วันอังคารที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2555

อ่านละคร ปิ่นอนงค์ ตอนที่ 5 วันที่ 21 มิ.ย. 55


 
ในเวลาเดียวกันนั้น ลูกน้องพงษ์ขับรถตู้ที่ปานเทพเช่าไปรับปลอดที่ท่าเรือ ปลอดนั่งคู่มากับพงษ์ รถมาจอดที่หน้าบ้านเสี่ยตง พงษ์กับลูกน้องลงจากรถ เปิดประตูแล้วกระชากสมุนเสี่ยตงทั้ง 8 คน ซึ่งแต่ละคนต่างสะบักสะบอม จึงลงมาจากรถอย่างทุลักทุเล ทั้งหมดถูกมัดโยงติดกันเป็นพรวน คนถูกยิง และถูกใหญ่อัดจนมีแผล ก็ถูกพันแผลให้แบบลวกๆ
พงษ์กับลูกน้อง ยิงปืนขึ้นฟ้า แล้วขับรถออกไป สมุนเสี่ยตง นั่งๆ นอนๆ กองอยู่ที่พื้น ร้องโอดโอย
เสี่ยตงหน้าตื่นออกมากับสมุนอีก 2 คน
“เฮ้ย อะไรกันวะ ใคร … ใครทำพวกมึง”
สมุนที่เป็นหัวโจกรีบบอก “พวกลูกน้องไอ้ใหญ่ มันตามไปช่วยไอ้ใหญ่กับปิ่นมันฝากจดหมายถึงเฮียด้วยครับ”
สมุนหัวโจกล้วงจดหมาย ยื่นให้เสี่ยตงมือไม้สั่น เสี่ยตงฉีกจดหมายอ่านอย่างหงุดหงิดและโมโห
“เสี่ย ตง เสือย่อมไม่กินเนื้อเสือ คราวนี้ถือว่าเลิกแล้วต่อกัน คราวหน้าถ้าบังอาจแตะต้องคุณใหญ่อีก เตรียมนับศพกันได้ จาก ปลอด ปาดังเบซา”
เสี่ยตงเครียดครางออกมา “ปลอด ปาดังเบซา”
“พวกมันมีอาวุธครบมือ ไม่รู้เป็นพวกค้ายาแถวตะเข็บชายแดนรึเปล่า พวกเราสู้มันไม่ได้เลย” ลูกน้อง 1 ใน 8 บอก
“บัดซบ” เสี่ยตงขยำจดหมายขว้างทิ้ง
ด้านครองสุขและคณะ ต่างถอยกรูดไปติดผนังบ้านห้องรับแขก ทรรศนะ ยืนอยู่ข้างหน้า ชี้หน้าใหญ่ กับ ปานเทพ ที่เดินช้าๆ เข้าหา
“อย่าเข้ามานะ คุณใหญ่ บ้านเมืองมีขื่อมีแป จะมาใช้กำลังกัน เป็นพวกบ้านป่าเมืองเถื่อนไม่ได้”
ใหญ่เหน็บแนม “ก็ยังเป็นพระเอกคนเดิมเปี๊ยบ แต่สำหรับชั้น มันต้องกฎหมู่ ดิบๆ เถื่อนๆ ถึงจะสะใจ ใช่มั้ย ไอ้ปาน”
ปานเทพรับลูกล้วงมือเข้าไปในเสื้อ ครองสุขหน้าตาตื่น รีบออกมายืนบังๆ ทรรศนะ
“เดี๋ยวๆ ค่อยๆ พูด ค่อยๆจากันดีกว่า น้าไม่รู้จริงๆ ว่าเสี่ยตงมันจะทำอะไรห่ามๆอย่างนี้ มันคงติดใจนังปิ่นแล้วแค้นที่มาขอกับน้า แต่น้าปฏิเสธมันไป มันก็เลยจับตัวนังปิ่นไป”
ทรรศนะ หันไปมองครองสุข
ใหญ่เยาะ “แต่น้าเป็นคนเรียกปิ่นอนงค์ไปพบที่บ่อนไอ้เสี่ยตงไม่ใช่เหรอครับ”
ครองสุขร้องลั่น “ว้าย … บ้าแล้ว นี่นังปิ่นมันใส่ร้ายชั้นอย่างนี้เหรอ”
อุ่นเรือนจูงปิ่นอนงค์เข้ามาพอดี มีน้อยตามติด
ปิ่นอนงค์สบตากับทรรศนะตะลึง มองจ้องกัน
“เรื่องจริงมันเป็นยังไงกันแน่ นังปิ่นมันบอกว่า เสี่ยตงฉุดมันไปขัง จะปล้ำมัน แล้วคุณใหญ่ไปช่วยเอาไว้ จริงๆ เหรอคะ” อุ่นเรือนถาม
ใหญ่บอกกวนๆ “ปิ่นว่าไง ก็ว่างั้น”
“แล้วทำไมไม่พานังปิ่นกลับบ้านล่ะคะ” อุ่นเรือนถามต่อ
ใหญ่มองไปเห็นปิ่นอนงค์กับทรรศนะสบตากัน เลยพูดขวางๆ
“อ้าวป้าอุ่น ถามแปลก ผมเสี่ยงชีวิตเกือบตายไปช่วยปิ่น มันก็ต้องพากันไปปลอบขวัญหน่อยสิครับ”
ปิ่นอนงค์รีบอธิบาย มองทรรศนะ กลัวว่าเขาจะเข้าใจผิด
“เรากลัว กลัวคนร้ายจะตามล่า ก็เลยหนีไปหลบกันก่อนค่ะ”
ใหญ่ปล่อยมุก เพราะขวางหูขวางทรรศนะ “อะไรกันปิ่นอนงค์ ก็ไหนเธอบอกกับชั้นว่ายังไม่อยากกลับไร่ ขอให้พาไปไหนก็ได้ที่มีแต่เราสองคน”
ปิ่นอนงค์ตะลึง มองทุกคนไปมา อุ่นเรือนงงมองหน้าลูกสาว
ครองสุขทำสีหน้าผิดหวัง “แกนี่มันเหลือเกิน นังปิ่น ไม่รู้เหรอว่าทุกคนเค้าเป็นห่วงแกขนาดไหน”
ปิ่นอนงค์สับสน แค้นใจมองจ้องหน้าครองสุข ปานเทพทนไม่ไหว
“พูดจาเอาตัวรอดกันทั้งนั้น สะสางคนผิดกันเลยดีกว่า”
พลางปานขยับมือในเสื้อ มองตาขวาง ทัศนีย์ร้องกรี๊ด ปิ่นอนงค์เข้าไปขวาง
“อย่านะ นายปาน ปิ่นขอร้อง”
“เอาน่ะ ปาน ปิ่นของชั้นขอร้องทั้งที ก็เว้นให้ซักครั้งแล้วกัน”
ปานเทพยักไหล่สวมมาด ปาน ป่าหวาย “ได้” ควักยาดมมาดมแล้วยื่นให้ทัศนีย์ พลางบอก “กลิ่นนี้ชื่นใจใช้ได้”
ทัศนีย์รับมาอย่างกลัวๆ เกลียดๆ ขยะแขยง ปิ่นอนงค์กับทรรศนะสบตากัน ใหญ่เหลือบมอง
ใหญ่หมั่นไส้เดินไปตบไหล่ทรรศนะดังป้าบ
“เป็นไง ทรรศนะไปเรียนถึงเมืองนอกเมืองนา คงพูดภาษาปะกิดคล่องน่าดู มา มาฟุตฟิตฟอไฟกันหน่อย”
ใหญ่โอบคอทรรนะให้เดินไป แต่ทรรศนะขืนตัว มองครองสุข ครองสุขจะตาม ด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณน้า” ทรรศนะกลัวแต่ทำเป็นใจดีสู้เสือ “ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ผมก็อยากคุยกับคุณใหญ่ให้รู้เรื่องเหมือนกัน”
ใหญ่โอบทรรศนะออกไป ปานเทพแกล้งบิดขี้เกียจ แล้วเดินไปชั้นบน
“ขอไปล้างกลิ่นคาวเลือดหน่อยนะ เหนียวตัวมาก”
ทัศนีย์สยอง “คุณน้า เอาไงดี”
ครองสุขแค้นใจ จ้องปิ่นอนงค์เขม็ง ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ “แกไปตามธีระมาหาชั้น นังปิ่น ตามชั้นมา”
ทั้งหมดเข้ามาในห้องหนังสือ ครองสุขกระชากปิ่นอนงค์เหวี่ยงไป
“แกโทษชั้น แกหาว่าชั้นล่อลวงแกไปให้ไอ้เสี่ยตงใช่มั้ย นังปิ่น พูดมาเลย พูดให้แม่แกได้ยินกับหู”
ปิ่น อนงค์เก็บข่มความเจ็บใจ แค้นใจ “ปิ่นไม่เคยคิดกล่าวหาคุณนายอย่างนั้นเลยนะคะ พวกเสี่ยตงมันจับปิ่นแล้วคุณใหญ่ก็เข้าไปช่วยปิ่น จนเราสองคนเกือบถูกพวกเสี่ยตงจับไปฆ่า”
ครองสุขกับอุ่นเรือนงุนงงสงสัยสิ่งที่ปิ่นอนงค์พยายามเล่า
“ชั้นไม่เชื่อ ลำพังแค่ไอ้ใหญ่จะสู้พวกเสี่ยตงได้ยังไง”
“นายปานไปตามพวกอาปลอดมาช่วยเราค่ะ” ปิ่นอนงค์บอกต่อ
“ปลอด ไอ้ปลอดพ่อไอ้ปานน่ะเหรอ” ครองสุขไม่อยากเชื่อ
“ค่ะ อาปลอดไปตั้งแก๊งโจรอยู่ทางใต้ พอช่วยคุณใหญ่กับปิ่นได้ อาปลอดก็พาเราไปที่บ้าน เมียอาปลอดก็เป็นคนดีมาก คุณใหญ่ก็ไม่ได้ข่มเหงรังแกอะไรปิ่นเลยค่ะ”
ครองสุขถามคาดคั้น “แล้วไอ้ใหญ่อยู่ดีๆจะไปช่วยแกได้ยังไง ถ้าไม่ได้นัดแนะกันหรือว่าไปด้วยกันตั้งแต่แรก”
อุ่นเรือนมองหน้าปิ่นอนงค์รอฟัง
“คุณ ใหญ่ขึ้นรถไปกับปิ่นตอนออกจากไร่จริงๆค่ะ แต่ก็ลงไปก่อน จนกระทั่งปิ่นเอาของไปให้คุณนาย แล้ว…” ปิ่นอนงค์มองครองสุข และจะพูดว่าครองสุขส่งตัวเองให้เสี่ย ครองสุขรีบสวนขัดออกมา
“แกเอาของไป ให้ชั้น แล้วบอกจะไปธุระต่อ ทำไมไม่กลับบ้าน แกนัดให้ไอ้ใหญ่มาหาแกใช่มั้ย บอกถูกจับอย่างโน้นอย่างนี้ สุดท้ายก็ไประเริงอยู่กับไอ้ใหญ่”
ปิ่นอนงค์อึ้ง “ปิ่นไม่ทราบจริงๆ ว่าทำไมคุณใหญ่พูดอย่างนั้น”
อุ่นเรือนคาดคั้น “แกไม่ได้โกหกใช่มั้ย ปิ่น”
“ปิ่นพูดความจริงทุกอย่าง ทุกอย่างที่ปิ่นจะพูดได้” ปิ่นอนงค์มองหน้าครองสุข
ธีระเคาะประตูแล้วเข้ามากับทัศนีย์ หน้าเครียดมาก มองปิ่นอนงค์กับอุ่นเรือน
“นั่งอุ่น นังปิ่น แกออกไปก่อน ชั้นยังต้องชำระสะสางกับแกอีกยาว”
สองคนออกไปแล้ว ครองสุขหันมาทางธีระ
“ว่าไงธีระ”
“ไอ้ใหญ่มันร้ายกว่าที่คิด เสี่ยตงขอสงบศึกกับเรา แถมยกหนี้ที่เหลือให้ด้วย มันบอกไม่คุ้ม”
ครองสุขตกตะลึง “แสดงว่าที่นังปิ่นพูดเรื่องแก๊งโจรไอ้ปลอดไปช่วยมันก็เรื่องจริงซิ”
ทัศนีย์สยองมากขึ้น “แก๊งโจร มีแก๊งโจรด้วยเหรอ โอ๊ย แล้วคุณน้าใจเย็นอยู่ได้ยังไง หนูไม่เอาด้วยแล้วนะ”
ครองสุขตวาด “เงียบ”
“ผมนึกแล้วว่ามันคงไม่ได้มีกันแค่สองคน ไม่งั้นมันไม่กล้าเข้ามาป่วนเราที่นี่หรอก อย่างงี้เราเสียเปรียบมันนะพี่” ธีระกังวล
“อย่าโง่ไปหน่อยเลยธีระ ถ้าไอ้ใหญ่มันต้องการฆ่าพวก เรา มันทำไปแล้ว มันไม่รอจนป่านนี้หรอก”ครองสุขนิ่งคิดหน้าเครียด
“หรือมันจะรอพี่นะกลับมาค่อยฆ่าล้างโคตรพวกเรา ไอ้ใหญ่มันเกลียดพี่นะจะตาย” ทัศนีย์โพล่งขึ้น
อุ่นเรือนจูงลูกสาวเดินมาที่เรือน ปิ่นอนงค์เอ่ยขึ้น
“แม่ ขอปิ่นไปหาคุณนะ ก่อนได้มั้ย ไม่รู้คุณใหญ่ทำอะไรคุณนะบ้าง”
“พอเถอะนังปิ่น เท่านี้แกยังหาเรื่องไม่พออีกเหรอ ลืมไปหรือเปล่าว่าตัวเองเป็นใคร”
ปิ่น อนงค์อึ้งไป “ ปิ่นขอโทษ ที่ทำให้แม่เป็นห่วง แต่ปิ่นไม่ได้โกหก ปิ่นกับคุณใหญ่ไม่มีอะไรกันจริงๆ แม่ก็รู้ว่าปิ่นไม่เคยรักใครนอกจาก….”
อุ่นเรือนตัดบท “พอแล้ว จะเป็นใครเค้าก็อยู่คนละชั้นกับแกทั้งนั้น เลิกใฝ่สูงลมๆ แล้งๆ ซะที ไม่งั้นคนที่เจ็บก็คือแก รู้มั้ยปิ่น”
อุ่นเรือนอยากจะบอกเรื่องอรสอางค์แฟนทรรศนะ แต่ก็กลัวลูกสาวเสียใจ เลยเดินผละไป
ปิ่นอนงค์เข้ามาในห้อง เปิดลิ้นชักโต๊ะ ค้นๆ แล้วหยิบการ์ดออกมาเปิดดูอาการปลื้มๆ
เป็นการ์ดที่ปิ่นอนงค์ทำเอง โดยเอาดอกปีบมาใส่ทับไว้จนแห้งติดกาวเป็นรูปต่างๆ
“ปิ่นไม่สนใจหรอกแม่ ว่าคุณนะจะรักตอบปิ่นมั้ย ปิ่นขอแค่ให้ได้รักก็พอแล้ว”
ปิ่นอนงค์บอกกับตัวเอง

สองคนต่างยืนมองคุมเชิงกันและกัน ทรรศนะมองรอบๆ ไม่มีใคร พยายามข่มความกลัว
“จำได้มั้ยว่า ชั้นเคยขี่ม้าแข่งกับนายตรงนี้ นายแพ้ ตกม้า แต่พ่อกลับทำโทษชั้น ยึดม้าชั้นไปให้นาย” ใหญ่ว่า
“ที่คุณลุงยึดม้าคุณใหญ่เพราะคุณใหญ่ไม่ยอมรับว่าคุณใหญ่แกล้งให้ผมตกม้าต่างหาก”
“เออ จริงด้วย ความจำนายดีนี่ สมเป็นเด็กเรียนจริงๆ มิน่าพ่อชั้นชื่นชมนายนักหนา ถึงกับอยากได้นายไปเป็นลูกแทนชั้น”
“คุณไพศาลท่านรักคุณมาก คุณไม่รู้หรอกว่าตอนที่คุณหนีไปท่านเสียใจมากแค่ไหน พวกเราต้องช่วยกันปลอบใจท่านจนวินาทีสุดท้าย”
ใหญ่ฟังแล้วกำมือแน่น “ชั้นต้องขอบคุณนายซินะ”
“คุณ ไม่ต้องขอบคุณผมหรอก มันเป็นหน้าที่ที่ผมต้องทำให้ผู้มีพระคุณอยู่แล้ว ถ้าคุณอยากให้วิญญาณพ่อคุณสบายใจก็แค่กลับเนื้อกลับตัวทำสิ่งที่ถูกต้องเท่า นั้น”
ทรรศนะบอก
ปิ่นอนงค์ขี่จักรยานตามหาใหญ่กับทรรศนะทั่วไร่ไพศาล
จนเมื่อปิ่นขี่จักรยานเข้ามามุมที่ทรรศนะคุยกับใหญ่เมื่อสักครู่ ก็เจอผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือด วางอยู่บนพื้นหญ้า
ปิ่นอนงค์หยิบมาดู “คุณนะ” ตกใจมาก เรียกหา “คุณนะๆ อยู่ที่ไหนคะ”
ทรรศนะเดินเข้ามาเอาหลังมืออุดจมูก
“คุณนะ คุณใหญ่ทำร้ายคุณนะใช่มั้ยคะ คุณนะเจ็บตรงไหนบ้าง”
ทรรศนะเอามือออกเห็นจมูกมีเลือดไหล ปิ่นอนงค์ตกใจ “เลือด”
ปิ่น อนงค์ควักผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าถักเล็กๆ ที่สะพายมาด้วย ออกมาซับ “ไปโรงพยาบาลกันเถอะค่ะ” “ไม่เป็นไรปิ่น แดดร้อน เลือดกำเดามันก็เลยไหล จำไม่ได้เหรอ ตอนเด็กๆ พี่ก็เป็นบ่อยๆ”

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น