วันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อ่านละครพริกกับเกลือ ตอนที่8 วันที่14 ส.ค. 55

แม่บ้านยังร้องโวยวาย
       “ช่วยด้วย! โจรขึ้นบ้าน! ช่วยด้วย!”
       ศยามเข้าไปปิดปากแม่บ้าน
       “พี่...อย่าร้อง ฟังผมก่อน”
       แม่บ้านตกใจ พยายามดิ้น
       “มองหน้าผม จำผมได้มั้ย...ดิ่ง”
       แม่บ้านชะงัก หันมองหน้าศยาม
       “จำได้แล้วใช่มั้ย งั้นผมปล่อยพี่นะ พี่อย่าร้องนะ”
       แม่บ้านพยายามนึก
       “ดิ่ง...”
       “ใช่ ดิ่ง...”
       แม่บ้านจำได้
       “อ๋อ...!”
       จิตรวรรณช่วยอธิบาย
       “ลูกชายคนที่เคยเป็นแม่บ้านของเจ้าของบ้านนี้ไง จำได้แล้ว ใช่มั้ย”
       แม่บ้านงงๆ
       “ลูกชายแม่บ้าน...ไม่ใช่นะ คุณดิ่งเป็น...”
       ศยามรีบขัดจังหวะลากแม่บ้านไปอีกทาง
       “พี่มานี่ก่อน พอดีมีเรื่องอยากจะให้ช่วย”
       แม่บ้านตามศยามไปงงๆ จิตรวรรณมองตามอย่างสงสัย
      
       ศยามพูดเบาๆกับแม่บ้าน
       “ผมเป็นลูกชายของอดีตแม่บ้านที่นี่ แล้วก็ห้ามพี่บอกใครที่กรุงเทพว่าผมมาที่นี่”
       “แต่...”
       ศยามควักเงินยัดใส่มือให้แม่บ้าน
       “อ่ะ...ตามนั้นนะ”
       “ค่ะๆ...แล้วจะอยู่กี่วันคะ ขาดเหลืออะไรหรือเปล่า เตยจะได้...”
       “ไม่ต้อง...อีกสองสามวันผมก็กลับแล้ว ขอบใจมาก พี่กลับไปได้แล้ว”
       “แต่วันนี้เป็นวันทำความสะอาด”
       จิตรวรรณย่องเข้ามา ตั้งใจจะแอบฟัง....ศยามหันมาพอดี...จิตรวรรณรีบหลบพรางตัว
       “สอดรู้สอดเห็นตลอด...”
       ศยามคิดแผนแกล้งจิตรวรรณขึ้นมาได้...ศยามพูดเสียงดัง
       “พี่ไม่ต้องห่วงพวกผม พวกผมดูแลให้”
       “จะดีเหรอคะ”
       จิตรวรรณค่อยๆโผล่หัวออกมา อยากได้ยินชัดๆ ศยามเหลือบมอง จิตรวรรณเห็นเขามองมา รีบหดหัวกลับ เดินออกไปทันที ศยามยิ้มเจ้าเล่ห์
      
       แม่บ้านขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป จิตรวรรณยืนมองอย่างสงสัย
       “ทำไมพูดกับนายดิ่งสุภาพจัง”
       ศยามเข้ามาพูดข้างหู
       “ลูกจ้างที่นี่เขามารยาทงาม พูดเพราะ”
       จิตรวรรณตกใจ
       “ว้าย นายดิ่ง!”
       “ไม่เหมือนคนบางคน เป็นคุณหนู แต่พูดเป็นมะนาวไม่มีน้ำ กดขี่ ขู่เข็ญ”
       “เออ ด่าได้ด่าไป ขอโทษ...ตอนนี้ไม่สะเทือน เฉยๆเพราะคำพูดของนายไม่มีอิทธิพลกับฉันอีกต่อไปแล้ว”
       “เหรอ”
       “เออ!”
       “ไหนบอกว่าเฉยๆ ไม่สะเทือนไง แล้วทำไมต้องตะคอก เก่งแต่ปากนี่นา”
       จิตรวรรณสะอึก ที่เสียท่าให้ศยาม แก้สถานการณ์
       “ฉันแค่ทดสอบว่านายจะขุดอะไรมาด่าฉันได้อีก”
       “ไม่ต้องห่วง ผมปากดี มีอีกเพียบ...ส่วนคุณยอมรับมาเถอะว่าคำพูดของผมมีอิทธิพลกับคุณ”
       จิตรวรรณท้าทาย
       “ไม่!”
       “งั้นพิสูจน์”
       “ไงก็ได้ ถ้านายหมดมุก นายแพ้”
       “ถ้าคุณทนปากผมไม่ได้ แล้วออกอาการ คุณแพ้”
       “ตามนั้น”
       “ตามนั้น”
       ศยามยื่นถัง ผ้าขี้ริ้วและอุปกรณ์การทำความสะอาดที่ถือซ่อนไว้ข้างหลังให้
       “อะไร!”
       “อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย...ทำความสะอาดบ้านแลกที่อยู่ที่กิน...พี่แม่บ้านเขาบอกมา”
       “ไม่!”
       “อ๊ะๆๆ...ออกอาการ”
       จิตรวรรณเก็บอาการ
       “ไม่ทำจ๊ะ”
       “งั้นเขาก็ไม่ให้อยู่”
       “งั้นฉันก็ไม่อยู่จ๊ะ เพราะฉัน...มีเงิน ฉันไปเปิดห้องที่รีสอร์ทแถวนี้ก็ได้จ๊ะ”
       จิตรวรรณเดินสวยๆออกไป ศยามเจ็บใจที่หญิงสาวไม่ยอมทำงานบ้าน...แต่ก็ไม่ยอมแพ้
      
       แม่บ้านขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดริมทาง หยิบมือถือขึ้นมา กดเบอร์โทรศัพท์บ้านเศก...ศุวิมลกำลังจะไปทำงาน เดินผ่านโทรศัพท์ แต่ด้วยความเร่งรีบ ตัดสินใจไม่รับ ตะโกนบอกแม่บ้าน
       “ใครก็ได้ มารับโทรศัพท์ที”
       ศุวิมลรีบวิ่งออกไป มารศรีเดินมาจากมุมหนึ่ง มองซ้ายมองขวา ไม่มีใครออกมารับโทรศัพท์ จึงเดินมารับ
       “ฮัลโหล...บ้านคุณเศกค่ะ...อะไรนะ!...แล้วคุณดิ่งไปที่นั่นกับ ใคร...” มารศรีอึ้งไป “ขอบใจมาก ไว้ฉันจะบอกคุณศุเอง ดูแลคุณดิ่งกับเพื่อนให้ดีล่ะ”
       มารศรีวางหู เจ็บใจ
       “ที่แท้...ก็พากันไปหลบอยู่ที่นั่น”
      
       จิตรวรรณเปลี่ยนมาใส่ชุดเดิมแล้ว สะพายกระเป๋า ยืนรอรถสองแถวอยู่หน้าบ้านอย่างหงุดหงิด
       “โอย! ทำไมไม่มีรถเลย รอนานแล้วนะ”
       จิตรวรรณมองเข้าไปในบ้าน ศยามกำลังนั่งรับลมทะเลอย่างมีความสุข จิตรวรรณค้อนให้
       “หมั่นไส้ คิดจะยืมมือฉันทำความสะอาดเหรอ ไม่มีทาง”
       จิตรวรรณหันมายืนรอรถต่อไป แล้วก็ต้องสะดุ้ง
       “คุณ!”
       จิตรวรรณตกใจ
       “ว้าย!”
       ศยามเกาะประตูคุยด้วย
       “ย่องมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
       “ไม่ได้ย่อง เดินมาธรรมดาๆ”
       จิตรวรรณเก็บอาการ ไม่วีน
       “มาทำไมล่ะ”
       “มาถามว่าไม่เมื่อยเหรอ ยืนรอรถเป็นชั่วโมงแล้วนะ”
       “ไม่เมื่อยจ๊ะ สบายๆ เบาๆ”
       “ว้า หิวจัง...ไปตกปลามาทำปลาเผาดีกว่า ตำน้ำจิ้มซีฟู้ดแซ่บๆ เข้าท่า”
       ศยามเดินเข้าไปในบ้าน จิตรวรรณมองตาม กลืนน้ำลายเอื้อก ท้องร้องดังครืด ศยามโผล่เข้ามาถามอีก
       “เสียงอะไร คุณได้ยินหรือเปล่า”
       จิตรวรรณทำไขสือ
       “ไม่ได้ยินนี่ นายหูฝาดแล้ว”
       “อืม...คิดว่าเสียงท้องใครที่ไหนร้องซะอีก สงสัยหูฝาดไปจริงๆ...ปลาสดๆเผาเกลือ โอเคนะ ไม่สนเหรอ”
       “ไม่ล่ะจ๊ะ...ฉันไปรอรถสองแถวที่ร้านของชำดีกว่า”
       จิตรวรรณหันเดินออกไป ศยามตะโกน
       “เดินดีๆนะ แถวนี้งูเยอะ!”
       จิตรวรรณชะงัก รู้สึกกลัว แต่ทำเป็นไม่หวั่นไหวหันมายิ้ม
       “ขอบใจนะจ๊ะที่เตือน”
       จิตรวรรณหันกลับ ปากขมุบขมิบด่าศยาม
       “ปากอัปมงคลตลอด”
       จิตรวรรณหันมองไปรอบๆ กลัวงูเหมือนกัน แต่ทำใจแข็ง เดินต่อ ศยามมองแล้วยิ้มขำๆ
       “รั้นให้สุดๆไปเลยนะคุณหนู...”
      
       จิตรวรรณมาคุยกับเจ้าของร้านชำ ถามหารถโดยสาร เจ้าของร้านบอก
       “รถเพิ่งไปเมื่อกี้”
       “แล้วทำไมหนูไม่เห็นผ่านไป ทางโน้นเลยล่ะ”
       “ถ้าคนไม่เหลือแล้ว เขาก็วนรถกลับก่อน ไม่ไปต่อหรอก”
       “เอ๊า...แล้วหนูจะทำไงเนี่ย...ป้า...แถวนี้มีรีสอร์ทมั้ย ไกลป่ะ”
       “มี ก็ไปอีกสามสิบโล”
       จิตรวรรณหน้าเหวอ
       “หา!”
       “แต่มีทางลัด เหลือแค่สามโล”
       “ทางไหนคะ”
       “เดินข้ามเขาลูกนั้นไป”
       “โอ๊ย!”
       จิตรวรรณเซ็งสุดๆ
      
       ศยามถือเบ็ดเข้ามาพร้อมถังหนึ่งใบ เขาต้องชะงักเมื่อพบว่าจิตรวรรณเดินเข้ามาหน้าง้ำ
       “จะมาชวนผมไปนอนด้วยที่รีสอร์ทเหรอ”
       “ฉัน!...” จิตรวรรณชะงัก เปลี่ยนโทนเสียง ซึ่งขัดกับอารมณ์ตนเอง “อุปกรณ์ทำความสะอาดอยู่ไหนจ๊ะ”
      
       จิตรวรรณถือถังน้ำ หนักอึ้งมาวางบนพื้น ศยามยื่นม็อบและไม้ปัดฝุ่นให้
       “ต้องใช้ด้วยเหรอ”
       “ไม่ใช้ แล้วจะเอาอะไรถูพื้น เสื้อคุณหรือไง”
       “บะ...” จิตรวรรณจะด่าว่าบ้าแต่ยั้งไว้ “บ้าสิจ๊ะ”
       “พูดเพราะๆแบบนี้ตลอดเวลาก็ดีนะ สบายหูจัง”
       “แต่ข้างใน ไม่ใช่เลยนะจ๊ะ...รู้ใช่มั้ยจ๊ะ”
       “รู้ เลยรอว่าจะดีแตกเมื่อไหร่”
       “โอ๊ย ไม่มีทางหรอกจ๊ะ จะเริ่มทำความสะอาดล่ะนะ”
       “เชิญ”
       จิตรวรรณเอาม็อบจุ่มน้ำแล้วถูเลย
       “เฮ้ยๆๆ หยุดๆๆๆ!”
       “อะไรอีกล่ะจ๊ะ”
       “ใครเขาถูก่อนกวาด ยังงี้จะสะอาดเข้าไปได้ยังไง”
       “อุ๊ยตายจริง...ไม่รู้สิ เกิดมาไม่เคยทำ กวาดเหรอ ได้ๆ”
       จิตรวรรณหยิบไม้กวาดมาปัดขึ้นปัดลง ศยามส่ายหัว
       “มานี่ จะทำให้ดู!”
       ศยามแย่งไม้กวาดไปจากจิตรวรรณ แล้วกวาดให้ดู พลางสอน
       “กดไม้กวาดลงพื้น แล้วลากไป ไม่ต้องสะบัดนะ เดี๋ยวผงฝุ่นมันจะฟุ้ง”
       “จ๊ะๆๆๆๆ ตรงนั้นๆ ด้วยจ๊ะ”
       ศยามหันไปกวาดตามที่จิตรวรรณบอก
       “ตรงนี้ๆๆๆ ด้วย”
       ศยามหันมากวาด
       “ตรงไหน...” ศยามนึกขึ้นได้ “หลอกใช้ใช่มั้ย”
       “เปล่านะ หลอกใครไม่เป็น ไม่ใช่คนเจ้าเล่ห์”
       “ดี งั้นทำ!”
       ศยามยัดไม้กวาดใส่มือ จิตรวรรณหน้าง้ำ ศยามชี้หน้า
       “ออกอาการ...คุณแพ้”
       “แต่นายก็ต้องทำด้วยสิ...ไม่ใช่ฉันคนเดียว ไม่กลัวชาวโลกประณามเหรอว่ากินแรงผู้หญิง”
       ศยามอึ้ง จิตรวรรณยิ้มซื่อใส
       “พูดจากใจ...ไม่ได้เจ้าเล่ห์”
      
       จิตรวรรณกับศยามทำความสะอาดบ้านในมุมต่างๆ หญิงสาวปัดฝุ่นในขณะที่ศยามกวาดบ้านอยู่ใกล้ๆ จึงแกล้งปัดฝุ่นใส่หน้า ศยามจามไม่หยุด รู้ว่าเธอแกล้งจึงหันมาจามใส่หน้า เธอหน้าแหย...อี๋...วิ่งออกไป ศยามขำ
      
       จิตรวรรณฉีดน้ำยาเช็ดกระจกเซ็งๆ แล้วเช็ดๆปาดๆ ไล่ไปเรื่อยๆ ศยามยืนเอาม็อบจุ่มน้ำในถังอยู่ใกล้ๆกระจก เธอปาดๆ ฉีดๆมาเรื่อยๆ เลยมาฉีดใส่หน้าศยามแล้วปาดๆจนเขาเจ็บ จิตรวรรณได้สติ ตกใจ ยกมือไหว้ ศยามย่างสามขุมเข้าหา เธอกลัว ถอยหลัง ขาเหยียบลงไปในถังน้ำ ล้ม ก้นจ้ำเบ้า ศยามหัวเราะเยาะ หญิงสาวเจ็บใจ ลุกขึ้นจะเอาคืนแต่เจอเขาชี้หน้า เธอก็ชะงัก สะกดอารมณ์ ยิ้มสู้...ก่อนจะเดินออกไปทั้งๆที่ถังน้ำยังติดเท้าอยู่ ศยามหัวเราะขำ
      
       ค่ำนั้น ศยามและจิตรวรรณเข้ามายืนคู่กันกลางบ้าน มองไปทั่วบ้านอย่างภูมิใจ
       “เสร็จแล้ว...โห...เยี่ยมไปเลย สะอาดเอี่ยมอ่อง...วิ้งเว่อร์ๆ ว่าป่ะ”
       “อะไรที่เป็นผลงานจากมือเรา...ก็ภูมิใจอย่างนี้แหละ แต่เว่อร์ไปหน่อยนะ ผมยังไม่เยอะเท่าคุณเลย”
       จิตรวรรณลืมตัวจะด่าแต่ยั้งไว้
       “แหม...ก็ฉันไม่เคยทำนี่”
       ศยามจะลงนั่งพักเหนื่อย จิตรวรรณห้ามไว้
       “ห้ามนั่ง!”
       ศยามตกใจ สะดุ้ง
       “ทำไม มีอะไร”
       “เก้าอี้ตัวนี้ ฉันเป็นคนทำความสะอาด ห้ามนั่ง เดี๋ยวสกปรก ขอชื่นชมฝีมือตัวเองสักพักก่อน”
       “เพี้ยน!”
       “ไม่เจ็บอ่ะ ขอคำอื่น”
       “ประสาท!”
       “ก็เบาไป แรงอีก”
       ศยามเจ็บใจกับความยียวนของหญิงสาว
       “ก็ได้...ปัญญาอ่อน”
       จิตรวรรณอึ้งเจ็บจี๊ด...
       “ไง...โดนมั้ย”
       จิตรวรรณฝืนยิ้ม หันหลังเดินออกไป ศยามมองตามยิ้มอย่างเอ็นดู แววตาลึกซึ้ง
      
       จิตรวรรณสะพายกระเป๋าก้าวฉับๆ จะออกจากบ้าน ศยามเดินออกมา
       “จะไปไหนน่ะ”
       “ฉันไม่ไหวแล้ว ฉันจะกลับบ้าน”
       “งั้นก็แปลว่าคุณยอมแพ้”
       “เออ ฉันยอมแพ้”
       “เฮ้อ...นิสัยคน เปลี่ยนไม่ได้ในสองสามวันจริงๆ ผมคงหวังสูงเกินไป”
       “นิสัยดีนักหรือไง”
       “ดีไม่ดีไม่รู้ รู้แต่ว่ามีแต่คนรักและเมตตา โดยเฉพาะพ่อคุณ”
       หญิงสาวอึ้ง ถูกสะกิดต่อมปมด้อยอีก
       “คุณพ่อเขาสงสารและสมเพชนายต่างหาก”
       “ก็นั่นแหละ แปลว่ารักและเมตตา”
       “โอ๊ย เมื่อไหร่นายจะเลิกเถียงฉันนะ”
       “เป็นคุณหนูนิสัยดีก่อนสิ แล้วจะไม่เถียง ไม่ย้อน ไม่ด่า แถมพูดดีทำดีด้วยอีกอ่ะ”
       จิตรวรรณอึ้ง
       “ทำได้ป่ะล่ะ...แต่ผมว่าไม่ได้หรอก นิสัยเสียแบบนี้ ขี้แพ้วันยังค่ำ ไม่สงสัยเลย ทำไมไม่มีใครรัก โชคดี...อ้อ...แถวนี้นอกจากงูจะชุมแล้ว...พวกปล้นฆ่าข่มขืนก็เยอะนะ...สวยๆ ขาวๆ หมวยๆแบบนี้ด้วย...โดน”
       ศยามเข้าบ้าน ยังไม่ทันถึงบ้าน จิตรวรรณเดินแซงเข้าบ้านไปแล้ว...
       “อ้าว...คุณ ไม่กลับบ้านแล้วเหรอ”
       “กลับก็โง่สิ”
       ศยามยิ้มขำ
      
       มารศรีที่แต่งตัวจะออกไปข้างนอก เข้ามาหอมแก้มเศก
       “ศรีไปนะ...แล้วจะรีบกลับ”
       “จ๊ะ ไปเถอะ...”
       “แน่ใจนะ ว่าอยู่คนเดียวได้”
       “ผมไม่ได้เป็นอะไร”
       “เป็นห่วงคุณจัง แต่ศรีก็อยากคุยงานกับเทวัญ...คุณศุนี่แย่จัง รู้ว่าคุณไม่ค่อยสบาย ป่านนี้ยังไม่กลับอีก”
       “คงติดงานน่ะ ช่างเถอะ”
       “ค่ะ ไปนะคะ”
       มารศรีเดินออกไป เศกยิ้มอ่อนแรง จะล้มตัวลงนอน มีเสียงมือถือดังขึ้น เศกชะงัก มองไปที่มือถือของตัวเองที่ดังอยู่บนโต๊ะ เศกค่อยๆลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะ หยิบมือถือขึ้นมาดู หน้าจอมือถือ ขึ้นชื่อ“ทนายวิทยา” เศกหน้าเจื่อนลง ความกังวลเข้ามาครอบงำ เพราะต้องมีข้อมูลของมารศรีมารายงานแน่นอน
      
       ศุวิมลเดินเหน็ดเหนื่อยเข้าบ้านมา แม่บ้านเดินออกมา
       “คุณพ่อหลับหรือยัง”
       “ท่านเข้าไปพักผ่อนในห้องแล้วค่ะ”
       “คุณศรีล่ะ”
       “ออกไปได้สักพักใหญ่แล้วค่ะ”
       ศุวิมลไม่พอใจแต่ไม่พูดอะไรต่อ
       “อืม...”
       ศุวิมลจะเดินเข้าข้างใน
       “คุณศุคะ...มีแขกมารอพบค่ะ มาได้สักครู่นี่เองค่ะ”
       “ใคร!” ศุวิมลแปลกใจ
      
       ยอดชายอยู่ในห้องรับแขกกำลังดูรูปถ่ายศุวิมลกับเศก แล้วก็มาหยุดดูที่รูปของเศกและมารศรีที่ถ่ายคู่กันซึ่งติดอยู่กลางบ้าน ศุวิมลเข้ามาไม่พอใจ เห็นยอดชายแล้วใส่ทันที
       “มาได้ยังไง!”
       “ถามลูกศิษย์คุณที่มหาวิทยาลัย”
       “มาทำไม!”
       “ไม่มาแล้วจะรู้เหรอว่าจริงๆแล้วคุณเป็นลูกสาวของคุณเศกแห่งลักชัวรี่คาร์”
       “ฉันถามว่ามาทำไม”
       “ผมก็แค่อยากรู้ว่า...ทำมั้ยทำไมคุณถึงได้ตามติดคุณศยามนักหนา เลยอยากจะมาคุยด้วย...และตอนนี้มันยิ่งทำให้ผมอยากรู้มากขึ้น”
       ศุวิมลตัดบท
       “เชิญออกจากบ้านฉันไปได้แล้ว”
       “คุณกับลักชัวรี่คาร์เกี่ยวข้องอะไรกับคุณดิ่ง”
       “ไม่รู้! ฉันบอกให้ออกไป”
       “ไปก็ได้...แต่...ผมต้องรู้คำตอบให้ได้”
       “เรื่องของนาย”
       ศุวิมลดันหลังยอดชายให้เดินออกไป เศกเดินเข้ามา
       “อะไรกันยัยศุ”
       “คุณพ่อ”
       ยอดชายตกใจทีเห็นเศก
       “คุณเศก...เอ่อ...สวัสดีครับ”
       “คุณเป็นใคร”
       ยอดชายหน้าเสีย ศุวิมลใจหาย กลัวความลับเรื่องศยามเปิดเผย
       “แฟนศุค่ะคุณพ่อ”
       “หือ!” ยอดชายอึ้ง
       “แฟน” เศกแปลกใจ
       “แฟน”
       “ค่ะ แฟน ศุนัดเขามาเปิดตัวกับคุณพ่อ ให้คุณพ่อพิจารณาค่ะ แต่ท่าทางคุณพ่อจะเหนื่อย วันนี้คงไม่สะดวก ศุจะให้เขากลับก่อนนะคะ กลับบ้านค่ะ คุณยอดชาย!”
       ศุวิมลจิกตัวยอดชายออกไปทันที เศกงงๆกับลูกสาว แต่ก็นึกเอ็นดู
source: manager.co.th

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น