วันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อ่านละครนางสิงห์สะบัดช่อ ตอนที่ 11

กลางหว่างเสียงไก่ขันยามเช้าตรู่ นาฬิกาปลุกในห้องย้งดึงขึ้น ย้งงัวเงียขึ้นมาดู สภาพหัวยุ่งฟู หาวคำโต ด้วยความหงุดหงิด
      
       “หกโมงเช้า ไอ้บ้าที่ไหนมาตั้งปลุกตอนนี้วะเนี่ย” ย้งซุกนาฬิกา “นอนต่อดีกว่า” นอนนิ่งไปสักพัก ก็ผงะตื่นผึง “เฮ้ย วันนี้วันปฏิบัติงานนี่หว่า”
      
       ด้านเถ้าแก่ตงผลักประตูออกมา โดยไม่ทันได้สังเกตว่ามีจดหมายแปะอยู่ด้านในของร้าน
       “ไอ๊หยา สายโด่ป่านนี้ทำไมถึงยังไม่เปิดร้านอีกวะ” พลางตะโกนเข้าไปข้างใน “อาหมวยลื้อตื่นรึยัง ทำอะไรอยู่ ทำไมถึงไม่เปิดร้าน อาหมวย” เงียบกริบ “ไปไหนของมันวะ”
       เถ้าแก่ตงบ่นไม่ทันขาดคำก็เจอจดหมายที่หมวยใหญ่แปะไว้
       “ไอ๊หยา ใครเอาซองผ้าป่ามาแปะไว้วะเนี่ย” แกะอ่าน “อาป๊า อั๊วมีเรื่องไม่สบายใจ แต่หลวงพ่อชุ่มไม่ยอมให้อั๊วบวช ดังนั้นอั๊วขอลาไปบวชชีที่หมู่บ้านอื่น” เถ้าแก่พยักหน้า “อ้อดี”
       จนนึกได้ก็ตกใจร้องลั่น
       “ไอ๊หยา อาหมวยใหญ่ อาหมวยใหญ่หนีไปเลี้ยว”
      
       ย้งแต่งตัวจะออกไปข้างนอกอย่างรีบร้อน ขณะที่เถ้าแก่ตงลนลานเข้ามาเพราะข่าวร้าย
       “อาย้ง ลื้อจะไปไหน”
       “อั๊วมีธุระอาป๊า”
       “ลื้อไปไม่ได้ ลื้อต้องช่วยอั๊วตามหาอาหมวยก่อนอาหมวยพี่สาวลื้อ อีหนีไปเลี้ยว”
       “เออ ไม่เป็นไรหรอกป๊า อีเลี้ยวเสร็จเดี๋ยวก็มา”
       เถ้าแก่ตงหยุดหงิด “ไม่ใช่เลี้ยวอย่างงั้น อั๊วหมายถึงอีหนีออกจากบ้านเลี้ยว”
       “ได้ๆ ป๊า เดี๋ยวอั๊วช่วยลื้อตามหาให้ แต่ตอนนี้ขออั๊วไปทำธุระก่อน”
       ย้งผลุนผลันไป เถ้าแก่ตงโวยวายไล่หลัง แต่ย้งไปโลดแล้ว
       “ไอ๊หยาอาย้ง ลื้อจะรีบไปปล้นควายที่ไหน พี่สาวลื้อหายไปทั้งคนทำไมลื้อไม่สน อาย้ง อาย้ง”
      
       โทรศัพท์บนโรงพักดังขึ้น จ่าไชโยซึ่งทำหน้าที่สิบเวรรีบรับสาย คนโทร.มาคือเพ็ญพร โทร.มาจากสถานีอนามัย ซึ่งใช้เป็นบ้านพัก
       “ฮัลโหล สถานีตำรวจบ้านไม้งามยินดีรับใช้ประชาชนคร๊าบ”
       “ชั้นเองจ่า วันนี้ชั้นไม่สบาย วานจ่าช่วยบอกสารวัตรให้ทีนะ”
       “ไม่สบาย? เป็นอะไรมากรึเปล่าครับหมวด ถ้าต้องการกำลังใจหรือของเยี่ยมไข้ หมวดแจ้งผมได้นะครับ ผมยินดีช่วย” ไชโยว่า
       “ขอบใจนะจ่า แค่นอนสักวันเดี๋ยวก็หาย”
       เพ็ญพรวางสายแล้วสะพายเป้ออกไปจากสถานีอนามัย โดยไม่รู้ว่าวาสนาแอบดูอยู่ก่อน
       “ไหนบอกว่าไม่สบาย แล้วจะออกไปไหนของเค้า”
       ท่านนำชัย โฉมฉวี คนขับรถ มือปืน ย้ง ครูเพิ่ม
       ตรงป้ายบอกทางไปบ้านไม้งาม เห็นรถยนต์คันหนึ่งกำลังมุ่งหน้ามา บนรถประกอบไปด้วยคนขับหนึ่งคน บอดี้การ์ดหน้าเหี้ยมหนึ่งคน ส่วนท่านนำชัยแกนนำพรรค กำลังกุ๊กกิ๊กอยู่กับ โฉมฉวี เลขาสาวสวมแว่นตานางหนึ่ง
       โฉมฉวีดีดดิ้นใส่จริต “อุ๊ย อย่าซนสิคะท่าน นี่เรามาทำงานนะคะ ไม่ได้มาเที่ยว”
       “แหมๆ มันก็เหมือนกันแหละจ้ะ ขอให้ได้มากับโฉมฉวี ที่ไหนก็คือสวรรค์สำหรับป๋า”
       โฉมฉวีค้อนพอเป็นพิธี “ท่านอ่ะ ห้ามไม่ฟังบ้างเลย โฉมล่ะเบื๊อเบื่อ”
      
       รถหรูคันนั้นแล่นผ่านบริเวณหนึ่งไป ย้งกับครูเพิ่มกำลังซุ่มอยู่ และคอยใช้กล้องส่องทางไกลจับตาดูทะเบียนรถทุกคันที่แล่นผ่าน
       “มาแล้วไอ้ย้ง ทะเบียน กง 2479 รถคันสีเขียว”
       ย้งวิทยุบอกเก่งกับเพ็ญพร “วอสอง วอสอง ไอ้เสือเรียกนางสิงห์ เป้าหมายมาถึงแล้ว ใช้รถสีเขียว ทะเบียนตรงตามข้อมูลเป๊ะ”
      
       ตรงถนนทางเข้าบ้านไม้งามยามนั้น มีรถยนต์จอดเสียอยู่ มีควันขโมง จนแทบมองทางไม่เห็น เก่งกับเพ็ญพรปลอมตัวเป็นสาวเซ็กซี่แต่งตัวฉูดฉาดล่อตากำลังยืนโบกรถอยู่ เพ็ญพรต้องปลอมตัวหนักกว่าเก่งมาก เพื่อไม่ให้ใครจำได้
       นำชัยถามอาการฉงน “ข้างหน้ามีอะไร ชาวบ้านเค้าเผาหญ้าเหรอ”
       “ดูเหมือนจะรถเสียครับท่าน” มือปืนบอก
       “จอดหน่อยซิ” นำชัยสั่ง
       โฉมฉวีท้วง “อุ๊ยไม่ได้นะคะท่าน ตามกำหนดการท่านต้อง…”
       นำชัยสวนคำออกมา “ช่างเหอะน่า ชั้นบอกให้จอดก็จอดสิ”
       มือปืนพยักหน้ากับโชเฟอร์ “จอดรถ”
       รถของท่านนำชัยจอดเทียบรถของเก่งกับเพ็ญพร นำชัยมองส่วนสัดของสองสาวไม่วางตาพร้อมกับรำพึงออมา
       “โอ้ว แม่เจ้าโว้ย” ยิ้มแย้มทักทาย “ว่าไงจ๊ะหนู มีอะไรให้พี่ช่วยรึเปล่าจ๊ะ”
       “แหม พระเอกขี่ม้าขาวมาทันเวลาพอดี” เพ็ญพรชม้อยชม้ายตามอง
       “รถของเราเสียค่ะคุณอา ถ้าไงขอติดรถไปด้วยนะคะ” เก่งบอก
       “พวกเราจะไปที่บ้านไม้งาม อยู่ใกล้ๆ แค่นี้เองค่ะ”
       โฉมฉวีไม่ถูกชะตาอย่างแรง “ต๊ายแต่งตัวอย่างกับพวกผู้หญิงอย่างว่า ใครจะยอมให้พวกหล่อนขึ้นรถยะ”
       “ชั้นยอม” นำชัยบอกทันที
       โฉมฉวีงอน “ท่านคะ”
       “เอาเหอะน่า ช่วยเหลือประชาชนเป็นหน้าที่ของนักการเมืองอย่างชั้น” พูดกับสองสาว “เชิญจ้ะหนูจ๋า ขึ้นมาได้เลย ถ้าที่ไม่พอ นั่งตักพี่ก็ได้”
       “ขอบคุณมากค่ะคุณพี่” เพ็ญพรยิ้มหวานหยดให้ ก่อนจะชักปืนออกมา “ยกมือขึ้น แล้วลงมาจากรถเดี๋ยวนี้”
       มือปืนตกใจ “เฮ้ย”
       มือปืนรีบลงมาจากรถเพื่อจัดการกับเพ็ญพร แต่ก็โดนเก่งเล่นงานจนสลบไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เธอจะชักปืนออกมาขู่โชเฟอร์
       เก่งสั่งเสียงเข้ม “ดับเครื่อง แล้วลงไปจากรถ”
       นำชัยตกใจ “นี่พวกแกเป็นใคร ต้องการอะไรกันแน่”
       เพ็ญพรยกนิ้วจุ๊ปากให้นำชัยสงบสติ “ไม่ต้องห่วงเราจะไม่ทำร้ายท่าน”
       “เราแค่ต้องการข้อมูลที่ท่านจะหารือกับเสี่ยเล้งวันนี้” เก่งบอก
       เพ็ญพรสำทับ “ทุกเรื่อง ทุกประเด็น”
       นำชัยกับเลขามองหน้ากันอย่างแปลกประหลาดใจ
      
       ด้านสารวัตรดนัยเดินนำพลตำรวจเข้ามารายงานเสี่ยเล้ง เพลินตา และจำเริญ มีมิ่งอยู่ด้วย
       “เรียบร้อยครับเสี่ย ผมให้คนวางกำลังไว้หมดแล้ว รับรองว่าใครหน้าไหนก็บุกเข้ามาไม่ได้ ถ้าเสี่ยไม่อนุญาต”
       เสี่ยเล้งยิ้มอย่างพอใจ แถมหยอดคำหวานเอาใจ “ขอบใจมากสารวัตรที่ช่วยให้ทุกอย่างมันง่ายขึ้น นี่ถ้าเป็นตำรวจคนอื่น คงชักช้าไม่ทันใจแบบนี้”
       จำเริญนึกได้ “จริงสิครับสารวัตร แล้วตำรวจหญิงอีกคนไม่มาด้วยเหรอครับ”
       “อ๋อ ผู้หมวดเพ็ญพรเธอลาป่วยครับ เพิ่งโทร.มาเมื่อเช้านี้เอง”
       เพลินตาสงสัย “แล้วธัมโมล่ะคะ”
       “ผมให้เขาอยู่โยงที่สถานีครับ กลัวว่าถ้าเค้ามาที่นี่แล้วนางสิงห์เพื่อนเค้าอาจจะตามมาด้วย”
       เสี่ยเล้ง จำเริญ มิ่ง และเพลินตามองหน้ากันอย่างอึดอัดไม่วางใจ สามพ่อลูกนึกประหวั่นไปถึงนางสิงห์ชุดดำซึ่งเคยบุกมาที่นี่แล้ว
      
       เวลาเดียวกันที่ระเบียงสถานีตำรวจบ้านไม้งาม ผู้กองธัมโมเดินออกมายืนเหม่อปลดปล่อยอารมณ์ ขณะที่จ่าไชโยกับหมู่โอฬารซึ่งยืนดูห่างๆ ที่มุมหนึ่ง แน่นอนพากันสุมหัวแอบนินทา
       “เฮ้อ ผมล่ะเซ็งชีวิตแทนผู้กองจริงๆเลยนะจ่า ไม่รู้ไปทำบาปทำกรรมอะไรเอาไว้ ถึงต้องกลายเป็นลูกน้องให้กิ๊กใหม่ของแฟนเก่า แถมยังเป็นเพื่อนรักที่เคยไว้ใจกันมาก่อน” โอฬารว่า
       “โอ้โห หมู่คิดนานมั้ย เป็นลูกน้องให้กิ๊กใหม่ของแฟนเก่า แถมยังเป็นเพื่อนที่เคยไว้ใจ” ไชโยทึ่ง
       “มุกนี้เตรียมมาจากบ้าน แต่ที่พูดนี่สงสารจริงๆ นะ”
       “อย่าเพิ่งสงสารเลยหมู่ ถ้าบาปมันมีจริง ไอ้บุญมันก็ต้องมีจริงเหมือนกัน ผู้กองแกทำดีไว้มาก แกคงไม่โชคร้ายตลอดไปหรอก”
       หมู่โอฬารพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
      
       นำชัย และพรรคพวกโดนปิดตาปิดปากมัดไว้กับต้นไม้ ในสภาพที่เหลือแต่ชุดชั้นในตัวเดียว ขณะที่ย้งเริ่มปลอมตัวเป็นนำชัย เก่งปลอมเป็นโฉมฉวี และเพ็ญพรแต่งองค์ทรงเครื่องเป็นมานพหนุ่มปลอมตัวเป็นมือปืน เพ็ญพรเอาปืนที่ยึดมาจากมือปืนของนำชัยมาส่งให้ครูเพิ่ม
       “คอยเฝ้าให้ดีนะครู พอถึงบ่ายโมงเมื่อไหร่ให้ไปเจอกันที่จุดนัด” เพ็ญพรกำชับหนักแน่น
       ครูเพิ่มรับปืนมาอย่างทำใจ “ทุกคนระวังตัวด้วยนะ”
      
       ไม่นานต่อมา รถยนต์ของนำชัยแล่นใกล้เข้ามา จำเริญเดินออกมาดูก่อนจะหันไปบอกทุกคน
       “รถหรูเชียวครับป๊า สงสัยคงเป็นท่านนำชัย”
       เสี่ยเล้งเดินนำเพลินตา ดนัย และมิ่งออกมาดู
       เมื่อรถจอดสนิท เห็นชัดว่าคนขับรถก็คือเพ็ญพร ที่ติดหนวด สวมแว่นดำ หวีผมเรียบแปล้ ปลอมตัวมาในคราบผู้ชาย ย้งติดหนวดไว้เคราเฟิ้ม ปลอมตัวเป็นนักการเมืองมาดเก๋า ส่วนเก่ง แต่งหญิง สวมวิก ปลอมเป็นเลขา ติดไฝ สวมแว่นกรอบใหญ่สีชาพรางโฉม
       ย้งเห็นดนัยก็ตกใจมาดหลุด “เฮ้ย นั่นมันสารวัตรดนัยนี่หว่า”
       เก่งรีบปลอบ “อย่าตื่นเต้นไอ้ย้ง ตอนนี้เอ็งสวมบทเป็นนักการเมืองอยู่นะ”
       “ไม่รู้ว่าพี่แกจะจำพวกเราได้รึเปล่า ถ้าถูกจับได้ขึ้นมา” ย้งบ่นอุบ
       “เดี๋ยวก็รู้ คนอื่นมากันแล้ว” เพ็ญพรว่า
       ย้งมองไปเห็นเสี่ยเล้ง ดนัย เพลินตา จำเริญ และมิ่งก็เดินออกมาพอดี เพ็ญพรจึงเริ่มสวมบทบอดี้การ์ดเดินลงจากรถไปเปิดประตูให้...ท่านย้ง
       “เชิญครับท่าน” เพ็ญพรพูดอย่างพินอบพิเทา
       ย้งกระแอม วางมาดเก๋า “อะแฮ่ม ถึงแล้วเหรอเนี่ย”
       เสี่ยเล้งไหว้ทักทาย “สวัสดีครับท่าน บ้านไม้งามยินดีต้อนรับ”
       ย้งรับไหว้ “คุณคงจะเป็นเสี่ยเล้งสิท่า ดูเหมือนว่าเราเคยเจอกันที่งานประชุมพรรคคราวก่อนใช่มั้ย”
       เสี่ยเล้งยิ้มเรี่นราด “เฉียดๆ ครับท่าน ผมยังเสียดายอยู่เลยที่ไม่ได้สนทนากับท่านเป็นการส่วนตัว” แนะนำจำเริญกับเพลินตา “เอ่อนี่ลูกชายผมเองครับชื่อจำเริญ ส่วนลูกสาวคนเล็กชื่อเพลินตา”
       จำเริญ เพลินตาไหว้อย่างนอบน้อม “สวัสดีครับท่าน” / “สวัสดีค่ะท่าน”
       ย้งรับไหว้ “อ้อ ไหว้พระเถอะ ไหว้พระ” แนะนำฝ่ายตัวเองบ้าง “ทางผมก็มากันแค่นี้แหละ นี่คุณโฉมฉวี เลขาคนสนิทของผม แล้วก็นายเทิด เป็นทั้งคนขับรถและบอดี้การ์ด”
       เก่งในคราบโฉมฉวียกมือไหว้ทุกคนอย่างนอบน้อม ขณะที่เพ็ญพรวางมาดขรึม โค้งศรีษะพอเป็นพิธี
      
       ที่อีกมุมหนึ่ง ยอด เบิ้มและสมุนกำนันศร มาแอบซุ่มดูเหตุการณ์ในระยะห่าง
       “รถโก้เป็นบ้าเลยพี่ยอด สงสัยคงเป็นนักการเมืองจริงๆด้วย” เบิ้มเอ่ยขึ้นพลางคิด “แล้วนี่เราจะข่มขวัญพวกมันยังไง”
       “ข้ากำลังคิดอยู่ งานนี้ต้องฉีกหน้าพวกมันให้ได้”
      
       ยอดจดสายตามองจ้องดนัยที่ยืนสนิทสนมกับเพลินตาอย่างแค้นใจ
 เวลาเดียวกัน เถ้าแก่ตงวิ่งหกล้มหกลุกขึ้นมาบนโรงพักบ้านไม้งาม โวยวายเหมือนคนบ้า
      
       “คุณตำรวจ ช่วยอั๊วด้วย อั๊วซี๊เลี้ยว อั๊วซี๊เลี้ยวคุณตำรวจ”
       โอฬารถามทันที “อะไรๆ เถ้าแก่ ซี๊ก็ไปทีวัดสิ มาโวยวายอะไรที่โรงพัก”
       “ไม่ใช่อย่างนั้น อั๊วกำลังจะซี๊ต่างหาก” ทำท่าจะร้องไห้ออกมา “เพราะแก้วตาดวงใจอั๊ว อีหายไปเลี้ยว”
       ไชโยนึกสงสัย “อะไรหายเหรอเถ้าแก่”
       เถ้าแก่ตงสาธยาย “ก็อาหมวยใหญ่อะสิ อีหนีออกจากบ้าน อีบอกว่าจะไปบวชที่วัดไหนก็ไม่รู้ อั๊วตามหายังไงก็ไม่เจอ คุณตำรวจต้องช่วยอั๊วนะ”
       “อ้าว คนเค้าจะไปบวช จะให้ตำรวจช่วยอะไรล่ะเถ้าแก่นี่ไม่ใช่เหตุด่วนเหตุร้ายนะ” ไชโยบอก
       “นั่นสิเถ้าแก่ แล้วหายไปนานรึยัง ถ้าไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงน่ะไม่รับแจ้งความหรอกนะ” โอฬารว่า
       “ไอ๊หยา แล้วอั๊วจะทำยังไงอ่ะ อั๊วอยากเจอหน้าลูกนี่ หายไปเฉยๆอย่างนี้อั๊วก็ซี๊กันพอดี”
       ธัมโมยินเสียงโหวกเหวกจึงออกมาจากห้องทำงาน “มีอะไรเหรอหมู่ จ่า”
       “หมวยใหญ่หนีไปบวชครับผู้กอง เถ้าแก่ตงอยากจะให้พวกเราช่วยออกตามหา”
       ฟังไชโยบอกแล้ว ธัมโมมองเถ้าแก่ตงอย่างเห็นใจ
      
       ธัมโมสตาร์ทรถ เถ้าแก่ตงรีบขึ้นมานั่งพร่ำบอกอย่างซาบซึ้งใจ
       “ขอบคุณอาผู้กอง อาผู้กองใจดีจริงๆ เหมือนพระโพธิสัตว์มาโปรดชาวบ้านอย่างอั๊ว”
       “ไม่เป็นไรหรอกเถ้าแก่ คนกันเอง” หันไปบอกกับไชโยโอฬารที่มายืนส่ง “หมู่จ่า ฝากทางนี้ด้วยนะ”
       “ครับผู้กอง” ไชโยรับคำขึงขัง
       “เถ้าแก่ ถ้าเจอน้องหมวยช่วยบอกด้วย ว่าอย่าบวชชีเพื่อหนีรัก” โอฬารบอก
       เถ้าแก่ตงงง “เพราะว่า…”
       “เพราะจะมีคนอกหักเพราะรักชี ตึงโป๊ะ ฮิ้ววว...”
       ไชโยหันมามองโอฬารดุๆ โอฬารเจื่อน “ไม่ขำนิ ไม่ขำเหรอ ว้าแย่จัง”
       เถ้าแก่ตงพูดกับธัมโม “อั๊วลงไปถีบยอดหน้ามันก่อนได้มั้ยผู้กอง แบบหน้าสิ่วหน้าขวาน ไม่ช่วยไม่ว่า แต่ดันยิงมุกฝืดเนี่ย อั๊วเคียกฉิกหัยเลย”
       “ไว้ขากลับเหอะเถ้าแก่ รีบไปตามหมวยใหญ่ก่อนดีกว่า” สั่งไชโยกะโอฬาร “ไปนะจ่า หมู่”
       ธัมโมออกรถ ทิ้งให้ไชโยกับโอฬารยืนเอาเรื่องกันต่อ เสียงไชโยด่าโอฬารลอยมา “ยิงมาได้ยังไง มุกตะกี้ หมู่ยิงออกมาได้ยังไง”
      
       ส่วนภายในห้องรับแขกบ้านเสี่ยเล้งยามนั้น คนรับใช้เพิ่งเสิร์ฟเครื่องดื่มเสร็จแล้วปลีกตัวไป เห็นย้งรีบคว้าน้ำมาดื่มเพื่อระงับความตื่นเต้น
       เสี่ยเล้งสังเกต “เอ ผมว่าท่านนำชัย…หน้าตาดูเปลี่ยนๆ ไปนะครับ ไม่เหมือนตอนเจอกันที่กรุงเทพฯ”
       ย้งร้อนตัวโวยวายกลบ “อ้าวเสี่ย พูดแบบนี้หาว่าผมเป็นตัวปลอมหรือไง ต้องให้ควักบัตร ประชาชนออกมาพิสูจน์หรือเปล่า หรือจะเช็คทะเบียนรถของผมที่จอดอยู่ก็ได้นะ ว่ารถใครกันแน่”
       เพลินตารีบแก้ต่าง “เอ่อใจเย็นๆ ค่ะท่าน คุณพ่อดิฉันไม่ได้หมายความแบบนั้นหรอกค่ะ”
       จำเริญผสมโรง “ใช่ครับ ผมเองก็ว่าท่านดูผอมๆ ไป ไม่เห็นเหมือนในข่าว”
       “ช่วงนี้ท่านเดินสายไม่ได้หยุดพักเลยค่ะ ต้องไปเยี่ยมผู้สมัครทั่วร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ เจอทั้งแดดทั้งฝน ก็เลยซูบๆไป” ย้งเล่นบทท่านนำชัยได้สมบทบาท
       “อ๋ออย่างนี้นี่เอง ตอนแรกผมก็คิดแบบเดียวกับคุณจำเริญว่าท่าทางท่านไม่ค่อยเหมือนในหนังสือพิมพ์สักเท่าไหร่” ดนัยเสริม
       ย้งหันไปทางดนัย “โทษนะคุณตำรวจ คุณเป็นใคร”
       “ผมสารวัตรดนัย เป็นผู้ดูแลสถานีตำรวจบ้านไม้งามครับท่านวันนี้ผมรับหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้กับท่าน”
       “ดี เพราะวันนี้ผมต้องการความปลอดภัยเป็นพิเศษอยู่เหมือนกัน”
       เสี่ยเล้งฉงน “ท่านหมายถึง…”
       ย้งหันมากระซิบใกล้เสี่ยเล้งมากๆ “เรื่องเงินที่เราคุยกันไว้ ทางผู้สมัครคนเก่าเค้าต้องการ
       โดยด่วน”
       “เท่าไหร่ครับท่าน”
       เก่งรีบดักคอย้งก่อน “สามล้านค่ะ”
       ย้งรีบบอก “สามที่ไหน ห้าล้านต่างหาก”
       เพ็ญพรเหลียวขวับ “ท่านฟังผิดมั้งครับ ผมก็ได้ยินมาว่าสามล้าน”
       ย้งทำท่าฮึดฮัด “เอ๊ะ ชั้นบอกว่าห้าก็ห้าสิวะ ห้ามเถียง”
       เพ็ญพรแอบแค้น “ครับท่าน”
       เสี่ยเล้งเห็นว่าคนอยู่เยอะก็เริ่มอึดอัด “เอ่อท่านครับ ผมมีเรื่องอยากปรึกษาท่านเป็นการส่วนตัว ขอเชิญที่ห้องทำงานจะได้มั้ยครับ”
      
       จำเริญเพิ่งปิดประตูห้อง ขณะที่เสี่ยเล้งเริ่มต่อรองกับย้งในคราบนำชัยนักการเมือง
       “ค่าป่วยการห้าล้านมันไม่มากไปหน่อยเหรอครับท่าน ก็แค่จ้างไม่ให้ลงสมัครแค่รอบเดียวเท่านั้น”
       ย้งทำท่าขึงขังเก๋าเกม “เฮ้ย รอบเดียวมันก็หลายปีนะเสี่ย เสี่ยรู้มั้ยว่าถ้าเสี่ยมีอำนาจเมื่อไหร่
       จะกอบโกยได้มากกว่านี้เป็นสิบเป็นร้อยเท่า”
       “ครับผมทราบ”
       “ถ้างั้นก็รีบไปถอนเงินสดมาเดี๋ยวนี้เลย”
       “เงินมากขนาดนั้น จ่ายเป็นเช็คไม่ดีกว่าเหรอครับท่าน”
       “ผมไม่อยากมีปัญหาทีหลัง เงินสดปลอดภัยกว่ากันเยอะ” ย้งบอก
       “แล้วโอนผ่านบัญชีล่ะครับ จะได้รึเปล่า” เสี่ยเล้งว่า
       “เฮ้ยไม่ได้ ช่วงนี้คู่แข่งกำลังจับตาดูความเคลื่อนไหวทางการเงินของพวกเรา โอนเงินไม่ได้เด็ดขาด ผมต้องการเงินสด เงินสดอย่างเดียวเท่านั้น”
       เสี่ยเล้งมีสีหน้าหนักใจ ในขณะที่จำเริญเริ่มรู้สึกผิดสังเกต
      
       ในห้องรับแขก เก่ง กะเพ็ญพร นั่งอยู่กับเพลินตา ดนัย และมิ่งด้วยท่าทีอึดอัด เพราะทั้งสามต่างมองพวกเธออย่างจับสังเกต
       “เอ่อ ไม่ทราบห้องน้ำอยู่ทางไหนคะ” เก่งถาม
       “ทางนี้ค่ะ เดี๋ยวให้นายมิ่งพาไปก็ได้”
       “อุ๊ยไม่ต้องหรอกค่ะ ชั้นให้นายเทิดไปเป็นเพื่อนดีกว่า”
       เพ็ญพรในมาดเทิดหันมาทางดนัย “ขอตัวสักครู่นะครับ”
       เพ็ญพรกับเก่งรีบปลีกตัวไป ดนัยมองตามอย่างสังหรณ์ใจ
      
       เก่งกับเพ็ญพรทำทีเป็นเดินมาเข้าห้องน้ำ ก่อนจะหลบมุมปรึกษากัน
       “ตำรวจแห่มาเป็นโขยงเลย จะฉกเงินได้ยังไง” เก่งออกอาการกังวล
       “พวกตำรวจคงไม่ตามไปที่ธนาคารกันหมดทุกคนหรอกพอได้เงินเมื่อไหร่ ต้องรีบหนี” เพ็ญพรว่า
       ย้งโผล่พรวดออกมาแจม “นั่นสิ ขืนกลับมาที่นี่ สงสัยหนีไม่รอดแหง”
       เก่งหมั่นไส้ หยิกหูทันควัน “ไอ้ย้ง ไอ้ตัวแสบ”
       “โอ้ย เบาๆไอ้เก่ง หูจะหลุดแล้ว นี่ข้าสวมบทเป็นนักการเมืองใหญ่อยู่นะ” ย้งโวย
       “แกทำบ้าอะไรของแกวะไอ้ย้ง แผนของเราไม่ใช่แบบนี้” เก่งด่า
       เพ็ญพรเห็นด้วย “ถ้าขอสามล้านแต่แรก ไอ้เสี่ยเล้งอาจจะจ่ายเงินให้เราไปแล้วก็ได้คงไม่เสียเวลาแบบนี้หรอก”
       ย้งอวดดีคุยเขื่อง “เอาเหอะน่า บุกถ้ำเสือทั้งที มนต้องจับลูกเสือให้ได้ จะคว้าขี้เสือไปทำไม ชั้นเชื่อว่าพวกเราต้องทำสำเร็จ”
       มิ่งเดินมาตาม “ทุกอย่างเรียบร้อยดีรึเปล่าครับ”
       “อ๋อดี ห้องน้ำที่นี่สวยมาก หรูพอๆ กับที่กรุงเทพฯเลย” ย้งตะโกนบอก
       “นี่มันห้องเก็บของครับ ห้องน้ำอยู่ทางโน้น”
       ย้งอึกอักนิดนึง “อ๋อ ก็พูดถึงทางโน้นไง แล้วนี่รถพร้อมรึยังจะได้เดินทางกันซะที”
      
       ดนัยซึ่งนั่งอยู่กับเพลินตาตามลำพัง เพลินตาเห็นปลอดคนก็ปรึกษากับดนัย
       “ท่าทางยังไงชอบกลอยู่นะคะสารวัตร คนใหญ่คนโตระดับท่านนำชัยไม่น่าจะหลุกหลิกแบบนี้เลย พวกเลขากับองครักษ์ก็เหมือนกัน”
       “ผมเห็นด้วยครับ สงสัยคงต้องระวังกันหน่อย”
      
       เสี่ยเล้งกำลังจัดเอกสารทางการเงินใส่กระเป๋า โดยไม่ลืมหยิบปืนพกติดไปด้วย
       จำเริญเคาะประตูเข้ามาในห้อง “ผมโทร.เช็คดูแล้วป๊า รถที่ขับมาเป็นของท่านนำชัยจริงๆ”
       “ก็แสดงว่าเป็นตัวจริง ไม่งั้นคงไม่รู้ข้อมูลของเราขนาดนี้”
       “แต่ยังไงผมขอไปด้วยนะป๊า เผื่อมีอะไรเกิดขึ้นจะได้ช่วยแก้ไข” จำเริญบอก
      
       ทางด้านท่านนำชัยตัวจริง และพรรคพวกยังถูกมัดอยู่ โดยมีครูเพิ่มเดินไปมาอย่างกระวนกระวาย
       “เมื่อไหร่จะบ่ายโมงซะทีวะจะได้รีบเผ่น นี่ถ้าเกิดมีใครมาเห็นเข้าล่ะก็มีหวังซวยแน่”
       ครูเพิ่มกระวนกระวายพลางมองปืนในมือซึ่งเพ็ญพรให้มาอย่างอึดอัดใจ เพราะไม่อยากถือปืนผาหน้าไม้เท่าไหร่นัก
       ในระหว่างนั้นครูเพิ่มก็ไม่รู้เลยว่า มือปืนของท่านนำชัยได้ใช้เศษหินคมๆ ที่ควานได้แถวนั้นถูกับเชือกที่มัดตัวเองอยู่จนใกล้ขาดแล้ว
      
       ขณะเดียวกัน ทุกคนมาพร้อมหน้ากันที่ห้องรับแขกเพื่อเตรียมตัวเรื่องไปธนาคาร
       “ผมว่าเดี๋ยวท่านนำชัยรออยู่ทางนี้ดีกว่าครับ ผมกับลูกชายไปที่ธนาคารกลับมาก็คงไม่เกินสี่สิบนาที”
       “เอ่อแต่ว่า ผมอยากไปด้วยนี่ ไปกันเยอะๆ ไม่ดีกว่าเหรอ” ย้งเสนอ
       “อยู่ทางนี้ดีกว่าครับท่าน ผมจะได้ดูแลความปลอดภัยได้สะดวกขึ้น” ดนัยดักคอ
       เพ็ญพรคิดสักครู่ “ไม่เป็นไรครับท่าน ผมจะอยู่เป็นเพื่อนท่านเองครับ งานนี้ให้คุณเลขาไปดูแลความเรียบร้อยคนเดียวก็พอ”
       เพลินตาแปลกใจ “จำเป็นด้วยเหรอคะ”
       เก่งในมาดเลขาสาวยิ้มเยื้อน “ก็ไปช่วยนับเงินไงคะ เผื่อเหลือเผื่อขาดยังไง จะได้ช่วยทักท้วงกัน
       แต่เนิ่นๆ ไม่ต้องเทียวมาเทียวไปให้เสียเวลา”
       เพลินตามองเก่งในคราบโฉมฉวี ยิ่งไม่ถูกชะตาอย่างแรง
      
       ย้ง เพ็ญพร เพลินตา และดนัย มาส่ง มิ่ง เก่ง เสี่ยเล้ง และจำเริญ หน้าเรือน
       “ขับรถดีๆ รีบไปรีบมานะเสี่ย นี่ไม่ได้เร่งนะ แต่รออยู่” ย้งเอ่ยขึ้น
       เพ็ญพรแอบกระซิบบอกเก่ง “ได้เงินเมื่อไหร่ลงมือได้เลย ทางนี้ชั้นจะพานายย้งหนีเอง”
       เก่งพยักหน้าให้เพ็ญพร
       ทางพวกเบิ้มและยอดยังซุ่มดูเหตุการณ์อยู่
       “พี่ ไอ้พวกเสี่ยเล้งมันจะไปไหนก็ไม่รู้ พี่มีแผนแล้วรึยัง” เบิ้มถามยอด
       ยอดเครียด “กำลังคิดอยู่”
       “โหพี่ คิดมาเป็นชั่วโมงแล้ว เอาซะทีเหอะ”
       ยอดหันไปดูในบ้าน “ไอ้นักการเมืองนั่นมันไม่ได้ไปด้วยนี่หว่า ไอ้ดนัยกับคุณเพลินตาก็เหมือนกัน”
       เบิ้มกระเหี้ยนกระหืออยากรู้เต็มแก่ “แล้ว…แล้วแผนของเราก็คือ…”
       ยอดลังเลคิดไม่ตก “เอาไงดีว้า”
       “โอ้ยพี่ เอามาสักแผนเหอะ แดดมันร้อน รอจนตัวดำไปหมดแล้วเนี่ย” เบิ้มหงุดหงิด
       “ก็ได้ งั้นเราจะอุ้มตัวไอ้นักการเมืองนั่น” ยอดบอกแผน
       “เฮ้ย ไม่งานช้างไปหน่อยเหรอพี่” เบิ้มทักท้วง
       “ก็แค่ขู่มันไม่ให้ช่วยเหลือเสี่ยเล้ง เท่านี้ทุกอย่างก็เป็นตามเป้าหมายที่พ่อกำนันวางไว้”
       เบิ้มคิดแล้วพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
      
       ตรงบริเวณป่าริมถนน ครูเพิ่มดูนาฬิกาข้อมือเห็นเวลาใกล้ถึงบ่ายโมง ก็รีบมาบอกกับตัวประกันโดยบอกกับนำชัย
       “ขอโทษด้วยครับท่าน ที่ต้องทำให้เดือดร้อน แต่พวกเราไม่ต้องการให้คนชั่วมามีอำนาจบาตรใหญ่ในบ้านไม้งาม และถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากให้พรรคการเมืองของท่านเลิกสนับสนุนคนพวกนี้ และเลิกหาผลประโยชน์จากการบริหารงานแผ่นดินซะที” ดูนาฬิกาอีกครั้ง “อีกเดี๋ยวผมจะแจ้งตำรวจให้มาช่วยพวกท่านขอบคุณมากครับ”
       ครูเพิ่มว่าแล้วก็ลุกขึ้นทำท่าจะเดินไป แต่จังหวะนั้นเองมือปืนของนำชัยก็ตัดเชือกได้สำเร็จ มันรีบถอดผ้าปิดตาปิดปากออก แล้วตรงดิ่งเข้าหาครูเพิ่มทางด้านหลัง
       ครูเพิ่มได้ยินเสียงก็จะหันมาเล็งปืนขู่ แต่ทุกอย่างก็สายเกินไป มือปืนเงื้อหมัดต่อยใส่หน้าครูเพิ่มเต็มแรงจนล้มคว่ำปืนกระเด็นหลุดจากมือ
      
       ครูเพิ่มมองไปที่ปืนด้วยความตกใจ
source: manager.co.th 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น