วันพุธที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2555

อ่านละครเรื่อง ดอกโศก ตอนที่ 10/4 วันที่ 25 เม.ย. 55

อ่านละครเรื่อง ดอกโศก ตอนที่ 10/4 วันที่ 25 เม.ย. 55
โอ๋นึกถึงจดหมายพ่อ จึงขอตัวสุดเขตกลับบ้าน เวลานั้นกำลังเดินเข้าบ้านมาอย่างเร็ว เช็ดน้ำตาป้อยๆ เหลือบเห็นจดหมายหยิบเปิดอ่านทันที
“พ่อเป็นคนโมโหร้าย พ่อรู้ตัวดี พ่อทำให้ลูกเสียใจหลายครั้ง แต่ทุกครั้งพ่อเสียใจยิ่งกว่า”

เวลาเดียวกันบนถนนทางไปต่างจังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือ นายพันพฤกษ์อยู่ในรถคันหนึ่ง กับพนักงานขับรถ
รถแล่นไปตามทาง สีหน้าพฤกษ์อยู่ในกังวลชัดเจน กำลังคิดถึงโอ๋
คนขับรถหน้าตาเครียดจัด เพราะกังวลในใจมีศัตรูหมายหัว และอาจจะโดนศัตรูตามยิง

โอ๋อ่านจดหมายพ่อต่อ
“ในชีวิตพ่อรักผู้หญิงสามคนยิ่งกว่าชีวิตพ่อเอง คนแรก คือคุณย่าของโอ๋คนที่สองคือ แม่ของโอ๋ และคนที่สามคือโอ๋”
ส่วนแหวงนึกถึงคำขู่เพื่อนขึ้นมา “ไอ้แหวง กูเตือนมึงแล้วนะ อย่าทำอีก”
“แหวง....มึงเป็นอะไรวะ” พฤกษ์สงสัยจนต้องถาม
แหวงไม่ยอมตอบ
พฤกษ์สั่ง “ขับช้ากว่านี้อีกหน่อย.....แหวง....ไอ้แหวง ไอ้แหวง มึงหยุดรถเดี๋ยวนี้...หยุดเว๊ย”




“รู้ไว้นะลูกว่าพ่อรักโอ๋ที่สุดเพราะเวลานี้พ่อเหลือผู้หญิงที่พ่อรักเพียงคนเดียวเท่านั้น”
อ่านถึงตอนนี้โอ๋น้ำตาไหลพราก

แหวงชะลอรถ จังหวะนั้นรถปิ๊กอัพคันหนึ่งแซงมาแต่ไกล มีเสียงปืนดัง เปรี้ยง....เปรี้ยง....เปรี้ยง
พฤกษ์สะดุ้งเฮือกแล้วฟุบไป

โอ๋อ่านจดหมายต่อ
“พ่อจะรักผู้หญิงคนนี้ไปจนตาย ไม่มีวันจะรักผู้หญิงคนไหนให้มารังแกลูกยอดรักของพ่อเป็นอันขาด”
“คุณพ่อ.....” โอ๋ครางเบาๆ
จากนั้นโอ๋นั่งนิ่งงัน จดหมายหลุดจากมือ

ภายในรถปิ๊กอัพคันนั้น มีคนนั่งมาด้วยกัน 2 คน รวมคนขับ
“เฮ้ย มึงยิงไอ้แหวง แต่กูเห็นโดนเจ้านายมันนะ” คนขับบอก
“ให้มันลงนรกไปทั้งคู่....ไอ้แหวง...มึงเป็นชู้กับเมียกู” เพื่อนที่เป็นมือปืนไม่แยแส

งานวันเกิดดำเนินต่อไป บนเวทีเวลานั้น มีนักร้องร้องเพลงขับกล่อม สลับกับอุ๊ และเพื่อนๆ ที่ขึ้นไปร้องแจมเพลงวัยรุ่น
ระหว่างนั้นปกรณ์เดินอย่างเร็วรี่ตรงมา มือถือกระเป๋าเอกสาร สุดเขตมองเห็น ยกมือเรียก
ทนายปกรณ์มาถึงยกมือไหว้ “ท่านครับ ผมเพิ่งกลับจากต่างจังหวัด รถติดมากครับ”
“ไม่เป็นไร มาถึงก็ดีแล้ว ไปคอยฉันที่ห้องทำงานเอกสารครบแล้วนะ”
“ครับท่าน”
“เดี๋ยวตามไปเซ็น” สุดเขตบอก
“เชิญค่ะ เราเห็นจะต้องกลับเหมือนกัน” แขกผู้หญิงเอ่ยขึ้น
“อ้าว...ทำไมรีบกลับ”
“ท่านจะได้พักผ่อน” หญิงคนนั้นว่า
เพื่อนชายคราวเดียวกันสงสัย “ยังมีเอกสารเซ็นอีกรึ”
“หรือว่าเข้าชื่อแก้ไขอะไร” เพื่อนคนเดิมซัก
“ไม่มี...ไม่มี” สุดเขตลุกขึ้นล่ำลาแขกที่จะกลับ
ถ้วยยาที่เฉลยนำมาให้ ยายังอยู่เต็ม สุดเขตไม่ยอมแตะ
สุดสวยล่ำลาผู้คนด้วยกิริยาชดช้อย
“คุณปู่....คุณปู่ขา” เสียงโอ๋ดังแว่วๆ มาแต่ไกล
สุดเขต กับสุดสวยยังล่ำลาแขกเหรื่ออยู่
ระหว่างนั้นโอ๋วิ่งเตลิดเข้ามา “คุณปู่...คุณปู่” สะอึกสะอื้นจนตัวโยน สุดเขตหันไปมอง สีหน้าเริ่มสังหรณ์ประหลาด ด้วยประสบการณ์ของคนแก่
โอ๋เข้ามายืนตรงหน้าสุดเขตแล้ว “คุณปู่...”
แขกที่ได้ยิน หันมาดู เพ็ญพักตร์พุ่งเข้ามาอย่างเร็ว ตระกูลตามติด
อัศนัยเดินเข้ามาพร้อมกับดอกโศก ได้ยินเสียงโอ๋
“เป็นอะไรโอ๋” สุดเขตถาม
“มีคนโทรศัพท์มาบอก.....บอกว่า...คุณพ่อตายแล้วค่ะ” โอ๋บอกเสียงสั่น
มีเสียงหวีดร้องเบาๆ ตามมาด้วยเสียงกระหึ่มของผู้คนในงานที่พากันตกใจ
ร่างสุดเขตนิ่งไปชั่วขณะ หัวใจกระตุกอย่างแรง ร่างแข็งเกร็งสักครู่แล้วเซซวน อัศนัยมาถึงพอดี กรากเข้ารับตัวคุณตาที่เอนลง จนทรุดลงไปกับพื้น
ดอกโศกมาพร้อมๆอัศนัย เข้ากอดประคองคุณตา
“คุณตาขา...คุณตา”
อัศนัย กึ่งอุ้มกึ่งประคองให้คุณตานอนราบลง ส่วนบนพิงกับอกของเขา ดอกโศกทรุดตัวลงอย่างเร็ว
“ดอกโศก”
“คุณพ่อ....คุณพ่อเป็นอะไร....คุณพ้อ....” ทั่วบริเวณได้ยินเสียงหวีดร้องของสุดสวย
สุดเขตนัยน์ตาขุ่นคว้าง มองจ้องหน้าดอกโศก แล้วหันไปมองตามเสียงสุดสวย อ้าปากเหมือนอยากจะพูดกับลูกสาวแสนรักผู้อาภัพ “สุด.....สว.....สวย”
“คุณพ่อ” สีหน้าสุดสวยเหรอหรา มองคนโน้น คนนี้ “ช่วยด้วย....ช่วยคุณพ่อ”
“ตระกูล โทรตามรถพยาบาล” เพ็ญพักตร์บอกสามี
“พาไปเองดีกว่า ผมจะไปเอารถ....เร็วกว่า” ตระกูลว่า
“ดอก....โศก....ฝากน้าสวย...” นายพลสุดเขตกลั้นใจสั่งเสียน้ำเสียงสะอึกๆ เป็นคำสุดท้าย แล้วหลับตานิ่งไปเฉยๆ
เพ็ญพักตร์ตะโกนเรียก “ตระกูล....เร็ว”
“พี่เพ็ญ.....พาคุณพ่อไปที่รถเถอะครับ อย่ารอแอมบูแลนซ์เลย” พจน์เอ่ยขึ้น
แขกคนหนึ่ง แหวกคนเข้ามา “ผมเป็นหมอครับ”
หมอเข้าไปตรวจ ดูอาการ ปฏิบัติทุกอย่างตามขั้นตอน เป็นเวลานานสักอึดใจ
ก่อนที่หมอจะเอ่ยขึ้น “ท่านสิ้นใจแล้วครับ”
สุดสวยหวีดเสียงดังมาก แล้วร้องไห้ออกมาสุดเสียง
สุดท้ายดอกโศก สอดมือเข้าไปโอบรอบตัวสุดเขต นัยน์ตาดอกโศกแห้งผาก ไม่มีน้ำตากอดคุณตาแน่น
ตัวเองอิงพิงอัศนัยซึ่งกอดไว้อย่างแนบแน่น เป็นภาพสามคน

หลายวันผ่านไป วันนี้เป็นวันนัดหมายเพื่อเปิดอ่านพินัยกรรม ดอกโศกสวมชุดดำไว้ทุกข์ นั่งเหม่อมองสายน้ำสีหน้าหมองเศร้า

โอ๋ยังอยู่ที่บ้าน คุยอยู่กับอ้น บอกอ้นว่าไม่อยากไปฟังอ่านพินัยกรรม
โอ๋ นัยน์ตาแดงช้ำ ยังร้องไห้ยังไม่เลิก อ้น ตบหลังปลอบๆ
โอ๋ พึมพำออกมา “ไม่อยากไป...ไม่อยากได้”
“มันต้องไป...เขาจะอ่านพินัยกรรมวันนี้ ไปซะให้หมดเรื่อง...นะโอ๋”

ภายในห้องเพ็ญพักตร์ เวลาเดียวกัน สองแม่ลูกคุยกันเรื่องพินัยกรรม
“คุณแม่...” อุ๊กระซิบ “คุณแม่ว่าคุณตาให้อะไรดอกโศกมั่งคะ”
เพ็ญพักตร์นิ่งสีหน้าอึดอัดใจ
“คุณแม่ขา” อุ๊ถามย้ำ
“ให้เท่าๆ กับให้อุ๊ ซึ่งมันไม่ยุติธรรมเลย”
“คุณแม่จะทำยังไงคะ”
“ทำไงได้พินัยกรรมระบุอย่างนั้น”
“อุ๊ได้ยินว่ามีเงินตั้ง 5 ล้าน แล้วได้อยู่บ้านนี้ไปตลอดค่ะ” อุ๊บอก
“เท่าๆ กับอุ๊ มีที่ดินมั้ย”
“ไม่ได้ยินค่ะ”
“ไม่ได้แปลว่าไม่มี เอาเถอะอุ๊มันได้แค่ไหนก็แค่นั้น มันอยู่บ้านนี้ เราก็ทำให้มันอยู่ไม่ได้” เพ็ญพักตร์หยิบกระเป๋า หยิบของเสร็จแล้ว “ไปเถอะ”

สุดสวยร้องไห้อย่างหนักในห้องสุดเขต ร้องอยู่เงียบๆ แต่น้ำตาไหลชุ่มโชก นัยน์ตาแดงช้ำเพราะร้องมาหลายวันแล้ว นัยน์ตาลอยคว้างๆ รู้สึกอ้างว้างใจ
เฉลยเปิดประตูเข้ามา “ทนายมาแล้วค่ะ คุณสวยคะ”
สุดสวยหันหน้ามาช้าๆ มองเฉลยอยู่สักครู่ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
เฉลยหยิบผ้าพันคอมาถือไว้ “ห้องโน้นเย็น...ไปหรือยังคะ”
สุดสวยกรี๊ดออกมาสุดเสียง หายใจหอบแรง ร้องไห้น้ำตาหลั่งพรั่งพรายเรียกหาพ่อ
“คุณพ่อ...คุณพ่อขา คุณพ่อไปไหน”
เฉลยมองรู้สึกสงสารเอามาก “โธ่เอ๋ย...คุณสุดสวย น่าสงสารจริง
ดอกโศกเปิดประตูเข้ามาเร็วรี่ “น้าสวยขา”
สุดสวยไม่ฟังเสียงใคร ร้องไห้อยู่อย่างนั้น
ดอกโศกเข้าไปกอด...กอด...ปลอบโยน “น้าสวย...นิ่งนะคะ น้าสวยคนดี แล้วหนูจะพาไปหาคุณตานะคะ”
สุดสวยหยุดกึก หันมามองดอกโศก แล้วอ้าแขนเข้าหาอ้อมกอด ดอกโศกยังสะอึกสะอึ้น สุดสวยลูบหลังต่างปลอบโยนกันไปมา

สมใจใส่เสื้อลายสีสด แต่งตัวเต็มยศ สวมทองเส้นใหญ่ที่คอหรา เดินออกมา
“รีบไปกันเร็วๆ สิวะ ป่านนี้รู้ดีรู้ชั่วกันไปแล้ว” สมหวังบอกไม่ทันมอง
“รีบแล้ว...นังปอง เสร็จรึยัง”
“ฉันไม่เห็นเป็นเรื่องเลยแม่ จะไปทำไมเนี่ย ไม่ใช่เรื่องของเราซะหน่อย”
“เออ....เหมือนๆ ข้าก็คิดยังงั้น แต่ไปซะหน่อยจะได้รู้ว่าโศกมันจะได้อะไรมั่ง” สมใจว่า
“โศกมันบอกแม่แล้วไง” สมปองถามขณะจะเดินออกไป
สมหวังสวนขึ้น “ใช่แล้วเว๊ย เอาไปเลี้ยงตั้งหลายปีตายไปก็ต้องมีติดปลายนวมมั่งล่ะวะ”
สมหมายงงไม่เก็ต “เป็นไงพ่อติดปลายนวม”
“ติดมือ” สมหวังบอก
“ไม่รู้เรื่องพูดว่าติดมือไม่ได้เรอะ” สมหมายว่า
“มึงอย่าชักใบให้เรือเสีย” สมหวังฉุน หันมาทางเมีย “ไปได้แล้ว” แต่แล้วต้องชะงักเห็นสร้อยทองคำบนคอสมใจ “เฮ้ยยายใจ สายสร้อยอะไรโอ้โฮ เส้นเบ้อเร่อกี่บาท” ลุกพรวดมาฉวยดู เคาะน้ำหนักบอกออกมา “อย่าใส่ไปเลยไม่ปลอดภัย เอามานี่เก็บไว้ให้”
“มันขายไม่ได้นะแกตาหวัง”
“ทำไม” สมหวังงง
“ทองเก๊” สมใจบอกหน้าตาเฉย
สมหวังหน้าเหวอไปเลย “เก๊...เก๊จริงง่ะ
“จริง” สมใจบอกเยาะอยู่ในที
“ชั้นซื้อให้แม่แกเองง่ะ สามร้อยพ่อขายขี้หมูขี้หมาคงได้ซักสามสิบให้แกไปเหอะแม่” สมปองว่า
สมหวังฉุนขาด ไล่ตะเพิด “รีบไปโว้ย”

ทันทีที่วิชัยเปิดประตูบ้านให้ รถตุ๊ก..ตุ๊ก ของสมปองก็เลี้ยวขวับเข้ามาอย่างแรง วิ่งโครมครามเข้ามาในบ้าน เบรกเอี๊ยด...แล้วจอดนิ่ง
“ถึงแล้ว แม่ เอ้าแม่เป็นอะไร”
สมใจคออ่อนคอพับ
สมปองแซวเอา “แม่...ตื่นเต้นขนาดเนี้ยเชียวเหรอ”
“นังปองถ้าเอ็งอยากตายตายคนเดียว ไม่ต้องเอาแม่มาตายด้วย” สมใจด่าเช็ด
“ขอโทษจ้ะแม่” สมปองไหว้ “ก็เห็นรีบ เข้าไปคนเดียวนะฉันไม่เข้าหรอกไม่เกี่ยว”

ภายในห้องอ่านพินัยกรรม ทนายปกรณ์ เพ็ญพักตร์ ตระกูล พจน์ สุดสวย อุ๊ โอ๋ อ้น และดอกโศก พร้อมด้วยพยานอีก 2 คน คือนายทหารชั้นผู้ใหญ่แต่งเครื่องแบบเต็มยศนายพล พลเอกพิริยะ วัฒนกวีและหม่อมเจ้าหญิงจันทรสุดา รัตนา ทุกคนนั่งตามที่ของตนแล้ว ทนายปกรณ์ถือซองเอกสารไว้ในมือ
เพ็ญพักตร์เอ่ยเร่งขึ้น “ทนายปกรณ์ ฉันว่าดำเนินการเถอะเกรงใจพยานท่าน”
“ขอโทษ เราจำเป็นต้องรอครับ” ปกรณ์ว่า
“คุณอาคะ ท่านหญิงเพคะ ขออภัยด้วยนะเพคะ”
พยานสองคนพูดเสียงสุภาพว่าไม่เป็นไร...คอยได้
เฉลยพาสุดสวยเข้ามา สุดสวยหน้าตาเศร้า ดอกโศกตามเข้ามาด้วย พจน์มารับสุดสวยไปนั่งด้วย สุดสวยเรียกดอกโศก
“มานั่งกะฉัน”
ทนายปกรณ์เริ่มเปิดพินัยกรรม
“มาพร้อมกันแล้วนะครับ ผมจะเปิดพินัยกรรมของพลเอกสุดเขต รัตนชาติพัลลภ ต่อหน้าบุคคลทั้งหมดในครอบครัวโดยมีพยานสองท่าน นายพลเอกพิริยะ วัฒนกวีและหม่อมเจ้าหญิงจันทรสุดา รัตนา” ทนายปกรณ์เปิดพินัยกรรมออกมา “พินัยกรรมมีสามฉบับ ฉบับในมือผมฉบับที่อยู่กับนายพลพิริยะและท่านหญิงจันทรสุดา เมื่อผมอ่านเสร็จแล้วท่านจะตรวจสอบกับอีกสองฉบับได้ครับว่ามีข้อความเหมือนกัน....ข้อแรก บุตร ธิดาทั้ง 4 จะได้รับ...”

อีกบริเวณหนึ่งในบ้าน สมใจกำลังสอบถามจิ๋ว
“เขาอ่านพินัยกรรมที่ไหน” สมใจถามเสียงค่อยๆ
“ทำไมเหรอยาย..ยายเข้ามาได้ไงเนี่ย....เป็นใครเหรอ”
“จะไปฟังอ่ะดิ” สมใจว่า
“โห..ทันสมัยนะยาย...ไปไม่ได้” จิ๋วว่า
“ทำไม” สมใจสงสัย
“ยายเป็นใคร”
“เป็นยายของคุณดอกโศก เป็นเมียท่านนายพลที่ตาย…..ชัดมั้ย”
จิ๋วอ้าปากค้างมาก สมใจ ดันคางจิ๋วให้หุบลงดังกั๊บ แล้วเดินสะบัดเข้าไปในตึก

ทนายปกรณ์ดำเนินการเรื่องพินัยกรรมต่อ “ชัดเจนแล้วนะครับว่า คุณเพ็ญพักตร์ คุณพฤกษ์ คุณพจน์และคุณสุดสวย บุตรและธิดาของท่านได้รับส่วนแบ่งเป็นมูลค่าเท่าๆกัน รายการสุดท้ายของมรดกให้ คือ ตึกรัตนชาติพัลลภ”
เพ็ญพักตร์ขยับตัวนิดหนึ่ง
“ท่านยกให้คุณสุดสวย...” ทนายปกรณ์อ่าน
เพ็ญพักตร์ขัดขึ้น “เอ๊ะ” เสียงเบาๆ
ทนายปกรณ์อ่านต่อ “และคุณเพ็ญพักตร์ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกัน”
เพ็ญพักตร์โล่งใจ
“ท่านระบุไว้ในพินัยกรรมว่าให้คุณเพ็ญพักตร์ดูแลคุณสุดสวยเหมือนหรือใกล้เคียงกับที่ท่านดูแล”
เพ็ญพักตร์หน้านิ่งสนิท จังหวะเดียวกันสุดสวยมองเห็นสีหน้าเพ็ญพักตร์
ทนายปกรณ์อ่านพินัยกรรมต่อ
“ต่อไปผู้ครองมรดกชั้นหลานครับ หลานคือ คุณเพ็ญตระการ คุณพัชรและคุณมนัสสุขได้ที่ดินคนละ 1 แปลง ตีราคาแล้วใกล้เคียงกัน โฉนดครบ 3 ฉบับอยู่ในซองนี้ครับระบุชื่อผู้รับอยู่หน้าซองทั้งสามคนมีสิทธิเบิกค่าเล่าเรียนสูงที่สุดเท่าที่แต่ละคนต้องการจากเงินกองกลาง รวมทั้งค่ารักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วย เบิกได้จนกว่าจะเรียนจบ นอกจากนี้ทุกคนจะได้รับเงินสดคนละห้าล้านบาท ทุกคนได้รับเครื่องประดับมีมูลค่าไล่เลี่ยกันตามที่ระบุไว้ในรายการทรัพย์สินนี่แล้ว”
ทั้งห้องเงียบกริบ
เพ็ญพักตร์ มองหน้าอุ๊ และหันไปสบตากับพจน์
“อภิรมย์ล่ะครับ...”
อ้นยังไม่ทันพูดจบ สุดสวยถามขึ้น
“ดอกโศกล่ะ...ดอกโศกได้อะไรมั่ง ปกรณ์...ดอกโศกได้อะไร”
“มีผู้ได้รับส่วนแบ่งในกองมรดกครั้งนี้อีกครับ”
ทุกคนตั้งใจฟัง
“ไม่....ถามว่าดอกโศกได้มั้ย....ตอบมา ทนาย....ได้มั้ย” สุดสวยถามย้ำ
ทนายปกรณ์อ่านต่อ “นางเฉลย พันธะ ได้เงินสดสามแสนบาท นางจวน วิลา เงินสดหนึ่งแสนบาท นางสาวจิ๋ว ต้องตา เงินสดห้าหมื่นบาท นายวิชัย กลั่นกล้า เงิดสดห้าหมื่นบาท
สุดสวยถามขึ้นเสียงแหลม “ถามว่าดอกโศก...อภิรมย์ฤดีน่ะ..ได้อะไร”
สีหน้าดอกโศกนิ่งสนิท
ปกรณ์ถอนหายใจเบาๆ แล้วเอ่ยออกมา “ไม่มีชื่อคุณอภิรมย์ฤดี รัตนชาติพัลลภในพินัยกรรมฉบับนี้เลยครับ”
เฉลยเงยหน้าหันขวับแปลกใจยิ่งนัก
เพ็ญพักตร์ อุ๊ และพจน์ มีสีหน้าพอใจ โอ๋เฉยๆ อ้นแปลกใจ
“ไม่จริง...ไม่จริง คุณพ่อทำไมไม่ให้ดอกโศก” สุดสวยเอ่ยขึ้น
“จริงครับ พินัยกรรมสิ้นสุดเพียงแค่นี้ ไม่มีชื่อคุณอภิรมย์ฤดีครับ”

“ไม่จริง” เสียงสมใจแทรกขึ้นมาอย่างดัง!

อ่านละครเรื่อง ดอกโศก ตอนที่ 10/4 วันที่ 25 เม.ย. 55
ละครเรื่อง ดอกโศก บทประพันธ์ : ศรีทอง ลดาวัลย์
ละครเรื่อง ดอกโศก บทโทรทัศน์ : ศัลยา
ละครเรื่อง ดอกโศก กำกับการแสดง : สันต์ ศรีแก้วหล่อ
ละครเรื่อง ดอกโศก ผลิต : บ. เอ็กแซ็กท์ - ซีเนริโอ
ละครเรื่อง ดอกโศก แนวละคร : ดราม่า
ละครเรื่อง ดอกโศก ออกอากาศทุกวัน จันทร์ - พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทาง ททบ. 5
ละครเรื่อง ดอกโศก ออกอากาศตอนแรก เริ่มวันจันทร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2555
ที่มา manager.co.th

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น