วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อ่านละครพริกกับเกลือ ตอนที่ 11

 ศยาม และศุวิมลเปิดประตูเข้ามา โดยที่มารศรีที่แสร้งทำเป็นตกใจเป็นคนเปิดประตูให้ ศยามเห็นเศกนอนหมดสติอยู่บนพื้น กับข้าวของเกลื่อนกระจายแล้วตกใจ
        
       “คุณพ่อ!”
       ศยามและศุวิมลปราดเข้าไปหาเศก มารศรีมองอย่างสาสมใจ ก่อนจะรีบบีบน้ำตา เข้าไปประคองเศก
       “ช่วยคุณเศกด้วย ช่วยด้วยค่ะ”
       ศยามสาละวนประคองเศกลุกขึ้นทันที โดยมีศุวิมลช่วย มารศรีแกล้งเข้าไปช่วย ให้ดิ่งเห็นว่าเธอเป็นห่วงเศกจริงๆ
      
       เช้าวันใหมา...เจตนาเล่าเรื่องเศกให้รัตนาฟัง
       “นายเศกเข้าโรงพยาบาลอาการโคม่า เมื่อคืน”
       รัตนาหน้าเสีย รู้สึกเห็นใจ
       “เพราะอะไรคะ”
       “หัวใจล้มเหลว แล้วก็เส้นเลือดในสมองตีบ”
       “ตายจริง”
       “เธอว่า ฉันไปเยี่ยมนายเศกดีมั้ย”
       “ไม่มีอะไรไม่ดีหรอกค่ะ ในเมื่อท่านไปด้วยมิตรภาพ”
       “เขาจะคิดอย่างนั้นหรือเปล่า”
       “เขาจะคิดยังไงไม่สำคัญ เท่ากับที่เราคิดหรอกค่ะ”
       เจตนามองรัตนาอย่างพึงพอใจ แอบมีแววตาลึกซึ้งฉายชัดออกมา รัตนาอึ้ง หลบตาวูบ แกล้งทำอย่างอื่นทันที
       “นี่ค่ะ ตารางงานของวันนี้ ดิฉันขอตัวไปดูคุณจี๊ดก่อนนะคะ”
       รัตนารีบเกินไป จนเดินสะดุดขาตัวเอง เซ เจตนารับตัวของรัตนาเอาไว้
       “ระวัง คุณ...”
       รัตนาสบตาเจตนาอีก เห็นความห่วงใยที่ชัดเจน ทั้งคู่ตกอยู่ในภวังค์ จิตรวรรณเดินเข้ามาเห็นเข้าพอดี จิตรวรรณตกใจ รีบหลบ รัตนารู้สึกตัว รีบทรงตัว ถอยห่างจากเจตนา
       “ขอประทานโทษค่ะ ดิฉันซุ่มซ่ามจริงๆ ขอตัวนะคะ”
       รัตนารีบเดินออกไป โดยที่รัตนาไม่เห็นจิตรวรรณ เจตนามองตามรัตนา รู้สึกเป็นห่วง จิตรวรรณแอบมองพ่อ...หวั่นใจ ความสัมพันธ์ระหว่างเจตนากับรัตนา
      
       รัตนาเดินเข้ามาในห้องทำงาน รู้สึกโล่งใจ ที่หลุดมาจากภาวะความอึดอัด จิตรวรรณเข้ามา หน้าเข้ม
       “คุณพ่อหาเลขาคนใหม่ได้แล้ว ทำไมไม่ปล่อยให้เขาทำงาน เธอยังไปวนเวียน อีกทำไม”
       รัตนาสะดุ้ง รู้ได้ทันทีว่าจิตรวรรณไม่ไว้ใจ
       “วันนี้เลขาท่าน ลาป่วยค่ะ ดิฉันเลยต้องที่หน้าแทนชั่วคราว”
       จิตรวรรณเพ่งมองรัตนา อ่านความรู้สึก เห็นเพียงใบหน้าที่จริงใจ รัตนารู้สึกอึดอัดมากยิ่งขึ้น
       “ทำไมหน้าซีด”
       “เหรอคะ”
       “นอนน้อยหรือเปล่า”
       “ค่ะ”
       “พักมากๆหน่อย เธอไม่สบาย ใครจะช่วยงานฉัน เครียดอะไรนักหนา”
       จิตรวรรณเดินไปเปิดแฟ้มเอกสารที่โต๊ะ ไม่รู้ไม่ชี้อีกต่อไป รัตนายิ้มๆ รู้สึกดีที่จิตรวรรณเป็นห่วง ในแบบของเธอ ไปทำงานของตัวเองต่อ โดยไม่รู้ว่าจิตรวรรณเหลือบดูอย่างเป็นห่วง...และกังวล
      
       ศุวิมลที่เปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว กำลังจะออกไป ศยามเดินออกมาจากห้อง
       “วันนี้มีสอนเช้าเหรอศุ”
       “ใครจะมีจิตใจไปทำงานได้คะ คุณพ่ออาการหนักขนาดนี้ ศุจะไปอยู่กับคุณพ่อ”
       ศุวิมลน้ำตาไหลด้วยความสงสารเศก ศยามโอบศุวิมลเข้ามาปลอบ
       “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”
       “ไม่เป็นไรเหรอคะ ลุงหมอบอกว่า คุณพ่ออาจจะเป็นอัมพาต”
       “แต่ก็อาจจะไม่เป็น คุณพ่อต้องหาย”
       ศยามจำใจปลอบ ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่แน่ใจว่าเศกจะหาย ศยามพยายามเข้มแข็ง
       “ไปทำงานเถอะไป”
       “แต่...”
       “ศุไป ก็ทำอะไรไม่ได้ ลุงหมอห้ามเยี่ยมเด็ดขาด ไม่เห็นเหรอ ลูกศิษย์ ต้องการศุนะ คนดูแลคุณพ่อท่านมีอยู่แล้ว”
       “ยัยมารศรีน่ะเหรอ ศุไม่ไว้ใจ”
       “อย่างอแงสิ ศุไปไปทำหน้าที่ของศุ ส่วนทางนี้พี่ดูแลเอง ไม่ต้องห่วง”
       ศุวิมลมองหน้าศยาม ก่อนจะยอมแต่โดยดี เดินออกไป ศยามโล่งอกที่ศุวิมลเชื่อฟัง
      
       ศยามเดินเข้ามาที่โต๊ะอาหาร แม่บ้านกำลังเตรียมอาหารเช้า
       “ใครสั่งให้เตรียมอาหารเช้า”
       ศยามถามอย่างแปลกใจ มารศรีเดินเข้ามา หน้าตาสวย ชุดสวย
       “ฉันเองค่ะ”
       ศยามชะงัก มารศรียิ้มให้ศยามอย่างเชิญชวน ก่อนจะหันไปสั่งแม่บ้าน
       “ไปเตรียมของให้ฉันไปเฝ้าไข้คุณเศก ทางนี้ ฉันจัดการเอง”
       “ค่ะ”
       แม่บ้านเดินออกไป มารศรีเดินมาพาศยามไปนั่งที่โต๊ะ เอาใจ ดูแล เหมือนทุกอย่างป็นปกติ
       “นั่งก่อนนะคะ ทานอะไรก่อน แล้วเดี๋ยวเราค่อยไปโรงพยาบาลพร้อมกัน”
       ศยามหน้าเครียด ไม่ไว้ใจมารศรี
       “ตัวแข็งเชียว ไม่เอาน่า ทำตัวสบายๆเถอะ กลัวเหรอ”
       “เปล่า”
       “อย่ากลัวเลย ฉันไม่เคยคิดร้ายกับคุณ ฉันดีใจมากที่รู้ว่าคุณยังมีชีวิต มันทำให้ฉันมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง รู้มั้ยคะดิ่ง”
       มารศรีบรรจงรินกาแฟให้ศยามอย่างเอาใจและมีความสุข ศยามนั่งนิ่ง มองการกระทำของเธออย่างสังเกต
      
       เจตนาชื่นชมจิตรวรรณหลังจากตรวจงาน
       “เก่งมากลูก ผู้หญิงไทยตัวเล็กๆ แต่ทำฝรั่งยักษ์ใหญ่ของวงการรถสวีเดนยอมรับ ให้เราเป็นดีลเลอร์รายเดียวของเขาที่เมืองไทย”
       จิตรวรรณปลื้มมาก ดีใจที่พ่อชม
       “ขอบคุณค่ะคุณพ่อ”
       จิตรวรรณหันไปมองรัตนาที่ยิ้มให้อย่างยินดี ทำให้เธอฉีกยิ้มกว้างไปด้วย...
       “แต่...”
       “อ้าว ทำไมต้องมีแต่ด้วยล่ะคะ จี๊ดเห็นทุกอย่างก็โอเคเพอร์เฟ็กต์ มีอะไรผิดพลาดตรงไหนคะคุณพ่อ”
       “พ่ออยากให้ลูกสัญญาบางอย่างกับพ่อได้มั้ย”
       “ได้เสมอค่ะ จะหลายอย่างก็ได้ จี๊ดไม่เกี่ยง ถ้าทำให้คุณพ่อสบายใจ”
       “จำไว้นะ อย่าเหลิงกับความสำเร็จในวันนี้ เพราะพรุ่งนี้ สิ่งที่เราคิดว่าโอเค เพอร์เฟ็กต์อาจจะกลายเป็นปัญหา”
       “แล้วจี๊ดต้องยังไงคะ”
       “อย่าประมาท ท่องไว้”
       จิตรวรรณอึ้ง หน้าจ๋อย รัตนารีบให้กำลังใจ
       “คุณจี๊ดคะ อย่าเพิ่งเสียกำลังใจนะคะ ท่านพูดในฐานะที่ท่านมีประสบการณ์อยู่ในวงการนี้มานาน”
       “เกมธุรกิจมันพลิกผันได้ตลอดเวลานะลูก จี๊ดต้องฝึกตัวเองให้รับมือกับสิ่งเหล่านี้ให้ได้ นั่นแหละ จี๊ดจึงจะประสบความสำเร็จ”
       “ค่ะคุณพ่อ จี๊ดสัญญา จี๊ดจะทำให้คุณพ่อเห็นความสำเร็จของจี๊ด”
       เจตนายิ้มให้กำลังใจ จิตรวรรณหันไปสั่งรัตนา
       “สั่งประชุมฝ่ายการตลาดให้ฉันหน่อยนะ บ่ายนี้เลย”
       “ค่ะ”
       รัตนารีบออกไป จิตรวรรณบอกกับเจตนา
       “จี๊ดมีเรืองจะต้องคุยกับคุณพ่อค่ะ”
       เจตนาแปลกใจ
      
       ศยามยังนั่งมองอาหารเช้าและกาแฟในถ้วย ไม่แตะ มารศรียังรับประทานอาหารเช้าอยู่อย่างสบายใจ ไม่สนใจสายตาของศยามที่มองมา มารศรียกเครื่องดื่มขึ้นดื่ม
       “ค่อยรู้สึกดีหน่อย ทำไมไม่ทานอะไรเลยล่ะคะ”
       “ผมไม่หิว”
       “เป็นห่วงคุณพ่อ”
       “ใช่ ไม่มีใครกินอะไรลง ยกเว้นคุณ”
       “ฉันคือภรรยาคุณเศก ฉันมีหน้าที่ต้องดูแลเขา ซึ่งไม่รู้จะหนักหนาสาหัสแค่ไหน ฉันต้องทานค่ะ เพื่อความพร้อมของตัวเอง ทำไมอคติกับฉันจัง”
       ศยามอึ้ง คลายยิ้ม มีแผนในใจ ทำให้มารศรีตายใจ
       “ผมขอโทษ ผมอาจจะรู้สึกเครียดมากเกินไป”
       มารศรีเอื้อมมือมาแตะมือศยามอย่างแผ่วเบา
       “อย่าเครียดสิคะ เราเป็นครอบครัวเดียวกัน เราต้องช่วยกัน ฉันจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอ ไม่ทอดทิ้งไปไหน ฉันสัญญา”
       ศยามอึ้ง ค่อยๆชักมือกลับ...
       “ขอบคุณ ที่รู้หน้าที่ของตัวเอง ผมก็จะทำหน้าที่ของผมเหมือนกัน ขอตัว...”
       ศยามลุกขึ้น มารศรีมองตามศยาม อย่างมีความสุข
       “ฉันจะไม่ยอมให้คุณทิ้งฉันไปไหนอีกแล้วเหมือนกัน ฉันลงทุนกับคุณมามากแล้ว”
       มารศรีมุ่งมั่นกับสิ่งที่จะทำต่อไปในอนาคต
      
       เจนนานั่งคุยอยู่กับจิตรวรรณ เขาถามอย่างอารมณ์ไม่ดี หงุดหงิด
       “ทำไมถามพ่อแบบนี้”
       “ในเมื่อจี๊ดอยากรู้คำตอบ จี๊ดก็ต้องถาม คุณพ่อก็ควรจะตอบตามความเป็นจริง”
       เจตนาอึ้ง
       “คุณพ่อคิดยังไงกับรัตนากันแน่”
       “พ่อไม่ได้คิดอะไร ทุกอย่างมันยังเหมือนเดิม”
       “แน่ใจเหรอคะ”
       “แน่ใจเหรอ? แกหมายความว่ายังไง”
       “แต่จี๊ดเห็นสายตาที่คุณพ่อมองรัตนา มันไม่เหมือนเดิมค่ะ”
       เจตนาอึ้ง
       “จี๊ดเข้าใจค่ะ ว่าความรู้สึกของคนเรามันเปลี่ยนกันได้ และจี๊ดก็รู้แล้วว่า รัตนาเป็นคนน่ารักและเป็นคนดี ใครได้อยู่ใกล้ ย่อมเกิดความรู้สึกที่ดีด้วยได้ไม่ยาก”
       เจตนาอึ้ง ไม่ตอบรับ ไม่แสดงออก หากแต่กดดันอยู่ลึกๆ
       “แต่ความรู้สึกบางอย่าง เกิดขึ้นได้ แต่เราจะปล่อยให้มันเติบโตต่อไปไม่ได้หรอกค่ะ คุณพ่อ”
       เจตนาหันมามองจิตรวรรณอย่างเจ็บปวด
       “ทำไมล่ะ”
       “ความจริงกับความฝัน มันอยู่กันคนฝั่งค่ะ”
       จิตรวรรณลุกขึ้น เจ็บปวด เพราะเป็นเรื่องเดียวกับเรื่องของตัวเองเหมือนกัน เจตนาอึ้ง ลงนั่ง...สับสน
      
       จิตรวรรณเดินน้ำตาคลอมาอย่างเร่งรีบ โดยไม่ทันดูทาง แล้วชนเข้ากับร่างของคนๆหนึ่ง พอเงยหน้าขึ้น แล้วก็ตกใจ เพราะเป็นศยาม ในชุดทำงานดูดี ยืนอยู่ มองมาที่จิตรวรรณด้วยความดีใจ เธอเผลอดีใจที่ได้เจอหน้าเขา
       “นายดิ่ง...”
       แต่แล้วศยามก็ทำเมินเฉย
       “ผมมาพบคุณเจตนา”
       จิตรวรรณอึ้ง เปลี่ยนท่าทีเป็นเย็นชาและถือดีขึ้นมาทันที
       “กล้ามากนะคะ ที่มาเหยียบที่นี่ มีธุระอะไรไม่ทราบคะ คุณศยาม”
       “ผมมีธุระกับคุณเจตนา”
       จิตรวรรณไม่พอใจ
       “คุณพ่อไม่อยู่! และคิดว่าท่านคงไม่อยากพบคุณเหมือนกัน”
       เจตนาเข้ามา เห็นศยาม แปลกใจมาก
       “มาพบฉันเหรอ ดิ่ง เชิญสิ”
       จิตรวรรณอึ้ง ศยามยิ้มเย้ยให้...
       “ทีหลัง อย่าคิดแทนคนอื่น เพราะมันไม่ถูกต้องเสมอไปหรอก”
       จิตรวรรณมองศยามอย่างไม่พอใจ ท้าทาย
       “ฉันคิดแทนพ่อฉัน เพราะฉันต้องการปกป้องท่าน จากคนปลิ้นปล้อน เชื่อไม่ได้อย่างนาย”
       ศยามนึกเสียใจที่จิตรวรรณมองในแง่ร้าย แต่ก็ฝืนยิ้ม
       “อย่าตัดสินผม”
       แล้วศยามก็เดินไปยกมือไหว้สวัสดีเจตนา จิตรวรรณหงุดหงิดจะเดินไป เจตนาเรียกไว้
       “เดี๋ยวก่อนจี๊ด”
       “คะ”
       “บอกแม่บ้านให้ช่วยหาเครื่องดื่มมาให้นายดิ่งด้วยนะ”
       “ไม่บอกค่ะ เพราะไม่ให้กิน...เปลือง!”
       จิตรวรรณกระแทกกระทั้นออกไปทันที ศยามมองตาจิตรวรรณยิ้มๆ
       “ยังเหมือนเดิม...อย่าไปถือสาเลยนะ”
       “ผมเข้าใจเธอดีครับ”
       “แต่ฉันไม่เข้าใจเธอเลย ดิ่ง”
       ศยามอึ้ง
      
       มุมหนึ่งโมเดิร์นคาร์...เจ๊ยุพาแอบนินทากับพนักงาน
       “อู๊ย เจ๊ล่ะไม่อยากจะเม้า”
       พนักงานทั้งหมดมองหน้ากัน แล้วจะพากันไปทำงานต่อ
       “แต่เม้าดีกว่า...เพราะเรื่องนี้เด็ดมาก”
       “เด็ดยังไงล่ะเจ๊”
       “คุณดิ่งแห่งลักชัวรี่คาร์มาหาคุณจี๊ดน่ะสิ”
       “หา!”
       พนักงานร้องอกมาพร้อมกันอย่างตกใจ
       “ไม่ต้องไปหา อยู่ในห้องคุณจี๊ด คุยกันกระหนุงกระหนิง มีความสุข นี่ถ้าสองบริษัทยักษ์ใหญ่ได้รวมตัวกัน สงสัย...”
       รัตนาทีมาทันได้ยินถามทันที...
       “สงสัยอะไรคะ เจ๊ยุพา”
       “ก็สงสัยว่า...ว้าย”
       เจ๊ยุพาหันไปเห็นรัตนามายืนหน้าดุอยู่
       “ฉันถามว่าสงสัยอะไร”
       “ลืมไปแล้ว”
       “งั้นก็อย่าลืมว่าตอนนี้เวลาทำงาน ไม่ใช่เวลาเม้าเรื่องส่วนตัวของเจ้านาย”
       ยุพาหน้าเสีย ชักสีหน้าไม่พอใจ รัตนาหันไปบอกพนักงาน
       “บ่ายนี้คุณจี๊ดนัดประชุมกับฝ่ายการตลาด”
       ยุพาหัวเราะเย้ยพนักงาน
       “ฮ่ะๆๆๆ งานหนักหน่อยนะจ๊ะ คุณจี๊ดกำลังไฟแรงก็เงี้ย”
       รัตนาหันมาพูดเรียบๆ
       “แต่ฉันจะเสนอคุณจี๊ดใหม่ว่า ฝ่ายขายก็ควรจะเข้าร่วมด้วย”
       “หา”
       “ตามนี้นะคะ”
       รัตนาเดินออกไป ยุพาไม่สบอารมณ์
       “หมั่นไส้ พอได้เป็นผู้ช่วยคุณจี๊ดเข้าหน่อย ก็ชูคอ ผยองพองขน ฉันก็คนสนิทคุณจี๊ดคนหนึ่งนะยะ...เจ๊ไม่อยากจะเม้าเลยจริงๆ ยัยเนี่ยน่ะ...”
       ยุพาหันกลับมา ไม่เห็นใครแล้ว ทุกคนสลายตัวไปทำงานกันหมด
       “ว้าย!! ไปเมื่อไหร่ ทำไมไม่บอก”
       ยุพาอารมณ์เสียเดินออกไป
       เมื่อเข้าไปนั่งคุยในห้องทำงาน ศยามยื่นเช็คให้เจตนา
       “อะไร”
       “ค่าเสียหาย ที่ผมเคยทำรถของท่านพังครับ”
       “เธอไม่ได้ทำมันพัง มันเกิดจาดอุบัติเหตุที่เธอไม่ได้ตั้งใจ”
       “แต่เป็นความเลินเล่อของผม”
       “แล้วถ้าเธอไม่ใช่คุณศยาม ทายาทของนายเศก เธอจะชดใช้ฉันยังไง”
       ศยามอึ้ง
       “ฉันไม่รับ”
       “ผม...เอ่อ...ครับ...ขอบพระคุณมากครับ”
       ศยามยกมือไหว้
       “แน่ใจเหรอ ว่ามาเพราะเรื่องนี้ ไม่ได้อยากมาหายัยจี๊ด”
       ศยามอึ้ง อาย แต่พยายามปกปิด
      
       จิตรวรรณเดินไปเดินมาดื่มกาแฟอยู่ พล่านเรื่องที่ศยามมา แม่บ้านกำลังเตรียมเครื่องดื่ม
       “เตรียมให้ใคร”
       “แขกท่านประธานค่ะ”
       “ไม่ต้องเอาไป”
       “แต่...”
       “ฉันสั่ง ว่าไม่ต้องไง”
       “ค่ะ”แม่บ้านกลัวๆ
       “ไปได้แล้ว”
       แม่บ้านรีบออกไป จิตรวรรณมองถ้วยกาแฟ คิดทำอะไรบางอย่าง
      
       ยุพาเดินหงุดหงิดมา ทันใดนั้นก็เจอเทวัญยืนขวางหน้า หน้าเข้ม
       “ว้าย คุณเทวัญ!”
       เทวัญมองมาที่ยุพา เต็มไปด้วยคำถาม
       “เธอเห็นเหรอว่าไอ้ดิ่งมันมาหาน้องจี๊ด”
       “เอ่อ...”
       ยุพาหน้าซีด ถอยกรูด
      
       เจตนาจ้องหน้าศยาม ที่นั่งนิ่ง
       “ว่าไง...”
       “ผมไม่ได้มาแค่เรื่องเช็ค ผมจะมาเรียนท่านเรื่องคุณพ่อด้วยครับ”
       “ปากแข็ง...แล้วพ่อเธอเป็นยังไงบ้าง”
       “ท่าน...เป็นอัมพาตแล้วครับ”
       “อะไรนะ”
       “คุณลุงหมอเพิ่งบอกผมเมื่อเช้า ตอนนี้ผมเลยต้องเข้ามาดูแลธุรกิจแทนท่านอย่างเต็มตัว”
       “ฉันเสียใจด้วย”
       “ขอบพระคุณครับ”
       “แล้วไม่กลัวพ่อเธอจะไม่พอใจหรือไง ที่มาคุยกับฉันแบบนี้”
       “ไม่กลัวครับ ผมตั้งใจจะทำธุรกิจโดยการสร้างพันธมิตร ไม่ใช่ศัตรูหรือคู่แข่ง นี่จะเป็นโอกาสให้ผมได้พิสูจน์กับท่านว่า...ผมคิดไม่ผิด”
       เจตนามองศยามอย่างพึงพอใจ เสียงเคาะประตูดังขึ้น
       “เข้ามา”
       จิตรวรรณถือถ้วยกาแฟเข้ามา ทั้งศยามและเจตนาแปลกใจ จิตรวรรณเดินมาวางถ้วยกาแฟบนโต๊ะตรงหน้าศยาม ยิ้มกว้างมากว่าที่ควรจะเป็น จนศยามรู้สึกสยองและได้กลิ่นความผิดปกติ
       “กาแฟค่ะ คุณศยาม”
       “จี๊ด...พ่อว่า...จี๊ด...”
       ยังไม่ทันที่เจตนาจะพูดจบ จิตรวรรณก็แกล้งเขี่ยถ้วยถาแฟ หกใส่ศยามทันที
       “ว้าย..ขอโทษด้วยค่ะ...”
       เจตนาส่ายหน้า
       “น่านไง....เฮ้อ...”
       ศยามมองจิตรวรรณ ตาเขียวปั๊ด จิตรวรรณไม่รู้ไม่ชี้...
       “ไม่ได้ตั้งใจอ่ะค่ะ แต่จงใจ ไม่มีกาแฟให้ทานแล้ว กลับได้แล้วนะคะ เชิญ!”
       จิตรวรรณผายมือให้ศยาม มองศยามอย่างท้าทาย
       “จี๊ด” เจตนาพยายามปราม
       “จี๊ด...”
       จิตรวรรณไม่สนใจพ่อ ยังตั้งหน้าตั้งตาไล่ศยาม
       “เชิญ”
       “ได้...”
       ศยามหันไปลาเจตนา
       “ผมลาล่ะครับ...”
       แล้วหันมาสั่งจี๊ด
       “แต่จะไม่ไป ถ้าคุณไม่ไปส่ง”
       “นี่!”
       ศยามหันไปถามเจตนา
       “หลังจากที่เสียมารยาทกับผมไปแล้ว คุณจี๊ดควรจะแก้ตัวด้วยการเดินไปส่งผม ใช่มั้ยครับท่าน”
       “ใช่...เชิญ...”
       จิตรวรรณอึ้ง...ไม่พอใจที่เจตนาเข้าข้างศยาม..จำใจ
       “เชิญ...”
       จิตรวรรณกระแทกเท้าเดินนำศยามออกไป ศยามเดินตามไปยิ้มๆ เจตนามองตามศยามกับจิตรวรรณ เผลอยิ้มอย่างพอใจ
       จิตรวรรณเดินนำศยามมาตามทางเดิน ศยามรีบเร่งฝีเท้าขึ้นมาเดินเคียงคู่
       “ออกไปเดินห่างๆ”
       “ทางมันแคบ”
       จิตรวรรณแยกตัวไปเดินห่างๆเอง แต่เขากลับดึงตัวเธอเข้ามาประชิด
       “เอ๊ะ นายดิ่ง”
       “ผมกลัวคุณจะไปชนเสานั่น”
       ศยามชี้ไปข้างหน้า เสาขวางทางจิตรวรรณอยู่
       “คิดว่าผมอยากจะแตะเนื้อต้องตัวคุณมากนักหรือไง”
       จิตรวรรณมองศยาม ท้าทาย
       “หรือไม่อยาก”
       ศยามอึ้ง หน้าแดง
       “ว่าไง”
       ศยามรีบปล่อยตัว
       “ผู้หญิงอะไร หน้าไม่อาย”
       “ฉันไม่อาย เพราะไม่งั้น ฉันก็อด”
       “อดอะไร”
       “อดรู้ความจริงที่อยู่ในใจของนาย”
       “ความจริงในใจของผมเหรอ อยากรู้มากนักใช่มั้ย”
       ศยามก้าวเข้าหาจิตรวรรณที่ถอยกรูด
       “อย่าทำอะไรบ้าๆที่นี่นะ”
       “ก็คุณอยากรู้ ผมก็จะให้ดู อย่าหนีสิ”
       ทันใด มารศรีเข้ามาควงแขนศยามทันที
       “ทำอะไรกันคะ คุณจี๊ด...ดิ่ง”
       จิตรวรรณไม่พอใจ
       “ฉันทำอะไร ไม่น่าสนใจเท่ากับที่ว่า แม่เลี้ยงทำแบบนั้นกับลูกเลี้ยงได้ยังไง ไม่อายฟ้าอายดิน”
       source: manager.co.th

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น