พระเจ้านันทบุเรงจึงสบโอกาสมีรับสั่งให้สมเด็จพระนเรศวรยกกองทัพขึ้นไปปราบ พร้อมกันนั้นพระองค์ได้เตรียมแผนลอบปลงพระชนม์สมเด็จพระนเรศวรไว้ที่เมือง แครง

ooooooo
รอบค่ายพักสมเด็จพระนเรศวร ขณะทหารเดินรักษาเวรยามอย่างเข้มงวด พลันมีลูกดอกอาบยาพิษพุ่งเข้าปักคอ ล้มลงขาดใจตายทันที ทหารอีกคนเห็นเพื่อนตายก็ตกใจ แต่ไม่ทันทำอะไรก็ถูกมือสังหารหงสาแทงด้านหลัง ขาดใจตายไปอีกคน

มือสังหาร 5-6 คนลอบเข้ากระโจมของสมเด็จพระนเรศวรไป มันตลบมุ้งขึ้น แล้วฟันดาบลง แต่คนที่นอนอยู่ไวกว่า พลิกตัวใช้ปืนยิงสวนจนมันกระเด็นออกไปตายคาที่ พวกที่เหลือตกใจ ตาเหลือกลาน มองคนที่อยู่บนเตียง แท้จริงเป็นพระราชมนูที่ปลอมตัวมานอนแทน อึดใจนั้นทหารจำนวนมากถืออาวุธครบมือกรูกันเข้ามาในกระโจม


“วางอาวุธเสีย แล้วกูจะไว้ชีวิตพวกมึง” เสียงพระราชมนูกร้าว

พวกมือสังหารไม่ฟัง ทหารทั้งสองฝ่ายจึงตะลุมบอนกันอย่างดุเดือด พลันมือสังหาร 2-3 แหวกวงล้อม ออกไป มันตรงเข้าหาสมเด็จพระนเรศวรเงื้อดาบฟันสุดแรงเกิด หมายปลงพระชนม์ แต่ชะตามันขาด พระองค์ดำทรงชักดาบฟันสวน ดาบมารมือสังหารบังเกิดสะเก็ดไฟแปลบปลาบ หักสะบั้น มันตายคาที่

มือสังหารคนที่ถูกจับได้คนหนึ่ง ตวัดดาบปาดคอตัวเอง พวกที่เหลือเห็นดังนั้น ก็ทำดุจเดียวกันจนสิ้น

“เป็นไปตามคำเตือนของพระยาเกียรติ พระยาราม แลมหาเถระคันฉ่องทุกประการ ย่อมประจักษ์แจ้งแล้วว่า พระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงหมายจะลอบปลงพระชนม์สมเด็จพี่” พระเอกาทศรถกราบทูล

“เรายกทัพมาตีกรุงอังวะโดยสัตย์ พระเจ้าหงสาวดีกลับประพฤติพาลต่อเรา...” สมเด็จพระนเรศวรตรัสด้วยน้ำเสียงโกรธจัดปาดาบในมือปักพื้นดินอย่างแรง

หลังเหตุการณ์ลอบปลงพระชนม์ สมเด็จพระนเรศวรทรงหลั่งอุทกธาราจากสุวรรณภิงคารลงสู่พื้นดินประกาศอิสรภาพให้ชาติไทยไม่ขึ้นต่อกรุงหงสาอีกต่อไป ทหารส่งเสียงไชโยโห่ร้องดังก้องไปทั่วบริเวณ ราวกับแผ่นดินจะถล่ม

ooooooo

ข่าวสมเด็จพระนเรศวรประกาศอิสรภาพกระจายไปทั่วพันอินนำเรื่องมาคุยกับมั่นช่างตีเหล็กฝีมือดี เสมาลูกชายตีดาบอยู่ใกล้ๆได้ฟังก็ฮึกเหิมกระหน่ำตีเหล็ก ด้วยเลือดลมพลุ่งพล่านจนดาบหัก พันอินหันไปมองพลางแล้วเอ่ยถามมั่น ว่าหนุ่มผู้นี้เป็นใคร มั่นว่าเสมาเป็นลูกชายเขาเอง ส่งไปอยู่กับพระครูขุนวัดพุทไธสวรรย์ แต่เล็ก เพิ่งจะกลับมา

เมื่อพันอินถามเสมาว่าได้วิชาอะไรติดตัวมาบ้าง เสมาว่าได้หัดดาบสองมือมาหลายปี หมายมั่นจะเป็นทหาร พันอินถูกใจนัก รับปากจะช่วยฝากให้

“ถ้ากระนั้น ฉันขอยกอ้ายเสมาให้เป็นลูกท่านพัน แล้วต่อไปจะเป็นลูกศึกลูกเมืองประการใดก็ตามแต่ ขออุปการะไปเถิด”

“ได้ซีพี่มั่น ฉันชอบใจอ้ายลูกคนนี้อยู่แล้ว ทั้งรูปร่าง น้ำใจ สำนักเรียน ก็ได้ลักษณะพร้อม ภายหน้าต้องได้เป็นขุนศึกขุนพลเป็นแน่”

เสมากลับมาบอกข่าวดีกับแม่และน้องสาวที่บ้าน ครั้งถึงบ้านเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินหันหลังดูโน่นดูนี่อยู่ที่หน้าเรือนก็เข้าใจว่าเป็นจำเรียงน้องสาวจึงเข้าไปเรียก เมื่อเธอหันมาถึงกับตะลึงในความสง่าจนตาค้าง

“ฉันไม่ใช่จำเรียงดอกจ้ะ จำเรียงกับแม่จะเอาส้มสูกลูกไม้ให้ฉันอยู่ ฉันก็เลยมาเดินรอ” เรไรส่งยิ้มหวานบาดใจ

เสมาตั้งสติได้รีบยกขอนไม้มาปัดฝุ่นจะให้นั่ง พอดีบุญเรือนกับจำเรียงถือชะลอมผลไม้เข้ามาเห็น บุญเรือนตวาดเสมา เพราะคิดว่าลูกชายทำอะไรล่วงเกิน

จำเรียงรีบสำทับ “นี่ท่านหญิงเรไร นายของข้า พี่ประพฤติหยาบคายกระไรไปบ้าง กราบขมาท่านประเดี๋ยวนี้เลย”

เสมาตกใจ จะก้มลงกราบจริงๆ เรไรร้องห้ามพลางอธิบายว่า เสมาแค่ยกขอนไม้มาให้เธอนั่งเท่านั้น จำเรียงกลัวพี่ชายจะทำขายหน้ารีบตัดบทพาเรไรไปส่งที่ท่าน้ำเพื่อนั่งเรือกลับบ้าน

เรไรหันมายิ้มให้เสมาเป็นเชิงลา แล้วเดินจากไปเสมามองตามพลางรำพึงชื่อแม่หญิงคนงาม

ooooooo

เช้าวันใหม่ พันอินพาเสมาไปกราบขุนรามเดชะที่เรือน เพื่อฝากให้เป็นทหาร ขุนรามเดชะรู้จากพันอินว่าเสมาเป็นศิษย์สำนักพุทไธสวรรย์ก็อยากเห็นฝีมือจึงเรียกให้ขันมาช่วยทดสอบ

ขันอิจฉาที่เสมาเป็นศิษย์สำนักดังจึงพูดจาดูแคลน หวังให้เสมาอับอาย ยามนั้นเรไรกลับจากทำบุญเดินขึ้นเรือนมา พร้อมด้วยพิณและเหล่าข้าทาส ขุนรามเดชะเรียกให้ลูกสาวไหว้พันอิน พันอินจึงแนะนำให้เรไรรู้จักกับเสมาในฐานะลูกบุญธรรม หญิงสาวอึ้งไปนิด แล้วรีบยกมือไหว้ เสมามองเรไรนิ่งไม่วางตา ขันเหลือบมองคนทั้งคู่ด้วยตาเปี่ยมไฟริษยา

ขุนรามเดชะนำทุกคนมาที่ลานฝึกดาบหน้าเรือน เพื่อดูขันประลองดาบกับเสมา เรไรกับเหล่าทาสออกมายืนดูอยู่บนเรือน ขันทำปากดีท้าให้เสมาเข้ารุกก่อน เสมาหาประมาทไม่ เขาคุกเข่าไหว้ขอขมาขันแล้วลุกขึ้นเตรียมพร้อม

ขันควงดาบสองมือจู่โจมหมายประกาศชื่อ เสมาตั้งรับหวังดูชั้นเชิง ทำให้ขันได้ใจ คิดว่าเสมาสู้ไม่ได้จึงร่ายเพลงดาบเข้าฟันเสมาอย่างหนักหน่วง ครั้นเสมาอ่านทางออกแล้ว จึงสวนกลับและเป็นฝ่ายรุกจนขันเกือบสิ้นลายครูดาบ แต่เสมาไม่อยากให้ขันต้องเสียหน้า จึงพลิกเอาตัวบังสายตาคนอื่นไว้ แล้วใช้ดาบมือซ้ายกดดาบของขันไว้ ก่อนจะใช้สันของดาบมือขวาฟันกระแทกลงจนดาบตนและขันหักพร้อมกัน แล้วรีบคุกเข่าลงไหว้คู่ต่อสู้ ทำเหมือนว่าไม่มีใครแพ้ชนะเพราะดาบหักเสียก่อน แต่ขุนรามเดชะดูออกเขานึกชมเสมาที่ทั้งเก่งและมีน้ำใจไม่หักหน้าคนอื่น

ขันสงบสติอารมณ์แล้วพาเสมาเข้ากราบขุนรามเดชะพลางเอ่ย “พระคุณจะได้ทหารดีไว้รับใช้ราชการขอรับ ทั้งไหวพริบแลฝีมือก็นับว่าเจนชำนาญอยู่ เรี่ยวแรงยิ่งดีมากขอรับ”

“ดีแล้วๆ ต่อไปเราก็มาเป็นทหารขององค์สมเด็จพระนเรศด้วยกันเถิดนะ หลานเอ๋ย” ขุนรามเดชะหัวเราะร่วน

“ขอบพระคุณขอรับ ข้าพระเจ้าจะตั้งใจรับราชการ ไม่ให้เสื่อมเสียมาถึงพ่อพันอินแลพระคุณเลยขอรับ” เสมาก้มลงกราบด้วยความดีใจ ส่วนขันก้มหน้าแต่แอบขบกรามจนนูนนึกเขม่นๆเสมาอยู่ลึกๆ ผิดกับเรไรที่ยืนมองเสมาด้วยสายตาชื่นชม

ooooooo

เสมาดีใจที่ได้เป็นทหาร เจอใครก็บอกไปตลอดทาง จนกระทั่งมาถึงหน้าแผงขายเหล็กและมีดพร้าของเอื้อยแตง

สาวเจ้าสวนมาอย่างไม่เกรงใจว่า ทุกคนเขารู้กันทั่วแล้ว ทำให้เสมาบ่นว่า เอื้อยแตงชอบขัดคอมาตั้งแต่เล็กจนโตไม่เบื่อบ้างเลย ครั้นเอื้อยแตงทำท่าจะตอบโต้ คู่ปรับก็เดินหนีไปช่วยแต้มพ่อของสาวน้อยแบกเศษเหล็กแล้ว

แต้มยินดีกับเสมาที่จะได้เป็นทหารเพราะคงสมใจมั่น แล้วล้อว่า ป่านนี้บุญเรือนคงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแน่ เพราะไม่อยากให้ลูกชายเป็นทหาร เสมาฟังแล้วแปลกใจ เขากลับไปถามความจริงกับพ่อและแม่

มั่นพาลูกชายเข้าไปคุยกันในห้องพระแล้วบอกเล่าเรื่องราวในอดีตว่า ปู่ของเสมาคือ ขันชำนะพลแสน ทหารกล้าของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ แต่พอปู่สิ้นบ้านช่องก็ถูกข้าศึกทำลาย ญาติพี่น้องก็แตกกระสานซ่านเซ็น

พ่อมั่นมีเพียงวิชาติดตัวแค่การตีเหล็กจึงหมดปัญญาที่จะกอบกู้ศักดิ์ศรีของปู่คืนมา จึงหวังพึ่งเสมาให้ทำหน้าที่แทน และที่บุญเรือนไม่อยากให้เสมาเป็นทหารก็เพราะญาติพี่น้องตายในสงครามจนหมด ทำให้นางต้องระหกระเหินลำบากลำบนอยู่หลายปี จึงกลัวว่าลูกชายจะมีอันเป็นไปอีกคน

เสมาพยักหน้ารับช้าๆ รู้สึกเห็นใจแม่ เขาออกไปคุยกับบุญเรือนที่ศาลาริมคลอง หวังให้แม่คลายกังวล เพราะถึงอย่างไรเขาก็ต้องเป็นทหารให้ได้ บุญเรือนเจ็บใจไล่ตะเพิดลูกแล้วน้ำตาคลอ

ooooooo

ค่ำวันเดียวกันนั้น ขันฝึกซ้อมดาบสองมือกับพวกทาสชายอยู่ที่ลานกว้างหน้าเรือนด้วยความหงุดหงิดเพราะเจ็บใจที่แพ้เสมา ดวงแขออกมายืนดูพี่ชายแล้วหันมาฟ้องแม่ว่าค่ำมืดแล้ว ทำไมพี่ขันยังไม่หยุดซ้อมอีก

“ช่างพ่อขันเถิดดวงแข ประเดี๋ยวเหนื่อยก็หยุดเอง” อำพันว่า แล้วหันไปพูดกับชดลูกหนี้ที่จะมาขอยืมเงินเพิ่ม ว่านางคงให้ไม่ได้ เพราะชดเอาแต่เล่นถั่วเล่นโปไม่ยอมทำกิน ชดไม่พอใจแต่ทำอะไรไม่ได้จึงคลานหลบออกไป

ดวงแขมองตามพลางเปรยกับแม่ว่า พรุ่งนี้เธอนัดกับเรไรว่าจะไปทำบุญที่วัดด้วยกันและจะชวนขัน แต่ดูท่าคงจะคลาดกันอีกแล้ว

“พลาดมื้อนี้ก็ยังมีมื้อหน้า หากพ่อขันออกศึกได้ยศศักดิ์เมื่อใด มีรึ ออกขุนรามเดชะจะรังเกียจ ลูกอย่ากังวลไปเลย” อำพันยิ้มมั่นใจ แต่ดวงแขทำท่าหนักใจ เพราะพี่ชายไม่ได้อย่างใจเลย

ooooooo

เช้าวันใหม่ เรไรพร้อมทาสหญิงชาย และดวงแขกับเหล่าบริวารต่างนั่งเรือออกไปทำบุญที่วัด ระหว่างทาง เรือของดวงแขก็ถูกชดกับพวกดักปล้น

ดวงแขพลัดตกนํ้าและเกือบจมนํ้าตาย เพราะว่ายนํ้าไม่เป็น แต่โชคดีที่เอื้อยแตงกับเสมาพายเรือบรรทุกเศษเหล็กผ่านมาพบ เสมาลงไปช่วยดวงแขขึ้นมาบนฝั่ง และจัดการกับชดและพวกหนีกระเจิงไป

เรไรที่อยู่บนเรืออีกลำเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด สั่งให้ทาสเข้าช่วย แต่เอื้อยแตงลากเสมาลงเรือหายไปเสียแล้ว เพราะเธอไม่ชอบมีความกับผู้ใด เรไรแอบเศร้า เข้าใจว่า เอื้อยแตงกับเสมาเป็นคู่รักกัน ขณะที่ดวงแขแอบปลื้มนํ้าใจชายหนุ่ม และนึกเสียดายที่ไม่รู้ว่าเขาเป็นใครอยู่ที่ไหน

เช้าวันต่อมา เสมาไปที่บ้านของขุนรามเดชะ เพื่อขอรับชุดทหาร เขาพบเรไรกำลังเก็บดอกจำปีใส่ขันเงิน ใบเล็กๆ แต่เผลอทำหลุดมือ จึงรีบเอื้อมมือไปรองรับ พลางเอ่ยขอดอกจำปี เรไรเขินอายแต่ทำวางท่า บอกว่าอยากได้ก็จะให้ แล้วถามถึงธุระของชายหนุ่ม เสมาว่าตนมารับเครื่องทหาร แต่มาเร็วไป

“เห็นประตูเรือนเปิดอยู่เลยเข้ามา ก็เลยรับดอกจำปีพลัดมือได้” เสมาส่งสายตากรุ้มกริ่ม

“พูดเองเล่าความเอง ไม่ได้ความเลย แต่เอาเถิด เมื่อมาหาพ่อก็ขอเชิญบนเรือน พ่อไปราชการแต่เช้ามืด สักครู่คงกลับ” เรไรปั้นหน้านิ่งเดินเชิดนำเสมาเข้าข้างในบ้าน แล้วแอบอมยิ้มปลื้มอยู่ในที

เสมาตามเรไรเข้ามาในเรือนและชวนพูดคุย แต่ไม่ทันไร ขันก็ถือชุดทหารเดินเข้ามา เขาไม่พอใจที่เห็นเสมายืนมองเรไรด้วยสายตากรุ้มกริ่ม จึงพาลหาเรื่องและพูดดูถูกไปถึงพระครูขุนวัดพุทไธสวรรย์อาจารย์ของเสมา

เสมาไม่พอใจจะเข้าไปเอาเรื่องขัน แต่บุญเรือนกับจำเรียงเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน เพราะจะมารับของฝากจากเรไรไปให้บัวเผื่อนเพื่อนชาววัง เรไรเชิญทั้งคู่ขึ้นมาบนบ้านแล้วแนะนำให้รู้จักกับขัน

ขันเหล่มองจำเรียงอย่างมีแผน เมื่อรู้ว่าเธอเป็นน้องสาวของเสมา

ooooooo

เสมาเดินเลี่ยงไปลองชุดทหารที่หลังบ้าน สม-บุญทาสของขุนรามเดชะแอบตามไปเตือนเสมาให้ระวังตัวเพราะขันผูกใจเจ็บเรื่องที่แพ้เสมาเมื่อวันก่อน เสมาซาบซึ้งขอเป็นเพื่อนตายกับสมบุญ และรับปากจะช่วยสอนเพลงดาบให้สมบุญไว้สร้างความชอบในยามออกศึกและจะได้ไถ่ถอนตัวเองให้เป็นไท

สมบุญดีใจจะกราบเสมาแต่เขาห้ามไว้ แล้วรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไปดูแม่กับน้องที่ยังคุยอยู่กับขัน

เสมาหอบห่อผ้ากลับขึ้นมาบนเรือน พบขันกำลัง ประจบบุญเรือน แถมยังเกี้ยวจำเรียงด้วยการจับปลายสไบ ขึ้นจูบ เสมาฉุนขาดเข้าไปเอาเรื่อง เรไรที่เตรียมของอยู่ในบ้านได้ยินเสียงเอะอะจึงออกมาดู ขันรีบฟ้องว่าเสมาทำโอหังใส่ตน

“โอหังรึ นายหมู่สัพยอกน้องข้า หากเป็นน้องหญิงของนายหมู่แล้ว ข้าสัพยอกเช่นนี้มั่งจะว่ากระไร” เสมาสวนทำให้ขันโมโห ท้าให้เสมาสู้ ทหารใหม่รับคำ

สองหนุ่มเดินออกไปที่ลานฝึกดาบหน้าเรือนแล้วเข้าประลองฝีมือกันอีกครั้ง ขันเห็นเสมากำลังโกรธก็ยิ่ง ยั่วยุหวังให้ขาดสติเพื่อที่ตนจะได้ชนะ แต่สุดท้ายเสมาก็พลิกสถานการณ์กลับมาเป็นผู้ชนะได้อีกครั้ง เขาจ่อปลายดาบเข้าที่คอหอยขัน ขันตกใจหน้าซีดเผือด พอดีขุนรามเดชะกลับมา

สองหนุ่มถูกเรียกไปไต่สวน ขุนรามเดชะตำหนิเสมาที่ ผิดกฎ เพราะบังอาจตอบโต้ขันที่มียศสูงกว่า เสมาพยายามอธิบายความจำเป็น แต่ขุนรามเดชะไม่รับฟังเพราะกฎต้องเป็นกฎ

“ข้าพระเจ้าไม่รู้วิถีทหาร หากเป็นนายแล้ว จะกระทำบัดสี ยํ่ายีผู้เป็นลูกหมู่อย่างไรก็ได้งั้นรึขอรับ” เสมาเอ่ย

“อ้ายเสมา นี่มึงกล้าย้อนกูรึ” ขุนรามเดชะโมโห

ขันได้ทีรีบใส่ไฟ จนขุนรามเดชะเข้าใจเสมาผิด สั่งให้สมบุญคุมตัวเสมาไปโบยด้วยเชือกหนังสิบสองที แล้วจำตรวนไว้ที่เรือนแถวท้ายหอ

สมบุญหน้าเสียรีบพาเสมาออกไปก่อนที่จะโดนเพิ่มโทษอีก ขันมองตามแล้วส่งยิ้มเยาะอย่างสาแก่ใจ

ooooooo

เสมาถูกพาตัวมาที่หน้าเรือนเพื่อรับโทษโบย สมบุญ เข้ามาไหว้ขอขมาที่ต้องโบยตามคำสั่ง แต่ยังไม่ทัน ได้ลงมือ ขันก็ตามออกมาแล้วขอโบยเสมาให้หายแค้น

เสมาขบกรามแน่นยอมรับชะตากรรม เรไรแอบมองเสมาด้วยความสงสารแต่ช่วยอะไรไม่ได้

หลังรับโทษโบย สมบุญก็พาเสมาตีตรวน เข้ากรงขัง ด้วยไมตรีเขาแอบส่งยาใส่แผลให้ ระหว่างนั้น เสมาบ่น น้อยใจที่ขุนรามเดชะเข้าข้างขัน สมบุญว่าเป็นเพราะพ่อของขันกับขุนรามเดชะเป็นเพื่อนแก้วเกลอเก่ากัน แถมที่บ้านของขันก็รวยมากจนท่านขุนต้องเกรงใจ

“มิน่าเล่า เอาเถิด ถือว่าข้าโง่เองจะโทษใคร หากอ้ายขันมันไม่ระรานข้าอีก ก็ให้ยุติแต่เพียงนี้ แต่ถ้ามันยังประพฤติพาลข่มเหงข้า ครั้งหน้า ข้าจะให้มันเจ็บยิ่งกว่าที่ข้าได้รับ” เสมาประกาศก้อง

ooooooo

กลางดึกคืนนั้น เรไรแอบเอาข้าวมาให้เสมาโดยมีพิณเป็นคนดูต้นทางให้ เสมาซึ้งใจยิ่งนัก เขานึกถึงดอกจำปีขึ้นมาได้จึงรีบหยิบออกมาดูก็พบว่ามันถูกทับจนบี้แบนหมดแล้ว

เรไรยิ้มเอียงอายที่เสมาเก็บดอกจำปีไว้ แต่เมื่อได้สติก็แกล้งเปรย “จะเก็บไว้บูชาสิ่งไรกันเล่าเสมา หรือจะแกล้งเก็บไว้เสนออวดว่าเป็นคนช่างเก็บ”

“อ้ายเสมารักดอกไม้หอม แลก็ขอแม่หญิงแล้ว เผอิญลืมเก็บ ใส่กระเป๋าตอนรบกันนายหมู่ เสียดายนัก”

เรไรยิ้มเขินอาย ยามนั้นสมบุญวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาบอกว่า ให้เรไรรีบไป เพราะมีคนมาตอนนี้พิณรับหน้าอยู่เสมานึกห่วงเร่งให้เรไรกลับขึ้นเรือน แม่หญิงเก็บข้าวของเดินตามสมบุญออกไป พ่อหนุ่มมองตามด้วยความห่วงใย

หญิงคนงามเดินอมยิ้มเอียงอายกลับเข้ามาในห้อง เธอทิ้งตัวลงนั่งที่เตียงพลางครุ่นคิดเรื่องเสมาอย่างวาบหวามใจ เช่นเดียวกับเสมาที่เห็นแต่ภาพเรไรลอยอยู่ในหัวตลอดเวลา เขาไม่อาจข่มตานอนได้จึงใช้กำลังง้างปลอกเหล็กที่พันธนาการตนออก แล้วแอบย่องขึ้นเรือนมาหาเรไร

เรไรเพิ่งล้มตัวนอน ได้ยินเสียงเคาะประตู เข้าใจว่าเป็นพิณจึงลุกไปเปิด แต่ต้องตะลึงเพราะคนที่อยู่ตรงหน้ากลับเป็นเสมา เรไรตั้งสติได้รีบถามเสมาว่า ต้องการอะไร เพราะกลัวมีคนมาเห็น

“เมตตาอีกครั้งเถิดแม่หญิงเอ๋ย จะเป็นหมากหรือยาสูบก็ได้ รับอาหารแล้วก็นึกอยากสูบหรือเคี้ยวหมากจริงๆ” เสมา หาข้ออ้าง แต่พอเห็นเรไรมองด้วยสายตาจับผิดก็รีบหลบตา

เรไรสั่งให้ไปรอที่หอนั่งก่อนเพราะจะช่วยจัดหาหมากพลูและยาสูบให้ เสมารีบเดินเลี่ยงไปด้วยความดีใจเรไรมองตามแล้วก็ยิ้มขำๆ เพราะรู้ทัน

ครู่ต่อมา เรไรนำหมากพลูกับยาสูบ พร้อมกับชุดไฟออกมาให้ เสมาแกล้งทำชุดไฟตก แม่หญิงไม่รู้ทันช่วย ควานหาในความมืด หนุ่มเจ้าเล่ห์แกล้งคลำถูกมือ แม่หญิงเขินอายดุให้เสมาปล่อยมือ เสมาเสียดายแต่จำต้องทำตาม แล้วแอบเอาชุดไฟที่หาเจอตั้งนานแล้ว มาวางไว้ข้างตัวเรไร

เรไรคลำเจอก็นึกเอะใจเพราะหาตั้งนานแต่ไม่มาพบ เธอหันมามองเสมาด้วยสายตาเอาเรื่อง เสมาหน้าเสียกลัวเรไรโกรธรีบออกตัว “ฟังคำก่อนเถิดนะแม่หญิง อย่าเพิ่งถือเคืองแก่ข้าเลย ข้าพระเจ้านี้ต้องขังทั้งปวดเมื่อยเป็นที่ยิ่ง เมื่อได้เมตตาแม่ ได้หมากแล้วต้องเร่งกลับ ก็อาลัยนัก จึงใคร่จะยืดเพลาพักพอสบาย ไปอีกเพียงครู่หนึ่ง”

“อ้อ เพียงประสงค์เท่านั้น ก็จะบอกกันเสียแต่โดยตรงมิได้หรือ เจ้าเล่ห์นักหนา แต่เพียงการเท่านี้ก็ ต้องวางหมากกลแล้วยังจะมีกลใดอีกเล่า”

“สิ้นกลแล้วแม่ อ้ายเสมายอมแพ้ปัญญาแม่หญิง จงอภัยเถิด เมตตาพอให้พักได้สบาย อีกสักครู่เดียวก็จะต้องเข้าตรวนแล้ว” เสมาเอาหมากขึ้นมาเคี้ยวแล้ว มองเรไรด้วยสายตารักใคร่เสน่หา

ooooooo

อ่านละคร ขุนศึก ตอนที่ 1 วันที่ 20 เม.ย. 55
บทประพันธ์เรื่องขุนศึกโดย :ไม้เมืองเดิม/สุมทุม บุญเกื้อ
กำกับการแสดงเรื่องขุนศึกโดย: อดุลย์ บุญบุตร
บทโทรทัศน์ละครเรื่องขุนศึกโดย: เอกลิขิต
ผลิตละครโทรทัศน์เรื่องขุนศึกโดย: บริษัท ที.วี.ซีน จำกัด
ที่มา ไทยรัฐ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น