วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อ่านละครรักเกิดในตลาดสด ตอนที่ 10 วันที่17 ส.ค. 55

กิมลั้งพาต๋องไปไหว้พระที่วัดเล่งเน่ยยี่ บอกต๋องว่าตนมาที่วัดนี้ตั้งแต่ยังอยู่ในท้องแม่ หลังจากนั้นก็มา ทุกๆวันเกิด ต๋องขอโทษที่ไม่รู้เลยว่าวันนี้เป็นวันเกิดแฟน

“ไม่เป็นไรหรอกต๋อง ฉันชินกับการเห็นว่ามันเป็นวันธรรมดาวันหนึ่งมานานแล้วล่ะ ปกติที่บ้านฉันก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับอะไรแบบนี้อยู่แล้ว แต่ถึงยังไง ทุกวันเกิด ฉันจะมาไหว้พระแล้วก็ทำบุญที่นี่ให้เป็นมงคลชีวิตนะ”

“ฉันดีใจนะที่ได้มาที่นี่กับเธอวันนี้”

“ฉันก็ดีใจ ไป...เข้าไปข้างในกัน” กิมลั้งพาต๋องเข้าข้างใน ต๋องเก้ๆ กังๆ เพราะไม่เคยเข้าวัดจีน กิมลั้งพาต๋องไปไหว้แล้วแนะนำว่า “นี่คือ เทพไฉ่ซิ่งเอี๊ย เป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภน่ะ”

“แล้วถ้าฉันขอท่านเรื่องความรักล่ะ” ต๋องถาม กิมลั้งมองหน้าย้อนถามว่า ที่มีอยู่นี่ยังไม่พอรึไง ต๋องรีบบอก “พอจ้ะพอ” แล้วพากันหันไปอธิษฐานกับเทพไฉ่ซิ่งเอี๊ย

ออกจากวัดแล้วกิมลั้งถามว่าเข้าวัดจีนรู้สึกแปลกๆ ไหม ต๋องตอบอย่างเชื่อมั่นศรัทธาว่า

“ไม่หรอก ฉันว่าจะวัดจีนหรือวัดไทย ก็เป็นที่พึ่งทางใจได้เหมือนกัน ความจริงศาสนาไหนถ้ามีมาเพื่อทำให้คนเชื่อมั่นในความดี ฉันว่าก็เพียงพอแล้ว”

“นั่นสิ...จะคนไทย คนจีน ถ้าเป็นคนดีมันก็น่าจะพอแล้วเหมือนกัน”

ต๋องเข้าใจทันทีว่ากิมลั้งหมายถึงอะไร บอกเธอว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกที่จะเปลี่ยนความเชื่อของแม่เธอที่มาทั้ง ชีวิต กิมลั้งเสนอว่าถ้าอย่างนั้นเรากลับไปขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยหน่อยดี ไหม

“ไม่ต้องหรอกกิมลั้ง เรื่องแบบนี้ฉันต้องทำด้วยตัวเอง ถ้าจะต้องขออะไร ฉันขอเป็นกำลังใจจากเธอดีกว่า”

กิมลั้งให้ทันที ทำท่าเป่ากระหม่อมต๋อง ร้องเพี้ยง... แล้วถามว่ากระชุ่มกระชวยขึ้นไหม ต๋องเข้าไปกระซิบข้างหู

“วันหลังอมโบตันก่อนเป่าได้ไหม?” กิมลั้งเขิน ทุบต๋องดังอั้ก แล้วพากันหัวเราะอย่างร่าเริง

ooooooo

รัศมีไปแก้เหงาให้ฤทธิ์ที่บ้านเช่า เสร็จแล้วยังต้องให้เงินอีกปึกใหญ่ พอออกมาขึ้นรถก็แผดเสียง

“อ๊ายยยย จะออกจากคุกมาทำไมตอนนี้ ศึกนังสดศรียังไม่สำเร็จ ยังจะต้องมาคอยรับกับแมงดาตัวพ่ออีกเหรอเนี่ย...”

ฝ่ายฤทธิ์ พอรัศมีออกไปแล้วก็ได้รับโทรศัพท์จากลูกน้อง มันด่า “อะไรกันวะ เรื่องขี้หมูขี้หมาแค่นี้ต้องให้ถึงมือกูเลยเหรอ...เออๆบอกเฮียว่าเดี๋ยวกู ไปจัดการให้”

เรื่องที่ฤทธิ์จะไปจัดการคือ เลื่อนกับรักเร่คิดผิดถลำเข้าไปในวงจรอุบาทว์เล่นบอลเสียแล้วไม่มีเงินจ่าย พอถูกทวงก็พากันหนีหัวซุกหัวซุน

ฤทธิ์มาด่าก็แล้ว กระทืบก็แล้ว เลื่อนกับรักเร่ก็ไม่มีเงินจ่าย มันจึงให้ไปขายยาบ้าให้ พอทั้งสองทำท่าลังเล มันถาม

“งั้นมึงเลือกเอาว่า จะขาย...หรือจะตาย”

ฤทธิ์บีบคอทั้งคู่จนตาเหลือก บอกว่านี่แค่ตัวอย่าง ถ้ายังคิดจะมีปัญหารับรองได้เจอจัดเต็มแน่ แล้วมันก็เดินผละไป ทิ้งเลื่อนกับรักเร่ยืนช็อกน้ำตาคลอด้วยความหวาดกลัวอยู่ตรงนั้น

ooooooo

เมื่อกิมลั้งกลับถึงบ้าน ก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นท่าทีของกิมฮวยเปลี่ยนไป ทั้งยังบอกว่าเมื่อเปลี่ยนใจกิมลั้งไม่ได้ก็คงต้องทำใจและพยายามทำความรู้ จักกับต๋องมากขึ้น

กิมลั้งทั้งดีใจและประหลาดใจมาก เมื่อกิมฮวยบอกอีกว่าตนอยากทำให้กิมลั้งสบายใจ ทางเดียวที่จะทำได้คือให้ต๋องมาจับเข่าคุยกัน กิมลั้งดีใจมากจับมือแม่ขอบคุณ บอกว่าจะไปบอกต๋องเดี๋ยวนี้เลย

ต๋องตื่นเต้นมาก บอกว่านี่เป็นครั้งแรกที่จะได้เข้าบ้านกิมลั้ง

“ถือเสียว่าเป็นก้าวแรกที่ดีของเราสองคนก็แล้วกัน สู้ๆนะ เธอรู้ใช่ไหมว่าฉันเอาใจช่วยเต็มที่”

ทั้งสองมองหน้าให้กำลังใจกัน แล้วพากันเข้าบ้าน

ooooooo

เมื่อต๋องเข้าบ้าน เขาไหว้เคี้ยงกับกิมฮวยที่ยืนรออยู่ เคี้ยงชวนไปนั่ง ต๋องเดินตามแล้วนั่งที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง กิมฮวยร้องขึ้นทันทีว่านั่นเป็นเก้าอี้ประจำของเคี้ยง ต๋องรีบลุกไปนั่งอีกตัว กิมฮวยบอกว่านั่นเป็นที่ประจำของตน

ต๋องเลยลงนั่งที่พื้นให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย เคี้ยงบอกให้ขึ้นมานั่งข้างบนก็ได้ ถูกกิมฮวยขัดทันทีว่า

“ช่างอีเถอะเฮียเคี้ยง อีเป็นคนไทย เลยมีมารยาทรู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ รู้จักว่าอะไรสูงอะไรต่ำ”

ต๋องเลยนั่งที่พื้น กิมลั้งมานั่งเป็นเพื่อน ครู่หนึ่งต๋องหยิบกล่องขนมที่มีฝาสีดำขึ้นมาบอกว่า

“ฉันเอาของมาฝากน้าเคี้ยงกับน้ากิมฮวยจ้ะ เป็นคุกกี้ธัญพืชมีประโยชน์ต่อร่างกายหวานน้อยไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ”

เคี้ยงขอบใจ กิมฮวยชมว่ามีน้ำใจแต่เห็นทีต้องแบกน้ำใจกลับไปด้วย พลางส่งกล่องขนมคืน บอกว่ากล่อง ขนมเป็นสีดำ สีดำคือความตาย ขืนรับไว้ก็เหมือนถูกแช่ง ต๋องรีบรับกล่องขนมไปเก็บไว้ เอ่ยอย่างรู้สึกผิดว่า

“ขอโทษจ้ะ ฉันไม่รู้ธรรมเนียมจริงๆ”

ไม่เพียงเท่านั้น กิมฮวยชวนไปกินอาหารกัน แต่วันนี้จัดโต๊ะให้เป็นพิเศษข้างนอก ปรากฏว่า อาหารบนโต๊ะก็จัดพิเศษหมดทุกจาน ทุกอย่างทำเป็นลูกกลมๆซ้ำใหญ่มากด้วย เคี้ยงมองงงๆ กิมแชบอกว่าแม่สั่งให้ตนทำพิเศษสำหรับวันนี้

พอต๋องนั่งลงก็หยิบชาจิบแก้เขิน ถูกกิมฮวยทักทันที

“นี่...เด็กเขาไม่ดื่มชาจนกว่าจะเห็นผู้ใหญ่ยกถ้วยขึ้นดื่มหรอกนะ ลื้อคงต้องเรียนรู้ธรรมเนียมจีนอีกเยอะ”

ระหว่างนั่งโต๊ะ กิมฮวยก็ส่งภาษาจีนคุยกับผัวกับลูกล้งเล้ง จงใจทำให้ต๋องกลายเป็นคนอื่น เป็นส่วนเกิน จนเคี้ยงต้องบอกว่าให้พูดภาษาไทยเถอะ ต๋องงงหมดแล้ว

ครั้นถึงเวลาเจี๊ยะ ทุกคนใช้ตะเกียบมีแต่ต๋องที่ใช้ช้อน ถูกกิมฮวยตีมือถามว่าทำไมไม่ใช้ตะเกียบ ทั้งเคี้ยงและกิมลั้งช่วยกันพูดว่าช่างเถอะ ต๋องคงไม่ถนัด สะดวกยังไงก็กินอย่างนั้นแล้วกัน
“พูดอย่างนี้ก็เท่ากับส่งเสริมให้อีมักง่ายน่ะสิ คิดจะรักจะชอบกับคนจีน ก็ต้องรักที่จะทำความรู้จักกับความเป็นคนจีนด้วย ไม่งั้นถือว่าไม่ให้เกียรติกัน”

กิมลั้งจะทักท้วง ต๋องขัดขึ้นว่า “น้ากิมฮวยพูดถูกแล้วล่ะกิมลั้ง ฉันกินตะเกียบได้ไม่ต้องห่วง” แล้วต๋องก็ใช้ตะเกียบแทงเข้าไปที่อาหารลูกกลมโต

“ไอ้หยา...” กิมฮวยร้องเสียงดัง กิมแชที่นั่งดูอยู่บอกต๋องว่าใช้ตะเกียบเสียบอาหารแบบนั้นไม่ได้มันเหมือน เป็นการยกนิ้วกลางให้ กิมลั้งดึงตะเกียบของต๋อง ออกแล้วจะคีบให้ กิมฮวยร้องลั่น “ไม่ได้นะอากิมลั้ง ถ้าลื้อต้องคอยตักอาหารให้อาต๋องอย่างนี้ ลื้อก็คงต้องตักให้อีไปตลอดชีวิต งั้นอีก็คงไม่เหมาะจะมาดูแลลื้อแทนอั๊วกับป๊าแล้ว” กิมฮวยรวบรัดตัดตอนทันที

กิมลั้งบอกแม่ว่าแค่ใช้ตะเกียบเป็นหรือไม่ ไม่ได้ช่วยตัดสินอะไรเลย กิมฮวยยกตะเกียบขึ้นมาอบรมทันที

“ไอ้ตะเกียบสองข้างนี่มันไม่ใช่ไม้ แต่มันคือวิถีชีวิตแบบเราอากิมลั้ง แล้วยังไงซะ มันก็มีแต่คนที่ใช้ตะเกียบเท่านั้นที่เข้าใจคนใช้ตะเกียบด้วยกัน...ไม่ใช่คน ที่ใช้ช้อนส้อม!” พูดแล้วลุกสะบัดจากโต๊ะไปเลย

ต๋องตามกิมฮวยออกไปยืนโต้แย้งกัน ต๋องบอกว่าตนรู้เจตนาของกิมฮวยที่เรียกมากินข้าววันนี้ กิมฮวยไม่เถียงแต่บอกว่า จากวันนี้ก็เห็นแล้วใช่ไหมว่า สิ่งที่ต๋องอยากนั้นมันเป็นไปไม่ได้ ความแตกต่างมันจะทำให้ทั้งเขาและกิมลั้งไม่มีความสุข

ต๋องพูดเป็นปรัชญาว่าไม่ว่า ที่ไหนก็มีความแตกต่างกันทั้งนั้น แล้วจะอะไรกันนักหนากับแค่การใช้ตะเกียบกับการใช้ช้อนส้อม ซึ่งมันก็คือวิธีกินให้มีชีวิตรอดอยู่ต่อไปเหมือนกัน คนที่คิดมันเมื่อสองพันปีที่แล้วคงไม่ สบายใจหรอก ถ้ารู้ว่าคนรุ่นหลังใช้มันมาเป็นยันต์เพื่อกันตัวเองออกจากเพื่อนมนุษย์ด้วย กัน

กิมฮวยถูกสอนมวย จะเถียงก็เถียงไม่ออกยืนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันจ้องหน้าต๋อง ห่างออกไป เคี้ยง กิมลั้ง และกิมแชยืนมองทั้งคู่อยู่อย่างไม่สบายใจ

เมื่อต๋องจะกลับ กิมลั้งเดินไปส่ง เธอขอโทษที่วันนี้เหมือนพาเขามาให้แม่เชือดถึงบ้าน ต๋องพูดอย่างสบายใจว่าตนดีใจเสียอีกที่อย่างน้อยวันนี้ก็ได้พูดในสิ่งที่คิด ให้แม่เธอรู้ ปลอบใจกิมลั้งว่า

“ฉันเข้าใจนะ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะแม่เธอรักเธอมากน่ะ ตอนนี้ฉันก็แค่มีหน้าที่ทำให้แม่เธอเชื่อให้ได้ว่าฉันรักเธอไม่ได้น้อยไป กว่ากัน”

กิมลั้งขอบใจที่เขาเข้าใจ พอจะไปต๋องก็นึกได้ เอาของขวัญวันเกิดที่ตั้งใจทำไว้มอบให้

“ความจริงฉันรู้ตั้งนานแล้วล่ะว่าวันนี้เป็นวันเกิดเธอ แล้วตั้งแต่วันที่ฉันรู้ ฉันก็นั่งทำของขวัญชิ้นนี้ให้เธอมาตลอด แล้ววันนี้ก็ถึงเวลาส่งมอบให้เธอเสียที”

ของขวัญที่ต๋องทำให้ คือสมุดที่เอารูปกิมลั้งทั้งหมดที่ต๋องถ่ายไว้นับแต่วันแรกที่เจอกัน ติดแปะไว้อย่างน่ารัก เล่าว่า

“นี่เป็นรูปที่ฉันใช้มือถือแอบถ่ายเธอตั้งแต่วันแรกที่เรารู้จักกัน ก็แค่อยากให้เธอรู้ว่า เธอสำคัญกับฉันตั้งแต่วันแรกที่ฉันเห็นเธอแล้ว”

“ต๋องรู้ไหม เธอเป็นพรที่ดีที่สุดที่ฉันได้รับจากเทพเจ้าในวันเกิดปีนี้เลยนะ” กิมลั้งโผเข้ากอดต๋องไว้อย่างซึ้งใจ

“ขอบคุณนะที่เห็นฉันมีค่ากับเธอขนาดนั้น...” ต๋องคลายกอด บอกให้เข้าบ้านเสียเดี๋ยวแม่เธอจะเป็นกังวล

แต่พอกิมลั้งเข้าบ้าน ขึ้นห้อง ก็ได้รับโทรศัพท์จากต๋องบอกว่าลืมอวยพรวันเกิด บอกให้ออกมาดูที่ระเบียง พอกิมลั้งเดินออกมา ต๋องจุดพลุโอ่งที่เรียงเป็นคำว่า “HAPPY BIRTHDAY” แล้วยังโทร.เข้ามาอวยพร “สุขสันต์วันเกิดจ้ะ รักเธอมากๆนะ”

ทั้งหมดนี้ต๋องทำได้โดยมีกิมแชรู้เห็นเป็นใจ เป็นหูเป็นตา และอำนวยความสะดวกเต็มที่

ooooooo

เลื่อนกับรักเร่ในสภาพหน้าตาบวมช้ำ ถามกันอย่างกังวลว่าเราต้องขายยาบ้ากันจริงๆหรือ พอดีต๋องมาหาพร้อมบะหมี่สองถุง

พอเห็นหน้าทั้งสองก็ถามว่าทำไมเป็นแบบนี้ ทั้งสองโกหกว่าขัดใจกันนิดหน่อยเลยลงไม้ลงมือกันเอง ต๋องส่งบะหมี่ให้ เลื่อนรับแล้วบอกว่าตนต้องรีบไปเพราะนัดแก๊งเตะบอลไว้ พูดแล้วรีบออกไปฝากต๋องให้ปิดประตูให้ด้วย

“รีบอะไรนักหนาวะ จะมาเล่าเรื่องตลาดให้ฟังซะหน่อย” ต๋องบ่นงงๆ

รุ่งขึ้นจะเด็ดมาทำพิธีเปิดงาน “อาหารสะอาด ตลาดของถูก บรรยากาศกู๊ดเก๋”

นอกจากมีพิธีกรรมทางศาสนาแล้ว ยังจัดเด็กไปแจกใบปลิวที่หน้าห้างเวรี่แฮปปี้ด้วย รัศมีเจ็บใจมากปลอมตัวมาสังเกตการณ์

ลูกค้าพากันมาชมตลาดที่ปรับปรุงสะอาดทันสมัยขายของดีของถูกกันแน่นขนัด คำมูลกับป้าพิณที่ขายอยู่แถวหน้าตลาด พากันชื่นมื่นยิ้มหน้าบานที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า

เต็กไฮ้คุยโขมงว่า นี่เพราะคาถาเรียกคนของ

จะเด็ดแท้ๆ ลักษณ์ขัดคอว่า งานนี้ถ้าไม่มีต๋องจะเด็ดก็อาจกลายเป็นจะดับก็ได้ ถูกเต็กไฮ้บ่นว่าหมู่นี้ลักษณ์ชักตัวเป็นแฟนคลับต๋องมากไปหน่อยแล้วนะ ท่องไว้เลยว่ามันเป็นมารหัวใจของลูกเรา

“เฮียน่ะเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ หัดแยกแยะให้ออกบ้างซิ ถ้าเห็นเด็กมันทำดีก็ต้องยอมรับ ไม่งั้นคนดีมันจะหมดกำลังใจทำดีนะ” ลักษณ์อบรมผัว เต็กไฮ้เถียงไม่ออก เลยสับหมูระบายอารมณ์อยู่ฮึดฮัด

นอกจากขายของดีของถูกแล้ว ยังมีช่วงเรียกลูกค้า โดยบรรดาพ่อค้าแม่ค้าต้องออกมายืนที่ทางเดินแล้วเต้นตามจังหวะเพลงกันอย่าง คึกคัก พอเพลงจบก็ร้องพร้อมกัน “ขอให้สนุกสนานกับการจับจ่ายในตลาดร่วมใจเกื้อนะคะ...นะครับ”

รัศมีปลอมตัวอำพรางใบหน้ามาสอดแนมในตลาด ถูกณดาจำได้ พวกพ่อค้าแม่ค้าเลยฮือกันมาห้อม ล้อมขับไล่ รัศมีขอร้องอย่าทำอะไรตนเลย ตนไม่อยากขึ้นโรงพักอีก เลยถูกพวกพ่อค้าแม่ค้าเอาน้ำสาดไล่จนรัศมีหนีออกไปแทบไม่ทัน

ooooooo
เพราะอยากผอมเพรียวสวยเหมือนกิมลั้ง กิมแชซื้อยาลดความอ้วนมากินจนเกิดอาการใจสั่นแต่ก็ยังไม่เลิกกิน วันนี้ก็เกิดอาการอีก เป็นจังหวะที่จาตุรงค์มาหาที่บ้าน คร่ำครวญกับกิมแชว่าตนทนไม่ไหวแล้วที่ได้ข่าวกิมลั้งประกาศเป็นแฟนกับต๋อง ถามกิมแชว่าจะทำอย่างไรดี

“ไม่ต้องทำยังไง ถ้าพี่อยากรักเจ้ พี่ก็รักต่อไปเท่านั้น” จาตุรงค์ถามว่าแล้วจะได้อะไรขึ้นมา “เรื่องของวันข้างหน้า กิมแชตอบแทนพี่ไม่ได้ แต่กิมแชรู้ว่าถ้าเรารักใครสักคน ต่อให้เขาไม่รักเรา เราก็จะรักเขาต่อไป แล้วรักให้มากกว่าเดิมด้วย เพื่อที่สักวันเขาจะได้รู้ว่าเรารักเขามากแค่ไหน” กิมแชพูดเหมือนระบายความรู้สึกของตัวเองออกมา

แต่จาตุรงค์ก็เข้าใจไม่ได้ บอกกิมแชว่าตอนนี้ตนไม่รู้จะทำอย่างไร เครียดจนต้องหาพิซซ่ากินซึ่งเป็นวิธีบำบัดของตน เขาซื้อพิซซ่ามาถึงหกกล่อง บอกให้กิมแชเอาไปเข้าเวฟ ชวนกินด้วยกัน แต่กิมแชกำลังลดน้ำหนักและรู้สึกพะอืดพะอม จึงไม่ยอมกิน จาตุรงค์ทวงว่า ไหนบอกว่าจะยืนเคียงข้างกันตลอดไป

กิมแชฝืนกินเข้าไปไม่กี่คำก็อ้วกออกมา จู่ๆก็เป็นลมจนจาตุรงค์ช้อนร่างไว้เกือบไม่ทัน พาไปนอนและปฐมพยาบาลจนกิมแชรู้สึกตัว จาตุรงค์เห็นยาลดความอ้วนวางอยู่ ระหว่างนั้น กิมแชเพ้อออกมาว่า “กิมแชรักพี่รงค์นะ”

เมื่อรู้สึกตัวขึ้นมา รู้ว่าตัวเองบอกรักจาตุรงค์ก็อายจนวิ่งหนีออกไปนอกบ้าน จาตุรงค์ตามออกไป คุยกันอย่างเปิดใจ จาตุรงค์เข้าใจกิมแช เขาหว่านล้อมกิมแชว่า ก่อนที่กิมแชคิดจะรักใครต้องรู้จักรักตัวเองก่อน กิมแชถามว่าหมายความว่ายังไง

“เมื่อกี้พี่เห็นขวดยาลดความอ้วน ที่กิมแชไม่สบายเพราะยานั่นใช่ไหม กิมแชนึกยังไงถึงเอาชีวิตไปเสี่ยงกับอันตรายอย่างนั้น...พี่ว่าอย่าเอา คุณค่าของตัวเราไปแขวนไว้กับความอ้วนผอมดีกว่า ทำไมไม่คิดอีกมุมหนึ่งล่ะว่า บางทีอาจจะมีผู้หญิงสวย หุ่นดีอีกหลายคนที่เขาอยากทำกับข้าวเก่ง แล้วก็ร้องเพลงเพราะเหมือนกิมแช”

“กิมแชคงเป็นผู้หญิงที่ดูโง่มากในสายตาพี่”

“ถ้ากิมแชจะโง่ก็เพราะชอบดูถูกตัวเองตลอดเวลานี่แหละ...” จาตุรงค์ดูนาฬิกา บอกว่า “งั้นพี่ไปก่อนนะ นัดกับเพื่อนไว้”

จาตุรงค์ไปแล้ว กิมแชยังอึ้งๆ คิดถึงคำพูดของจาตุรงค์ที่เปรียบเทียบความสวยความงามของผู้หญิงในมุมมองของ ตัวเองที่ว่า “ถ้าถามพี่ พี่คงชอบผู้หญิงหุ่นดีที่มีสติ แต่ถ้าว่ากันจริงๆ พี่ก็ไม่ได้ชอบผู้หญิงที่หุ่นขนาดนั้นนะ...”

กิมแชลุกขึ้นหยิบยาลดความอ้วนไปทิ้งถังขยะอย่างไม่เสียดาย...

ooooooo

กิมฮวยรู้สึกไม่สบาย บอกกิมลั้งให้ขายปลาคนเดียว ตนจะไปหาหมอหน่อย แต่ไม่วายปรามว่าอย่ามัวแต่ชำเลืองไปทางแผงผัก ตนกลับมาหวังว่าจะไม่เห็นเศษผักเน่าๆมาตกหล่นอยู่แถวนี้ ว่าแล้วเดินปึ่งออกไป

ที่โรงพยาบาลนี่เอง กิมฮวยเห็นเคี้ยงประคองหญิงสาวคนหนึ่งมาหาหมออย่างทะนุถนอมห่วงใย กิมฮวยตาลุกใจร้อนผ่าวๆ แอบดูจนเห็นเคี้ยงพาหญิงสาวคนนั้นไปรับยาเสร็จ กิมฮวยจึงโทร.เข้ามือถือของเคี้ยง

เคี้ยงเลี่ยงออกไปรับโทรศัพท์ กิมฮวยถามว่าอยู่ไหน เคี้ยงบอกว่าอยู่บ้านเต็กกอ กิมฮวยขอคุยกับเต็กกอ เคี้ยงบอกว่าเต็กกอกำลังเข้าห้องน้ำ แล้วตัดบทว่า

“กิมฮวย แค่นี้ก่อนนะ อั๊วมีสายเข้าน่ะ” เคี้ยงกดเลิกสายแล้วรีบประคองหญิงสาวคนนั้นที่ทำท่าจะอ้วกไปเข้าห้องน้ำ

กิมฮวยดูอยู่ทุกฝีก้าว ถึงกับน้ำตาคลออย่างเจ็บปวดกับเรื่องที่คาดไม่ถึง

กลับมาถึงตลาด กิมฮวยร้องไห้อย่างทนไม่ไหว ลักษณ์ถามว่าเป็นอะไร จึงเล่าให้ฟัง เล่าแล้วกำชับลักษณ์อย่าเล่าให้ใครฟัง ตนไม่อยากให้เรื่องถึงหูเคี้ยง ไม่อยากให้เคี้ยงรู้ว่าตนรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว

ลักษณ์ถามว่าทำไมไม่พูดกันให้รู้เรื่องเสียเลยล่ะ กิมฮวยบอกว่า

“อั๊วกลัว...กลัวว่าอั๊วต้องแย่แน่ๆ ถ้าเฮียบอกว่าเป็นอะไรกับผู้หญิงคนนั้น”

“แต่เจ๊...ความจริงก็คือความจริง ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายนะ”

“แต่อั๊วนี่ละที่จะตาย ลื้อเข้าใจไหมอาลักษณ์ อั๊วทนไม่ได้ถ้าเฮียเห็นคนอื่นดีกว่าอั๊ว ห่วงคนอื่นมากกว่าอั๊ว ถ้าต้องได้ยินเฮียพูดว่าไม่รักอั๊วแล้ว เอาอั๊วไปฆ่ายังดีเสียกว่า”

“เอาล่ะ...อั๊วเข้าใจเจ๊แล้ว ถ้าเจ๊ยังรักเฮียอยู่ มันก็มีอยู่ทางเลือกเดียวเท่านั้น เจ๊ต้องสู้เพื่อผัว...หมายถึงสู้เพื่อเอาเฮียคืนมาจากผู้หญิงคนนั้นให้ได้”

กิมฮวยท้อใจเพราะว่าผู้หญิงคนนั้นทั้งสาวทั้งสวยตนจะเอาอะไรไปสู้ได้ ลักษณ์แนะว่าเจ๊ก็เรียกความสวยความสาวกลับคืนมาสิ กิมฮวยติงว่ามันไม่ง่ายอย่างที่ลักษณ์พูดหรอก

“เอานะ...แล้วฉันจะจัดการเป็นธุระให้เอง เจ๊แค่ทำตามที่ฉันบอกเท่านั้น”

ลักษณ์พากิมฮวยไปที่ร้านเสริมสวยของน้อยหน่า กำชับน้อยหน่าว่า

“ยังไงวันนี้แกสองคนช่วยทำสวยให้เจ๊แกแต่หัวจดเท้าเลยนะ เท่าไหร่เท่ากันเจ๊กิมฮวยไม่ยั่น”

“ไม่ต้องห่วงจ้ะ เชื่อใจน้อยหน่าได้ ถ้าไม่สวยไม่คิดตังค์” น้อยหน่ายิ้มกริ่มแล้วลงมือนวดหน้าให้กิมฮวยเอาจริงเอาจัง ยังไงก็ต้องทำให้สวยให้ได้ เพราะบอกไว้แล้วว่าไม่สวยไม่คิดตังค์

ooooooo

เพราะตลาดมีลูกค้าเข้ามาก ต๋องตามหาเลื่อนกับรักเร่ให้มาช่วยเข็นของ ทั้งสองบอกว่าไม่ว่าง ต๋องถามว่าไม่ทำงานที่ตลาดแล้วใช่ไหม

“ไม่ใช่จ้ะพี่ มันเป็นจ๊อบพิเศษ เห็นเงินมันดี พวกฉันเลยรีบตะครุบ” ต๋องถามว่างานอะไร เลื่อนบอกว่าเป็นเมสเซนเจอร์เฉพาะกิจ บริษัทเพิ่งเปิดเลยต้องส่ง

ของนั่นนี่โน่นกันเยอะ ว่าแล้วรีบขอตัวไป

“อะไรของมัน...ลุกลี้ลุกลนชอบกล” ต๋องมองตามอย่างสงสัย

ต๋องกลับไปที่ตลาด เห็นกิมลั้งยังอยู่คนเดียว เลยแถเข้าไปคุย ถามว่าทำไมกิมฮวยไปโรงพยาบาลนานจัง เป็นอะไรมากหรือเปล่า กิมลั้งบอกว่าไม่เป็นไร เพราะแม่โทร.มาบอกแล้วว่าเจอเพื่อนเก่าเลยชวนกันไปกินข้าว

ต๋องมัวแต่คุยหยอกล้อกับกิมลั้ง จนลูกค้าที่มาซื้อปลาพากันยืนมอง อมยิ้มกับความกุ๊กกิ๊กของทั้งสอง กิมลั้งรู้ตัวรีบไล่ต๋องให้กลับแผงผัก แล้วหันมาขายปลาเขินๆ

ooooooo
น้อยหน่ากับชมพู่ทำผมแต่งหน้าให้กิมฮวยสุดฝีมือ พอลักษณ์เห็นถึงกับอุทานว่ากระชากวัยจากห้าสิบเหลือสิบห้าเลย กิมฮวยยังไม่เห็นตัวเองถามหน้าตื่นๆ ว่าตกลงว่าดีหรือไม่ดี

ลักษณ์ บอกว่าสิบห้ามันต้องดีกว่าห้าสิบอยู่แล้ว กิมฮวยจะรีบกลับไปขายปลา ลักษณ์บอกว่าภารกิจยังไม่จบ จากนั้นพากิมฮวยไปร้านขายเสื้อผ้า เลือกทั้งชุดผ่า ชุดเว้า ชุดรัดรูปให้ ล้วนแต่ดูกระชากวัยและเซ็กซี่

“ลื้อแน่ใจแล้วเหรอให้อั๊วใส่เสื้อผ้าพวกนี้ แต่ละตัว ไม่เว้าหน้าก็เว้าหลัง” กิมฮวยหิ้วถุงเสื้อผ้าออกมาอย่างไม่แน่ใจ

“โธ่...เจ๊ แค่นี้ก็ไม่สู้ซะแล้ว ถ้าเป็นผู้หญิงคนนั้นนะ ฉันว่ามันทำได้ทุกอย่างเพื่อมัดใจเฮียเคี้ยง ต่อให้ต้องสลัดผ้า ผ่านม ลงนะหน้าทอง ลองของแปลก มันก็พร้อมจะแลกทุกอย่างล่ะ แล้วดูเจ๊ซิ...แค่ต้องใส่ชุดโชว์นิดโชว์หน่อยก็ถอยซะแล้ว”

กิมฮวยเร่งให้กลับเลยตนอยากลองเต็มทีแล้ว ลักษณ์ยังไม่ให้กลับเพราะยังไม่ครบสูตร ต้องไปร้านหนังสือก่อน

จน ตลาดวายแล้วกิมฮวยก็ยังไม่กลับ ต๋องจึงช่วยขนของมาส่งกิมลั้งที่บ้าน เสร็จแล้วก็จะรีบไปตามล่าเลื่อนกับรักเร่อีก เห็นว่ามีจ๊อบพิเศษเข้ามา โทร.ไปก็ไม่รับสายหรือไม่ก็ปิดเครื่อง

ออกจากกิมลั้งแล้วต๋องไปหาเลื่อนกับรักเร่ที่บ้าน ปรากฏว่าไม่เจอ

“หกโมงเย็นแล้วยังไม่กลับอีก ไปอยู่ไหนของมันเนี่ย...เอ๊ะ...หรือว่า...” ต๋องฉุกคิดอะไรบางอย่างถึงกับหน้าเสีย

ooooooo

เมื่อ ไปบ้านไม่เจอ ต๋องไปที่ใต้สะพานอันเป็นที่ที่แก๊งเลื่อนกับเพื่อนๆ มาเตะบอลกันเป็นประจำ แต่มองไปก็ไม่เห็นทั้งสองคน ขณะกำลังจะกลับนั่นเอง บอลกลิ้งมาต๋องจึงวิ่งตามไปเก็บให้

ตรงนี้เอง ต๋องมองผ่านซอกหนึ่งไป เห็นเลื่อนกับรักเร่กำลังส่งถุงให้เพื่อนนักบอลด้วยกัน ต๋องรู้ทันทีว่านั่นคือยาบ้า

“มิน่า...มันถึงทำตัวแปลกๆ” ต๋องพึมพำแล้วสะกดรอยตามทั้งสองไปไม่ให้คลาดสายตา

เลื่อน กับรักเร่ไปพบลูกน้องฤทธิ์ที่ตึกร้าง ทั้งสองดีใจที่ขายยาบ้าใช้หนี้บอลหมดแล้ว บอกว่าจะไม่ขายอีกแล้ว เพราะตั้งแต่ขายยามาอาทิตย์หนึ่งเต็มๆ พวกตนไม่มีความสุขเลย

ทีแรก ลูกน้องฤทธิ์ก็หว่านล้อมว่า ทั้งสองมีพรสวรรค์ในทางนี้ ที่แล้วมาขายเอาเงินมาใช้หนี้ ต่อไปขายได้เท่าไหร่ก็เป็นของตัวเอง บอกให้ขายต่อไปรับรองรวยแน่

“ไม่ล่ะพี่... ชีวิตช่วงที่ผ่านมา มันทำให้ฉันรู้แล้วว่าเงินไม่ได้ช่วยอะไรเลย งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัว” เลื่อนจะเดินกลับ ถูกลูกน้องฤทธิ์เดินมาขวาง สั่งให้เอาของไปขายต่อ ทั้งเลื่อนและรักเร่ตอบพร้อมกัน “ไม่...”

“ถ้ายังดื้อแพ่ง ไม่ยอมขายยาต่อ มึงสองคนได้เข้าไปนอนในซังเตแน่” ไอ้ฤทธิ์ออกมาขู่เอง บอกว่า “พวกกูแอบถ่ายรูปตอนที่มึงขายยาบ้าให้เพื่อนๆไว้ คิดดูว่าถ้ารูปนั้นตกไปอยู่ในมือตำรวจ แล้วอนาคตพวกมึงจะเป็นยังไง”

เลื่อนกับรักเร่พุ่งเข้าหาไอ้ฤทธิ์ แต่ถูกลูกน้องมันสอยร่วงแล้วจะเข้าซ้ำ

“หยุด นะ” ต๋องปรากฏตัวออกไป ไอ้ฤทธิ์ไม่รู้จักว่าต๋องเป็นใคร พอต๋องบอกว่าเป็นคนที่จะเอามันเข้าคุกได้ ไอ้ฤทธิ์ก็หันตะคอกเลื่อนกับรักเร่ว่าเล่นตุกติกหรือ ต๋องจ้องหน้ามันอย่างเป็นต่อ บอกมันว่า “อย่าคิดว่าพวกมึงมีหลักฐานอยู่ฝ่ายเดียว ถ้ามึงงัดรูปพวกนั้นออกมาใช้เมื่อไหร่ กูก็จะส่งทั้งภาพนิ่งภาพเคลื่อนไหวของมึงเข้าประกวดบ้าง”

ต๋องเดินเข้าไปเผชิญหน้าไอ้ฤทธิ์ บอกมันว่า “เลิกตอแยเลื่อนกับรักเร่ ไม่งั้นมึงกับมันได้วิ่งแข่งกันเข้าคุกแน่” แล้วหันไปเรียกเพื่อนทั้งสอง “ไปเว้ย...”

ระหว่างหมุนตัวกลับ ต๋องแกล้งเหยียบเท้าฤทธิ์อย่างแรงจนมันร้องโอ๊ย ต๋องหันปรามว่า

“อย่าสำออยนะ นี่ไม่ได้ครึ่งกับที่มึงทำกับน้องๆ กูเลย”

ooooooo

กิมฮวยกลับบ้านในลุคใหม่พร้อมถุงเสื้อผ้าหนังสือมาเต็มสองมือ พอมาเข้าบ้าน กิมลั้งกับกิมแชเกือบจำแม่ไม่ได้มองอย่างตกใจ กิมแชถามว่า

“นี่เพื่อนม้าชวนไปกินอะไร ทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้”

กิมฮวย ถามหน้าตื่นๆ ว่าทำไม ไม่ดีหรือ กิมลั้งรีบบอกว่า “ก็ดีนะม้า แปลกตาดี แต่ก็แปลกใจว่านึกยังไงม้าถึงได้ลงทุนแปลงโฉมขนาดนี้” กิมฮวยบอกว่าเพื่อนรับสภาพของตนไม่ได้เลยพาไปขัดสีฉวีวรรณ กิมลั้งถามว่า “แล้วม้าชอบไหม”

กิมฮวยพลั้งปากไปว่าอยู่ที่ป๊าลื้อจะชอบรึเปล่า กิมแชติงว่า ถ้าแปลงร่างมาแล้วเปลี่ยนความคิดก็โอเคนะ ถูกกิมฮวยมองขวับเรียกปราม กิมแชรีบชมว่า

“เจอม้าลุคนี้เข้าไปก็เหมือนได้เมียใหม่ ใครจะไม่ชอบ” ทำให้กิมฮวยสบายใจรีบขึ้นไปอาบน้ำ กิมแช

มองตามถามกิมลั้งเบาๆ อย่างเป็นห่วงว่า “เจ้ว่าม้าเป็นอะไรมากไหม”

“ม้าอารมณ์ดีก็ดีแล้วไง” กิมลั้งตัดบท สองพี่น้องมองหน้ากันอึดใจแล้วต่างก็ยกไหล่พร้อมกัน

ooooooo

กิมฮวยอาบน้ำใส่ชุดนอนวาบหวามแล้วกางหนังสือ “เคล็ดลับมัดใจผัว” ทำท่าตามหนังสือพร้อมกับจิบไวน์ไปด้วย

ขณะ กำลังโพสท่าเด็ดบนเตียง เคี้ยงผลักประตูเข้ามาพอดี ต่างมองกันตะลึง เคี้ยงถามว่า “อากิมฮวย นี่ลื้อจริงๆเหรอ” กิมฮวยทำท่าชดช้อย บีบเสียงหวานรี่เข้าไปหา เคี้ยงถามกลัวๆกล้าๆว่า “เกิดอะไรขึ้น ลื้อทำอะไรกับตัวเองเนี่ย”
source: thairath.co.th

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น