วันพฤหัสบดีที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

อ่านละครแสบสลับขั้ว ตอนที่ 6 วันที่ 13 ก.ค. 55

เกริกก้องสะดุ้งเฮือกกับสิ่งที่รัญญาโทร.มาบอก
      
       “น้องรัน! นี่น้องรันกำลังทำลายความสงบสุขของพ่อเลยนะลูก”
       “นี่คุณพ่อจะบอกว่า คุณพ่อกลัวเมียใหม่มากกว่าที่กลัวคุณแม่หรือค่ะ” รัญญาถามเสียงหงุดหงิด
       “เปล่าลูก...” น้ำเสียงเกริกก้องอ่อนโยนลง
       “งั้นคุณพ่อก็ไม่เห็นจะต้องตกอกตกใจอะไร! แค่นี้ละค่ะ”
       เกริกก้องวางโทรศัพท์ลงแบบเซ็งๆ
      
       อลิสายืนก้มหน้ามือประสานกันแน่น นัยน์ตาหวาดกลัวเหลือบมองตามเท้าจันทร์ทิพย์ซึ่งก้าวไปรอบๆ
       ตัวอลิสาช้าๆ หยุดพินิจพิจารณาเป็นบางจังหวะแล้วในที่สุดมาหยุดตรงหน้าอลิสา
       “มีอะไรกับ...”
       “ไม่มีค่ะ” อลิสารีบตอบโดยที่จั้นทร์ทิพย์ยังถามไม่จบ จันทร์ทิพย์ท้าวสะเอว
       “รู้หรือว่าฉันจะถามว่าไง” อลิสาอึ้งไป “ฉันถามเธอต้องตอบ”
       “พอจะทราบค่ะ...คุณจันทร์ทิพย์จะถามว่า อลิสามีอะไรกับ...เอ้อ ท่านประธานหรือเปล่าอลิสาก็เลยตอบว่าไม่มี...”
       “ถ้าเธอโกหกละก็ฉันจะส่งไปให้เลขาของปลาใหญ่ตบ”
       จันทร์ทิพย์พูดจบก็สะบัดหน้าเข้าห้องเกริกก้องไป อลิสาลอยหน้าลอยตาพูดตามหลัง
       “ฉันก็จะฟ้องคุณก้องเหมือนกัน”
      
       ภายในห้องทำงานเกริกก้อง เกริกก้องเงยหน้าขึ้นมองจันทร์ทิพย์แล้วทำยิ้มเหมือนไม่รู้เรื่องราวอะไร
       “อ้าว! จันทร์”
       จันทร์ทิพย์ปรับสีหน้าเป็นยิ้มแย้มอ่อนหวาน
       “คุณก้องขา” จันทร์ทิพย์โอบกอดก้อง เกริกก้องมีสีหน้าระแวดระวังขึ้นมาแวบหนึ่งเมื่อมองเห็นท่าทีอ่อนหวานผิด ปกติของจันทร์ทิพย์ “จันทร์อยากจะขอความกรุณาเล็กๆ จากคุณก้องสักอย่างได้มั้ยค่ะ”
       “ต้องบอกมาก่อนว่าอะไร”
       “คุณก้องต้องรับปากจันทร์ก่อน”
       “ก็ถ้าเผื่อ คุณบอกว่าอยากจะได้ดาวกับเดือนล่ะ ผมจะมีปัญญาที่ไหนเอามาให้”
       “แหม..ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ จันทร์แค่อยากได้อลิสามาเป็นเลขาของจันทร์ ส่วนคุณก็เอาเลขาของจันทร์ไป! แลกกัน”
       “ยัยอรทัยนั่นนะเรอะ ผมไม่เอาหรอก! แก่งั่ก” เกริกก้องบอกอย่างลืมตัว จันทร์ทิพย์มองเกริกก้องเพ่งพิศ เกริกก้องจึงรู้สึกตัว “เอ้อ...ผมหมายถึง...อลิสาน่ะทำงานคล่องแคล่ว...ถ้าให้อรทัยมาก็ต้องปรับตัว กันใหม่ เสียเวลา...อีกอย่างบางครั้งผมต้องให้เลขาติดต่อกับลูกค้าบ้าง อลิสาเข้าทั้งคล่องแคล่วและหน้าตาดี ซึ่งมีส่วนทำให้การติดต่อราบรื่น เป็นประโยชน์กับบริษัท”
       “แต่อรทัยเขาก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร แล้วคนอายุ 40 กว่าก็ไม่ได้แก่งั่ก”
       “แต่มันก็สู้คนอายุ 20 กว่าไม่ได้”
       จันทร์ทิพย์จ้องเกริกก้องเขม็ง
       “อะไรค่ะที่คุณก้องว่าสู้ไม่ได้”
       “ความคล่องตัว...ความสดชื่น...ความ...สวย” จันทร์ทิพย์นิ่วหน้าทันที จะพูดแต่เกริกก้องรีบพูดก่อน “ผมหมายถึงเลขานอกจากจะคล่อง...เก่ง...แล้วก็ควรจะสวยหรือดูดีอีกด้วย”
       “หมายความว่าคุณหวง แม่อลิสา”
       “โธ่เอ๊ย ผมจะไปหวงทำไมในเมื่อเขาไม่ได้เป็นอะไรกับผม เออ...ถ้าเป็นคุณก็ไปอย่าง” จันทร์ทิพย์มีสีหน้าแช่มชื่นขึ้น แต่ยังทำใจแข็ง “กลางวันนี้ออกไปทานข้าวแล้วซื้อเครื่องเพชรกัน”
       จันทร์ทิพย์หายโกรธทันที
       “จริงหรือค่ะ”
       “หายงอนแล้วหรือ”
       “แล้วคุณต้องอย่ายุ่งกับอลิสานะค่ะ”
       “มีจันทร์อยู่แล้วทั้งคน เรื่องอะไรจะไปยุ่งกับคนอื่น”
       จันทร์ทิพย์หอมแก้มเกนิกก้องด้วยสีหน้าท่าทางสดชื่นราวเป็นคนละคน ขณะที่เกริกก้องโล่งใจ
      
       ที่ห้องทำงานครรชิต เซียนยืนอยู่ที่หน้าต่างทำตายิบๆ ใช้ความคิดครู่หนึ่งแล้วหันกลับมา
       “ปล่อยไว้อย่างนี้ไม่ได้แล้ว”
       เสียงเคาะประตูรัวเร็ว แล้วน้ำเพชรก็ถือหนังสือพิมพ์กรอบบ่ายเดินเข้ามาด้วยหน้าตารีบร้อน
       “คุณครรชิต...คุณปลาใหญ่ เห็นหนังสือพิมพ์กรอบบ่ายหรือยังคะ”
       “มีอะไรหรือหนูน้ำ”
       “นี่ค่ะ”
       น้ำเพชรส่งหนังสือพิมพ์ให้ ครรชิตกับเซียนหยิบมาดู ที่หนังสือพิมพ์มีภาพปลาใหญ่กำลังให้สัมภาษณ์ด้วยสีหน้ายิ้มกริ่มแบบกรึ่มๆ เหล้า มีคำบรรยายใต้ภาพ “นักธุรกิจดาวรุ่งเมาอาละวาด” ครรชิตถอนใจเฮือก
       “นึกแล้ว”
       เซียนหันขวับมามอง
       “หมายความว่ายังไง “นึกแล้ว”
       “ก็เมื่อคืนตอนไปประกันตัว ไอ้เจ้าเซียนเขากำลังให้สัมภาษณ์นักข่าวอยู่”
       “แล้วทำไมคุณครรชิตไม่บอกผม” เซียนขยำหนังสือพิมพ์ขว้างทิ้ง “ตบหน้ามั้ย นักธุรกิจดาวรุ่งเมาอาละวาด”
       “นี่ถ้าคุณลุงไม่พาไอ้ตัวแสบนั่นไปไว้ที่โรงพยาบาล น้ำเป็นได้ตบต่อยหน้ามันเยินหมดแล้วละค่ะ” น้ำเพชรบอก เซียนทำตายิบๆ
       “หน้ามันก็คือหน้าผมนะคุณน้ำ”
       “งั้นจะให้น้ำตบ ตรงไหนล่ะคะ”
       “นึกออกแล้ว” ครรชิตบอก
       “ตบตรงไหนคะ” น้ำเพชรกระตือรือร้นถาม
       “อย่าทำร้ายร่างกายผม” เซียนรีบบอก
       “คืนนี้เราจะทำพิธีกันในโรงพยาบาลเลย เพราะยังไงนายเซียนก็นอนพักรักษาบาดแผลอยู่ที่นั่น ไม่มีทางหนีไปไหนอยู่แล้ว”
       “แล้ว ...โรงพยาบาลเขาจะไม่ว่าเราหรือคะ”
       “โรงพยาบาลว่าไม่ได้ เพราะเป็นแค่กรวดหินดินทรายไม่มีชีวิต”
       “ขอโทษค่ะ แล้วบุคคลากรในโรงพยาบาลเขาจะไม่ว่าเอาหรือคะ”
       “ก็เราจะให้เขารู้ทำไมล่ะ”
       เซียนส่ายหน้า
       “ผมไม่ค่อยเชื่อไสยศาสตร์ วิธีที่ได้ผลที่สุดคือ จัดฉากย้อนไปเหตุการณ์เดิมพอวิญญาณออกจากร่าง ...คราวนี้ผมจะไม่ยอมให้นายเซียนมันแซงเข้าร่างผมอีก”
       “แล้วถ้าเผื่อว่า เข้าร่างไม่ได้ทั้ง 2 คนล่ะคะ พูดง่ายๆ ก็คือ เกิดตายขึ้นมาจริงๆ นั่นแหละค่ะ”
       “ทำไงได้ ตายเป็นตายซึ่งยังจะดีกว่าปล่อยให้นายเซียนเอาร่างกายผมไปใช้มั่วๆ นี่ถ้าเกิดเขาทำให้ผมติดเอดส์ ผมคงทนไม่ได้”
       “งั้นช้าไม่ได้แล้ว จะทำยังไงก็รีบทำเถอะค่ะ”
       “เราจะลองให้หมดทุกศาสตร์โดยเริ่มจากไสยศาสตร์ก่อน”
      
       ครรชิตสรุป
 ที่ร้านยายปิ่นกับสายไหม ต่างคนต่างขายของของตนไปเรื่อยๆ เพราะผู้คนเริ่มซาลงแล้ว สายพิณกำลังนั่งกินข้าวขณะเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สายพิณรีบรับทันที
      
       “ว่าไง! พี่ชายสี่” ยายปิ่นหูผึ่ง สายพิณนิ่งฟังครู่หนึ่ง พลางเออๆ ออๆ รับคำ นัยน์ตาเป็นประกายกระตือรือร้น
       “ได้เลย!พิณจะไปบอกแกให้ว่าแต่ทั้ง 2 คนนั้นเขายินยอมพร้อมใจแน่นะ ไม่งั้นจะเสียเวลาเปล่า...ได้...ได้”
       สายพิณปิดโทรศัพท์
       “ชายสี่มันโทร.มาว่ายังไง”
       ยายปิ่นถาม สายพิณไม่ตอบแต่รีบเดินไปกระซิบกับสายไหม สายไหมเบิกตากว้าง
       “เออ! ดี !ดี ! ข้าจะได้โล่งอกโล่งใจเสียที”
       “พิณก็เหมือนกัน”
       “ไอ้พิณ! นี่เอ็งเห็นคนอื่นดีกว่ายายเรอะ หน็อยแน่ ยายถามไม่บอก ดันไปกระซิบกระซาบกับศัตรู”
       “ก็เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับยายนี่จ๊ะ แต่เกี่ยวกับป้าไหม”
       “ได้ยินแล้วใช้มั้ย เพราะฉะนั้นอย่าสอด”
       “นังไหม แกด่าข้า ไอ้พิณ เอ็งเลือกเอาระหว่างยายกับนังไหม”
       “พิณเลือกไม่ถูกหรอกยาย ไปก่อนละ”
       สายพิณวิ่งไป ขณะยายปิ่นตะโกนเรียกจนเสียงแหบ
      
       สายพิณมาหาหมอแม่นที่บ้าน
       “เมื่อยจัง” หมอแม่นนั่งเหยียดขา “ไหน.. เมื่อกี้เอ็งว่าอะไรนะ ไอ้พิณ”
       “คืนนี้เขาให้พิณมาพาป้าหมอกับลุงหังไปทำพิธีในโรง’บาล”
       หมอแม่นส่ายหน้า
       “ไม่ได้”
       “อ้าว”
       “แถวนั้นดวงวิญญาณที่ยังล่องลอยหาที่ลงไม่ได้ จะถือโอกาสเข้าสิงร่างแทน ทีนี้ละวุ่นวายส่ายสะโพกกันไปหมด”
       “งั้นจะไปที่ไหนดีละ”
       “ไม่บ้านเจ้าเซียนก็บ้านอีกคนนั่นแหละ”
       “อีตาปลาใหญ่น่ะหรือจ๊ะ”
       “ใช่”
       สายพิณหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาครรชิต
      
       เซียนทำตายิบๆ หันมาทางครรชิต
       “บ้านเราก็น่าจะได้มั้ง คุณครรชิตจะได้ช่วยจัดการรับรองให้เต็มที่”
       “มีหวังกลุ่มคุณก้องสงสัยแน่ครับ”
       “ก็มันเป็นบ้านของผม”
       “บ้านไอ้เซียนดีกว่าครับ ถึงจะคับแคบแต่ก็ปลอดภัย เข้าทำนองคับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยาก” ชายสี่บอก
       “ไม่เกี่ยวกัน”
       “อ้อ...อ”
       “ถ้าคุณครรชิตคิดว่าที่นั่นเหมาะสมก็โอ.เค! คุณชายสี่...”
       “เอาแค่ชายสี่ดีกว่าครับ! คุณชายสี่มันเยอะไป”
       “โอเค! ชายสี่ช่วยประสานกับสายพิณหน่อย ระวังด้วยอย่าให้เรื่องกระจายไป...”
       “ได้ครับ” ชายสี่ลุกขึ้น
       “จะไปไหน”
       “ไปประสานไงครับ”
       “ยังไปตอนนี้ไม่ได้ อย่าลืมว่านายต้องขับรถให้คุณรัน”
       “จริงด้วย”
       “โทรศัพท์ไปประสานก่อน ตัวค่อยตามไปหลังเลิกงาน” เซียนบอกชายสี่พยักหน้า “คุณไปได้...ขอบใจมาก...”
       ชายสี่มองหน้าเซียนแล้วเดินออกไป “ผมควรจะกลับไปจัดการเองดีกว่า เรื่องสำคัญอย่างนี้ไม่อยากไว้ใจใคร”
       เซียนบอกครรชิตแล้วเดินออกไป ครรชิตมองตาม
      
       น้ำเพชรกำลังคุยโทรศัพท์ด้วยเสียงเบาๆ และคอยชำเลืองมองตลอดเวลาจนกระทั่งเห็นรัญญาเดินตรงมากับเลขา
       “แค่นี้ก่อนนะคะ” น้ำเพชรกระซิบกระซาบ วางโทรศัพท์แล้วลุกขึ้นยืนอย่างสุภาพขณะที่รัญญาเดินมาถึง ตามด้วยเลขา ทั้งสองเริด เชิด หยิ่ง
       “ปลาใหญ่มาหรือยัง”
       “ยังค่ะ”
       “เอ๊ะ ก็แค่ไปทำแผลที่โรงพยาบาล ทำไมป่านนี้ยังไม่กลับ”
       “อันนี้ก็ไม่ทราบค่ะ”
       “คุณรันขา เขาควรจะทราบนะคะเพราะเขาเป็นเลขาคุณปลาใหญ่ ทีอาภรณ์ยังรู้หมดเลยว่าคุณรันไปไหนมาไหนกับใคร”
       รัญญาเบือนหน้ากลับไปมองเลขา เลขาหน้าเจื่อนๆ
       “เธอเป็นเลขาเธอควรจะรู้” รัญญาหันกลับมาพูดกับน้ำเพชร
       “ดิฉันเป็นเลขา ของคุณปลาใหญ่ค่ะ”
       “เขาไม่ยอมบอกคะ คุณรัน”
       “เอ๊ะ ฉันได้ยินแล้ว”
       “ค่ะ”
       “จะไปดีๆ หรือว่าต้องให้เรื่องถึงคุณพ่อของฉันซึ่งเป็นประธานบริษัท...”
       “ซึ่งเป็นตำแหน่งใหญ่ที่สุด” เลขาพูดต่อให้
       “อ้าว! ไม่ใช่คุณปลาใหญ่หรอกเรอะ…เอ๊ย หรือคะ คุณปลาใหญ่เป็นบุตรชายคนเดียวของท่านประธานคนก่อน”
       “ถูกต้องแล้วครับ”
       ทุกคนหันขวับไปมองจึงเห็นปลาใหญ่ในสภาพหน้าตามีผ้าพันแผลปิดเป็นระยะๆ ทุกคนต่างมีอาการตกใจ เมื่อเห็นสภาพนั้น
       “ปลาใหญ่”
       “คุณปลาใหญ่”
       “คุณปลาใหญ่”
       “เชิญข้างในหน่อย ปลาใหญ่”
       รัญญาเดินเชิดนำปลาใหญ่เข้าไปในห้อง ปลาใหญ่หันมาหลิ่วตาให้น้ำเพชรพลางเดินเข้าไป น้ำเพชรและอาภรณ์ เลขาของรัญญามองตามแล้วหันมาหลิ่วตาให้น้ำเพชร แต่แล้วอาภรณ์ก็ต้องสะดุ้งรีบหลบตาลงทันทีด้วยสีหน้าแววตาเหี้ยมๆ ของน้ำเพชร
      
       “เธอไม่เคยเป็นอย่างนี้นะปลาใหญ่ ขนาดพี่ชวนไปปาร์ตี้ ยังไม่ยอมไป”
       รัญญาบอกเมื่อเข้ามาในห้อง ปลาใหญ่ทำหน้ากรุ้มกริ่มแล้วทะลึ่ง
       “ก็ลองชวนใหม่ซิครับ พี่สาวแสนสวย”
       “ทะลึ่ง” ปลาใหญ่แบมือยักไหล่ แล้วเดินมานั่ง “เธอเปลี่ยนไปเยอะนะปลาใหญ่”
       “เขาเรียกว่าพัฒนาครับ คุณพี่”
       “ฉันว่าถอยหลังมากกว่า... ฉันไล่แม่เลขาของเธอออก แต่เขาไม่ยอมออก”
       “โอ๊ย ผมก็ไม่ให้ออกหรอก”
       “แปลว่าเธอเห็นมันดีกว่าพี่”
       “ใช่ เอ๊ย ไม่ใช่ พี่ก็ส่วนพี่ แฟ...เลขาก็ส่วนเลขา” ปลาใหญ่ทำหน้าเป็นงานเป็นการขณะเอนตัวพิงพนัก “คุณน้ำเพชรช่วยผมได้มาก ผมคงขาดเธอไม่ได้”
       “อะไรนะ นี่หมายความว่าเธอชอบมัน”
       “ผมว่าจะขอเธอแต่งงานเร็วๆ นี้ด้วย”
       “ไม่ได้เด็ดขาด เธอเป็นเจ้านายมันเป็นลูกจ้าง”
       ปลาใหญ่จุ๊ปากและส่ายหน้า
       “อย่าแบ่งชั้นวรรณะ อันที่จริงถ้าเธอยอมแต่งงานกับผม ต้องถือว่าผมโชคดีที่สุดในโลกด้วยซ้ำ”
      
       รัญญาเบิกตากว้าง ขณะที่ปลาใหญ่ยิ้มกริ่ม
    รัญญารีบมาหาเกริกก้องที่ห้องทำงานเพื่อบอกเรื่องนี้
      
       “ไอ้ปลาใหญ่มันเป็นบ้าอะไรของมัน”
       “หรือไม่นังเลขาน้ำคลำมันอาจจะใช้มารยายั่วยวนปลาใหญ่ก็ได้ค่ะ เราเองก็ไม่ได้ระแวงเลย”
       เกริกก้องมีสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิดขณะพูด
       “ความจริงฐานะมันก็ไม่ได้ทุเรศจนรับไม่ได้ ปัญหาอยู่ที่ว่าเราคุมมันไม่ได้ต่างหาก”
       “นึกได้แล้ว” เกริกก้องหันมามองรัญญา “รันมีเพื่อนเพิ่งกลับมาจากเมืองนอก ริก้าไงคะ”
       “ริก้าไหน”
       “ริก้า... ดาริกาน่ะค่ะ แต่เขาชอบให้เพื่อนๆ เรียกริก้า ฐานะดีมากเพราะเพิ่งกลับมารับมรดกจากคุณป้าผู้ล่วงลับ รวยขนาดไม่ได้ทำงานอะไรก็อยู่อย่างสบายไปทั้งชาติ รันจะแนะนำให้รู้จักกับปลาใหญ่”
       “แน่ใจนะว่าไว้ใจได้”
       “อย่างน้อยก็ได้มากกว่านังน้ำเน่านั่นแน่นอนค่ะ”
      
       น้ำเพชรตกใจมากเมื่อเข้ามาหาปลาใหญ่ในห้องทำงานแล้วรู้เรื่องที่เขาจะแต่งงานกับเธอ
       “หา นายน่ะเรอะจะแต่งงานกับฉัน”
       “ทำไมล่ะ เวลานี้ผมมีทุกอย่างเท่าเทียมกับคุณแล้ว อาจจะมากเสียกว่าด้วยซ้ำ” น้ำเพชรมองปลาใหญ่อย่างไม่เชื่อหู “คุณชอบปลาใหญ่ คุณแต่งงานกับผมก็เท่ากับได้แต่งงานกับเขา เราจะอยู่กันอย่างมีความสุข”
       น้ำเพชรขบกรามแน่นควงกำปั้นไปมาแล้วตบปลาใหญ่โครม ปลาใหญ่กระเด็นลงไปฟุบกับพื้นร้องลั่น
       “ไอ้เซียน ฉันสาบานว่าจะเอาแกออกจากร่างคุณปลาใหญ่ให้ได้”
       น้ำเพชรสะบัดหน้าเดินออกไป ปลาใหญ่ค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งกอดเข่า หน้าตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความไม่เข้าใจ
       “ทำไมผู้หญิงถึงเข้าใจยากอย่างนี้”
      
       น้ำเพชรมาหาครรชิตเพื่อบอกเรื่องนี้
       “ไอ้บ้าเอ๊ย ไอ้เซียนนี่มันชั่วร้ายจริงๆ”
       “ถ้ามันชั่วได้ขนาดนี้ มันคงไม่ยอมไปเข้าพิธีง่ายๆ หรอกค่ะ เราต้องวางแผน”
       “แผนอะไร”
       “ก็แผนที่จะหลอกให้มันยอมไปน่ะซิคะ เราจะทำอย่างนี้ค่ะ”
       น้ำเพชรอธิบายให้ครรชิตฟัง ครรชิตพยักหน้าช้าๆ อย่างตั้งใจฟังเต็มที่
      
       สายพิณกำลังช่วยยายปิ่นขายของขณะที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สายพิณรีบลุกเดินไปรับห่างออกไปโดยยายปิ่นมองตามค้อนๆ
       “ยังกับนักธุรกิจก็ไม่ปาน”
       ยายปิ่นค่อนขอด สายพิณคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้ากระตือรือร้น
       “ได้ค่ะ ได้... เดี๋ยวจัดให้” สายพิณเก็บโทรศัพท์ด้วยสีหน้าแจ่มใสแล้วเดินมาที่ร้าน “ยายจ๋า เดี๋ยวพิณมานะ”
       “ถามจริงๆ เถอะว่ะ เอ็งมีธุรกิจอะไรนักหนาเฮอะ สายพิณ”
       “แหม เรียกซะเต็มยศเลย ธุรกิจช่วยเพื่อนมนุษย์จ้ะ ไปละ”
       “เดี๋ยว ... ไอ้พิณ ...ไอ้พิณ แน่ะ ฟังซะเมื่อไหร่”
       สายพิณวิ่งหายลับไป สายไหมคอยลอบมองความเป็นไปตลอดเวลา
      
       ที่วินมอเตอร์ไซค์ขณะนั้น เซียน มอม ป๋องกำลังปรึกษากันอยู่ขณะที่สายพิณเดินแกมวิ่งเข้ามา
       “ทุกคน” ทุกคนหันมามอง “เมื่อกี้คุณครรชิตโทรมาเปลี่ยนแผนใหม่”
       “เปลี่ยนแผน” มอมกับป๋องย้อนถามพร้อมกัน เซียนทำตายิบๆ
       “ผมไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงต้องพูดพร้อมๆ กัน”
       “ไม่พร้อมก็ได้ เปลี่ยนแผน”
       “เปลี่ยนแผน”
       เซียนถอนใจเฮือก
       “ไร้สาระ” เซียนหันมาทางสายพิณ “คุณครรชิตให้เปลี่ยนแผนยังไง”
       “คุณปลาใหญ่ ฉันไม่วิธีพูดแบบเป็นเจ้าใหญ่นายโตของคุณ เคยได้ยินไหมว่าเข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตาม”
       “ถ้าหมายถึงจะให้ผมพูดหรือทำอะไรแบบนายเซียนละก็ ขอบอกว่าทำไม่ได้”
       “อ๋อ ฉันก็ไม่ได้อยากจะให้คุณทำ เพราะทำยังไงก็ไม่เหมือน”
       “ผมก็ไม่ได้คิดจะทำให้เหมือน”
       “เอ๊ะ”
       “จะเถียงกันอีกนานมั้ย น่ารำคาญสุดๆ”
       “คุยกันอยู่นั่นแหละ งานการไม่รู้จักทำ” ทุกคนหันไปมองลุงป่องซึ่งรับเงินจากผู้โดยสารแล้วเดินตรงมา
       “คุยอะไรกันนักหนาวะ”
       “มานี่เลย มานี่ มาฟังแผนการณ์อันสลับซับซ้อน”
       ป๋องกุลีกุจอลากลุงป่องมานั่งฟัง
       สายพิณ เซียน มอมมาที่บ้านหมอแม่นจากนั้นสายพิณก็โทรศัพท์หาปลาใหญ่
       “ผมไม่... ไม่รู้จักคุณ...”
       ปลาใหญ่พูดด้วยสีหน้าลำบากใจ สายพิณมีสีหน้าฉุนๆ แต่รีบปรับเป็นเสียงร้องไห้
       “พี่เซียน จนอย่างนี้แล้วยังจะปฏิเสธอีกหรือจ๊ะ พิณอยากพบพี่เซียน” หมอแม่นท้าวคางฟังสายพิณพูดอย่างทึ่งๆ ขณะที่เซียนมองแบบ “ผู้หญิงคนนี้เจ้ามารยา” “พิณมีเรื่องจะขอความช่วยเหลือ พี่เซียนมาพบพิณหน่อยได้มั้ย”
       “ผม...เอ้อ...พี่ไปไม่ได้”
       เสียงร้องโฮสะอึกสะอื้นของสายพิณดังลั่นจนปลาใหญ่สะดุ้ง สายพิณทำเสียงสะอึกสะอื้นหนักหมอแม่นพยักเพยิดกับเซียน
       “นังคนนี้มันเก่ง”
       เซียนทำตายิบๆ แล้วส่ายหน้าไม่เห็นด้วย
       “ถ้าพี่เซียนไม่ยอมมา ก็เท่ากับว่าพี่เซียนใจร้ายใจดำที่สุด พิณจะขอร้องให้พี่มาแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวแล้วต่อไปพิณจะไม่รบกวนพี่อีกเลย”
       สายพิณสะอึกสะอื้น ปลาใหญ่นิ่งคิดครู่หนึ่ง
       “ตกลง แล้วจะให้ไปพบที่ไหน” ปลาใหญ่นิ่งฟังแล้วพยักหน้า “ได้ 2 ทุ่มพบกัน พี่ไม่อยากให้ใครเห็น”
       ปลาใหญ่วางโทรศัพท์ลง สายพิณมองโทรศัพท์ฉุนๆ
       “ไอ้เซียนบ้า เกลียดนักไอ้คนลืมตัวแบบนี้” สายพิณหันมาเจอเซียนซึ่งขยิบตามองอยู่พอดี สายพิณจึงตวาดถาม “มองอะไร” เซียนสะดุ้ง ยิ่งขยิบตาใหญ่ “ยังจะมาทำตายิบๆ อีก รำคาญ”
       สายพิณเดินออกไป เซียนรีบตาม
      
       “อ้าว ไปกันหมดแล้วเรอะ”
ขอขอบคุณจาก manager.co.th

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น