วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อ่านละครนางสิงห์สะบัดช่อ ตอนที่ 13

 พอกำนันศรพร้อมด้วยเบิ้มกลับมาถึงบ้าน ก็เจอกับยอดซึ่งนั่งรอฟังข่าวอยู่ที่โซฟาในห้องรับแขก สภาพยอดนั่งขากางมีผ้าพันแผลทับขาที่แทงตัวเองไว้แล้ว
      
       “ไอ้ยอด เอ็งเป็นยังไงบ้าง
       “เจ็บแค่นี้ไม่เท่าไหร่พ่อกำนัน เรารีบไปช่วยคุณวาสนากันเถอะ” ยอดบอกอย่างแค้นใจ
       กำนันศรปราม “เอ็งอย่าใจร้อน เรื่องนี้ถ้าบุ่มบ่ามไป วาสนาจะมีอันตราย”
       “แล้วจะรอเฉยๆ เหรอพ่อกำนัน” เบิ้มเองก็คาใจ
       “งานนี้มันต้องเกลือจิ้มเกลือถึงจะหายแค้นไอ้เบิ้ม แต่ก่อนอื่นข้าต้องรู้ให้ได้ ว่าพวกมันบุกเข้ามาในบ้านข้าได้ยังไง”
      
       ครู่ต่อมาลิ้นจี่กำลังตอบคำถามของกำนันศรภายในห้องครัว
       “ก็นั่นน่ะสิพี่กำนัน ชั้นเองก็สงสัยอยู่เหมือนกันเนี่ย จำได้แต่ว่าตอนเข้าครัว ชั้นได้กลิ่นอะไรเหม็นๆ แล้วหลังจากนั้นก็สลบไปเลย”
       กำนันศรดักคอ “อะไรจะบังเอิญปานนั้นวะนังลิ้นจี่ วันดีคืนดีเอ็งตื่นเช้าปุ๊บ คนร้ายก็บุกมาปั๊บ”
       “เอ๊ะพี่กำนัน พูดแบบนี้ แปลว่าพี่ไม่เชื่อใจชั้นเหรอ” ลิ้นจี่เบ้หน้า พร้อมแสร้งบีบน้ำตา “ก็เอาสิ เอาเลย ถ้าพี่ไม่เชื่อใจชั้น ไม่รักชั้นแล้ว ก็ไล่ชั้นออกจากบ้านไปเลย ชั้นไม่อยู่ด้วยแล้ว”
       ลิ้นจี่ร้องห่มร้องไห้วิ่งออกจากครัวไป เบิ้มที่ยืนเฝ้าอยู่มองตาม ก่อนจะหันมามองกำนันศร
       “เอ็งจับตานังนี่ไว้ไอ้เบิ้ม ถ้ามีอะไรให้รายงานข้า”
       “จ้ะ พ่อกำนัน”
       กำนันศรมองตามลิ้นจี่ไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
      
       ที่หลังบ้านครูเพิ่มเวลาเดียวกัน ย้งกำลังง้อเก่งอย่างเอาเป็นเอาตาย
       “นะไอ้เก่ง ช่วยข้าสักครั้งเถอะวะ ถือว่าเห็นแก่คุณวาสนาก็ได้ข้ารู้ว่าข้าผิด แต่ข้าทำไปเพราะความรักจริงๆ นะโว้ยงานนี้ถ้าเอ็งไม่ช่วยข้า ข้าต้องตายแน่ๆ”
       เพ็ญพรโผล่มาเอาเรื่อง “อย่าช่วยเค้านะเก่ง คนเห็นแก่ตัวแบบนี้ ปล่อยให้ตายไปเถอะ”
       ย้งไม่ค่อยเชื่อใจเพ็ญพรแต่แรก ยิ่งไม่พอใจ “นี่คุณเพ็ญพร คุณพูดดีๆ นะ อย่าชักใบให้เรือเสีย”
       เพ็ญพรแดกดันต่อ “มันเสียตั้งแต่ตอนนายแหกกฎแล้วนายย้ง พวกเราทุกคนร่วมมือกันปล้นเสี่ยเล้งก็เพื่ออุดมการณ์ เพื่อขัดขวางคนชั่วแต่ว่านาย นายมันเอาแต่ได้”
       ย้งเซ็งสุดๆ “เออ ไอ้ย้งมันเลว ไอ้ย้งมันไม่ดี แต่ว่าคุณวาสนาเค้าไม่รู้อะไรด้วย ช่วยเค้าหน่อยไม่ได้หรือไง”
       เพ็ญพรบอกอีก “ยัยนั่นเป็นลูกของกำนันศร ลูกของศัตรูที่ฆ่าพ่อแม่ชั้นทำไมต้องช่วยมัน”
       เก่งฟังแล้วอึ้ง “คุณบัว”
       ย้งฉุนขาด ของขึ้นเต็มองค์แล้ว ด่าไม่ไว้หน้า “นี่คุณ.. คุณมันเลวยิ่งกว่าผมซะอีก หนอย อุดมการณ์งั้นเหรอ คุณทำทุกอย่างเพื่อแก้แค้น คอยดูนะถ้าผมรอดกลับมาได้เมื่อไหร่ผมจะแฉให้หมด ว่าคุณเป็นลูกสาวของผู้ใหญ่ทอง”
       เก่งตกใจ “ไอ้ย้ง!”
       เพ็ญพรชักปืนเล็งใส่หน้าย้งทันที เก่งรีบปราดออกมาขวางเอาไว้
       “อย่าคุณบัว อย่าทำแบบนี้”
       “หมอนี่เป็นตัวปัญหา ชั้นต้องฆ่ามัน” เพ็ญพรเสียงแข็ง
       “ถ้างั้นก็ข้ามศพแก้วไปก่อน แก้วไม่ยอมให้ใครทำร้ายเพื่อนของแก้วเด็ดขาด”
       เพ็ญพรโมโหมาก “แก้ว”
       “รีบไปซะไอ้ย้ง แล้วจำไว้ว่าห้ามปากโป้งเด็ดขาดไม่อย่างนั้น ชั้นนี่แหละจะฆ่าแกกับมือ”
       ย้งฮึดฮัดมองจ้องหน้าเพ็ญพรก่อนจะจากไป ทิ้งให้เก่งกับเพ็ญพรเผชิญหน้ากัน ที่สุดเพ็ญพรก็ลดปืนลง
      
       ที่หน้ากระท่อมร้างกลางป่าเปลี่ยว สถานที่คุมขังตัววาสนา ซึ่งตั้งอยู่ห่างไกลผู้คน จำเริญเดินทางมาถึง และเจอกับสมุนหลายคนที่เฝ้าเวรอยู่
       “คุณวาสนาเป็นยังไงบ้าง”
       “ยังเงียบอยู่เลยครับเสี่ยน้อย สงสัยยังไม่ฟื้น” สมุนรายงาน
       จำเริญยิ้มกริ่มพลางมองเข้าไปในกระท่อม
      
       วาสนานอนหมดสติอยู่ ข้างตัวมีจานอาหารกับแก้วน้ำวางทิ้งไว้ที่บริเวณหัวนอน ท่าทางสมุนของจำเริญคงยกอาหารมาวางทิ้งไว้ก่อนที่เธอจะฟื้น
       จำเริญเปิดประตูเข้ามาในกระท่อม วาสนาเริ่มรู้สึกตัว พอเห็นจำเริญเดินเข้ามามองเธอก็ตกใจลุกขึ้นนั่ง
       “พี่จำเริญนี่มันเกิดอะไรขึ้น แล้วชั้นมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
       “ไม่ต้องกลัววาสนา พี่รับรองว่าคุณจะต้องปลอดภัย” แววตาจำเริญกรุ้มกริ่มเริ่มวาดลีลาจอมเจ้าชู้ “ขอแค่อย่าขัดใจพี่ก็พอ”
       จำเริญเอื้อมมือมาจะจับบ่าวาสนา วาสนาเห็นเข้าก็รีบถอยหลังไปยืนที่มุมห้อง
       “ถอยไปนะ อย่าเข้ามา”
       “ทำไมจ๊ะ ถ้าพี่ไม่ยอมวาสนา วาสนาจะทำอะไรพี่ จะฟ้องพ่อกำนันเหรอ”
       จำเริญพูดลากเสียงยิ้มขำๆ แล้วสืบเท้าตามเข้าไปใกล้ๆ วาสนาเหลือบเห็นจานข้าวกับแก้วน้ำที่วางอยู่ ก็รีบคว้าจานข้าวปาใส่จำเริญแต่จำเริญหลบทัน วาสนาหันไปคว้าแก้วน้ำมาอีก
       “อ๊ะๆ เอาเลย ปาเลยสิจ๊ะ จ้างก็ปาไม่ถูก”
       จำเริญทำหน้าล้อยั่ว วาสนาเปลี่ยนใจปาแก้วลงพื้นจนแตก เล่นเอาจำเริญชะงักด้วยความงุนงง ก่อนที่วาสนาจะหยิบเศษแก้วขึ้นมาขู่เสียงแข็ง
       “ชั้นบอกว่าอย่าเข้ามา”
       จำเริญหัวร่อ “โธ่ถัง คิดเหรอว่าพี่จะกลัวเศษแก้วแค่นี้ ยอมพี่ดีๆ เถอะวาสนา เราจะได้เป็นทองแผ่นเดียวกัน”
       วาสนายิ้มเหี้ยม ก่อนจะขยับเศษแก้วจ่อที่คอตัวเอง
       “ก็เอาสิ ถ้าแกอยากมีเมียเป็นผี ก็เข้ามาเลยชั้นยอมตาย แต่ไม่ยอมเสียท่าให้แกเด็ดขาด”
       จำเริญตกใจ รีบตะล่อม “เอ่อ ใจเย็นๆ ก็ได้จ้ะวาสนา พี่แค่ล้อเล่น พี่ไม่ทำอะไรหรอก วางเศษแก้วลงก่อนเถอะ”
       วาสนาตะเพิด “ออกไป ออกไปให้พ้น”
       จำเริญตาเหลือก “จ้ะๆ ไปเดี๋ยวนี้แหละ วาสนาอย่าทำอะไรโง่ๆ นะ”
       จำเริญจำยอมล่าถอยออกไปอย่างลนลาน วาสนาลดเศษแก้วลงอย่างโล่งอก
      
       ด้านธัมโมนั่งอยู่ในห้องนอนที่บ้านพัก สักครู่หนึ่งได้ยินเสียงขลุ่ยของนางสิงห์กังวานไปทั่ว ธัมโมสะดุ้งตื่น โผมาดูที่หน้าต่าง
       “นางสิงห์”
      
       ไม่นานต่อมา นางสิงห์หันหน้ามาคุยกับธัมโม ทั้งสองนัดเจอกันที่บ้านผู้ใหญ่ทองเช่นเคย
       “ชั้นยอมรับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนายย้งเองก็มีส่วน แต่คนที่ลงมือปล้นคือชั้น ไม่ใช่เค้า”
       “เรื่องนั้นไว้ค่อยว่ากันทีหลัง ตอนนี้ที่ชั้นเป็นห่วงก็คือความปลอดภัยของคุณวาสนา”
       “บ่ายนี้นายย้งจะเอาเงินไปไถ่ตัวคุณวาสนาที่ชายป่าทางทิศใต้ของหมู่บ้าน ชั้นกะว่าจะสะกด
       รอยตามเค้าไป แล้วถ้าเจอที่ซ่อนคุณวาสนาเมื่อไหร่ จะส่งข่าวบอกผู้กอง”
       “ก็ได้ ถ้างั้นชั้นจะรีบเตรียมคนเอาไว้”
      
       ดนัยเกรี้ยวกราดใส่ธัมโมต่อหน้าเพ็ญพร เมื่อทราบคำขอของเขา
       “ไม่ ผมไม่อนุญาตเด็ดขาด! เราเป็นตำรวจนะผู้กองเรื่องอะไรต้องทำตามแผนของโจร”
       “ผมทราบครับสารวัตร แต่งานนี้ความปลอดภัยของคุณวาสนาต้องมาก่อน”
       “ผมไม่เห็นด้วย ถ้าคุณอยากอยู่ข้างนางโจรนั่น ก็เชิญตามสบายแต่อย่าลืมนะ ว่าผมเคยรายงานเรื่องนี้กับทางเบื้องบนไปแล้ว อีกไม่นานคุณต้องเจอดีแน่”
       ธัมโมไม่หวั่นสักนิด “เชิญครับสารวัตร ผมขอแค่อย่างเดียวอย่าให้เสี่ยเล้งรู้เรื่องนี้ก็พอ ไม่อย่างนั้นผมจะรายงานเรื่องสารวัตรกับเสี่ยเล้งเหมือนกัน”
      
       ดนัยโกรธจัดชี้หน้าด่าอย่างบันดาลโทสะ “ไอ้ธัมโม”
ธัมโมกลับห้องทำงาน ตระเตรียมอาวุธทั้งปืนยาวปืนสั้นเพื่อรับมือกับคนร้าย อย่างขันแข็ง
       
       โอฬารถามขึ้นด้วยความสงสัย “ผู้กองครับ นี่ผู้กองเอาจริงเหรอครับ”
       “ฉายเดี่ยวแบบนี้ มีสิทธิ์เจอไข้โป้งได้นะครับผู้กอง” ไชโยห่วง
       “หมู่จ่าจะไปกับผมรึเปล่า”
       ไชโยลำบากใจ “เอ่อ ก็อยากไปอยู่หรอกครับ แต่สารวัตรสั่งว่า…”
       ธัมโมตัดบท “ช่างเถอะ ผมเข้าใจ ถ้าเกิดอะไรขึ้น ช่วยทำบุญกรวดน้ำให้ผมด้วยละกัน”
       ธัมโมแบกปืนจะออกไปจากห้อง โอฬารนึกอะไรขึ้นได้
       “เอ่อเดี๋ยวก่อนครับผู้กอง ผมมีแผนสำรองครับ”
       ธัมโมหันมา “แผนอะไรเหรอหมู่”
       “ผมรู้ครับว่าผู้กอง จะหากำลังเสริมได้จากที่ไหน”
       ธัมโมขยับรอฟังอย่างสนใจ
      
       สักครู่หนึ่งธัมโมแบกอาวุธมาขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที เพ็ญพรเดินตามออกมาดูอย่างใช้ความคิด
       กำนันศรเดินลงบันไดบ้านมาเผชิญหน้ากับธัมโม ท่ามกลางยอด เบิ้มและสมุนที่รายล้อม
       “นางสิงห์จะช่วยลูกสาวผม ผู้กองแน่ใจเหรอ” กำนันศรคลางแคลงใจ
       “ครับ เรื่องนี้เกี่ยวพันกับหลายฝ่ายด้วยกัน ที่สำคัญคุณหมอวาสนาเป็นคนดี นางสิงห์ไม่ต้องการให้เธอเดือดร้อน”
       “ก็ได้ ถ้างั้นผมจะไปกับผู้กอง” กำนันศรสั่งการ “ไอ้ยอด ไอ้เบิ้ม เตรียมคน เตรียมอาวุธ
       บุกชิงตัววาสนา”
      
       ที่หลังบ้านเถ้าแก่ตง มีต้นมะพร้าวต้นหนึ่งยืนต้นอยู่ริมคลอง โคนต้นมีวัชพืชปกคลุมรกรุงรังจนดูไม่ออกว่ามีเชือกเส้นหนึ่งผูกอยู่ที่โคน ต้นมะพร้าว
       ย้งแกะเชือกเส้นนั้นออกแล้วสาวเอาถังพลาสติกที่ถ่วงน้ำไว้ขึ้นมา ย้งมองซ้ายแลขวาก่อนจะลากเอาถังพลาสติกนั้นขึ้นมาบนฝั่ง
       ถังพลาสติกหลายใบถูกเปิดฝาทิ้งไว้ ย้งเอาเงินที่บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกกันน้ำมาแพ็คใส่กระเป๋าเดินทางได้ถึงสองใบเขื่องด้วยกัน
       “เอาวะไอ้ย้ง ตายเป็นตาย งานนี้ต้องช่วยคุณวาสนาให้ได้”
       ย้งรูดซิปกระเป๋าแล้วยกขึ้นสะพาย แต่แล้วก็เจอเถ้าแก่ตงที่มาเห็นเข้าพอดี
       “อาย้ง ป๊ามีเรื่องจะถามลื้อ”
       ย้งนิ่วหน้า “โธ่ป๊า หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ยังจะถามอะไรอีก เอาไว้ก่อนเถอะ”
       ว่าแล้วย้งแบกเงินเดินหนีไป เถ้าแก่ตงมองตามหลังก่อนจะร้องออกมาอย่างสุดกลั้น
       “อั้วแค่อยากรู้ ว่าลื้อไปปล้นเค้ามาใช่มั้ย”
       ย้งชะงักกึก
       เถ้าแก่ตงพูดต่อ “ลื้อเป็นโจร.. ลื้อเป็นโจรใช่มั้ยอาย้ง”
       ย้งหันมาหาพ่อ “อาป๊า”
       เถ้าแก่ตงครวญต่อ “ป๊าเสียพี่สาวลื้อไปคนนึงแล้ว นี่ยังต้องมาเสียลื้อไปอีกป๊าทำอะไรผิด ป๊าเลี้ยงพวกลื้อไม่ดีตรงไหน ทำไมพวกลื้อถึงทำกับป๊าแบบนี้”
       ย้งได้แต่เงียบไป ขณะที่เถ้าแก่ตงยังฟูมฟายต่อ
       “ก่อนที่อาม้าของพวกลื้อจะตาย อีสั่งเสียกับอั้ว บอกให้อั้วเลี้ยงดูพวกลื้อให้ดี อีบอกว่ารวยจนอีไม่ว่า ขอให้พวกลื้อเป็นคนดี อีก็พอใจแล้ว แต่อั้ว..อั้วทำไม่ได้ อั้วมันไม่เอาไหน อั้วมันไม่เอาไหน”
       เถ้าแก่ตงนั่งลงกับเก้าอี้อย่างหมดแรง ย้งรู้สึกสงสารพ่อเต็มกำลัง มันทิ้งกระเป๋าเงินก่อนจะเดินมาคุกเข่าตรงหน้าเถ้าแก่ตง
       “อาป๊า อั้วผิดไปแล้ว อั้วไม่ดีเอง แต่อั้วสาบาน ถ้าจัดการกับเรื่องนี้ได้เมื่อไหร่ อั้วจะกลับตัว อั้วจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ อั้วจะไม่เป็นโจรอีกแล้ว ลื้อเชื่ออั้วนะอาป๊า”
       เถ้าแก่ตงพยักหน้าทั้งน้ำตา สองพ่อลูกกอดคอกันร้องไห้
      
       นางสิงห์เพิ่งกระโจนลงมาถึงพื้นก่อนจะวิ่งมุ่งหน้าไป ขณะที่นางสิงห์กำลังวิ่งมุ่งหน้าไปยังจุดนัดนั้น ก็มีใครบางคนยิงหน้าไม้เข้าใส่เธอ
       ลูกศรพุ่งเข้าใส่นางสิงห์ แต่นางสิงห์พลิกตัวหลบอย่างรวดเร็ว ลูกศรพุ่งไปปักฉึกที่ต้นไม้
       นางสิงห์ชะงักมองลูกศร เห็นมีคราบเลือดติดอยู่ที่ พร้อมกับกวาดตามองหาศัตรูที่ดูเหมือนจะซ่อนอยู่หลังต้นไม้
       “นั่นใคร”
       เพ็ญพรส่งเสียงออกมา “คนเค้าว่าเลือดหมาดำล้างอาถรรพ์ได้ สงสัยจะจริงล่ะมั้ง”
       เก่งตกใจคาดไม่ถึง “คุณบัว”
       เพ็ญพรปรากฏตัวขึ้นพร้อมหน้าไม้ในมือ “อยากรู้เหมือนกัน ว่าเธอหนังเหนียวจริงรึเปล่า”
       “เราไม่ได้เป็นศัตรูกันนะคุณบัว ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย”
       “ตราบใดที่นายย้งยังไม่ตาย เค้าต้องแฉเรื่องของเราแน่ เธอควรปล่อยเค้าไปซะ”
       “แต่เค้าเป็นเพื่อนของชั้น”
       เพ็ญพร ยกหน้าไม้ขึ้นเล็ง “ชั้นทำเพื่อเราอยู่นะแก้ว ทำเพื่อปกป้องเธอกับชั้น”
       นางสิงห์มองหน้าไม้ชุบเลือดหมาดำอย่างพรั่นพรึง เธอไม่เคยลองเหมือนกันว่าจะหนังเหนียวได้แค่ไหน
      
       ธัมโมอยู่กับกำนันศรพร้อมสมุนที่หน้าเรือนบ้านกำนัน ทุกคนมีอาวุธครบมือ รออยู่ที่รถพร้อมเดินทาง
       “ทำไมนางสิงห์ยังไม่ติดต่อมาอีก หรือว่าจะเบี้ยว”
       “ไม่หรอกครับ นางสิงห์ไม่เคยผิดคำพูด”
       “ฮึ เป็นตำรวจแท้ๆ แต่ดันเชื่อโจร มิน่าบ้านเมืองถึงได้วุ่นวาย” ยอดเย้ย
       “ถึงเป็นโจรแต่ก็มีสัจจะ ยังดีกว่าเป็นคนของทางการ แต่ไม่ซื่อตรงต่อหน้าที่” ธัมโมว่า
       แทงใจดำกำนันศรจังๆ “ไอ้ยอด เอ็งเงียบเถอะวะ ก่อนที่มันจะพาดพิงมาถึงข้า”
       ยอดมองธัมโมฉุนๆ
      
       เวลาเดียวกันย้งยืนสะพายกระเป๋าเงินหนักอึ้ง มือหนึ่งล้วงกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ตอย่างลุ้นระทึก สักครู่มิ่งก็ขับรถมาจอด
       “ว่าไงไอ้ย้ง”
       “ไอ้มิ่ง ข้านึกแล้วว่าต้องเป็นพวกเอ็ง” ย้งแค้นนัก
       มิ่งยิ้มเยาะ “เอาเงินมารึเปล่า”
       ย้งขยับกระเป๋านิดหนึ่ง มิ่งบุ้ยหน้าให้สมุนลงจากรถไปเอา ย้งรีบถอยพร้อมกับขยับมือที่ซุกอยู่ในกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ต
       “อ๊ะๆ ขอเจอคุณวาสนาก่อน ไม่อย่างนั้นได้วอดวายกันหมดแน่”
       มิ่งขำก๊าก “เอ็งพกอะไรมาวะไอ้ย้ง มีดโกนเหรอ”
       ย้งไม่ตอบ แต่สีหน้าเอาจริง
       “ก็ได้ คุณจำเริญเค้าก็อยากพบเอ็งอยู่เหมือนกัน” มิ่งบุ้ยหน้า “ขึ้นรถ”
      
       ลูกศรพุ่งปักฉึกที่ต้นไม้ ขณะที่เก่งวิ่งหลบหาที่กำบัง “คุณบัว พอซะทีเถอะ แก้วรีบอยู่นะ”
       “ขอโทษด้วยนะแก้ว แต่ชั้นไม่ยอมให้เธอไปช่วยนายย้งเด็ดขาด ถ้าเธอไม่อยากตายก็กลับไปซะ”
       นางสิงห์นิ่งงันอย่างใช้ความคิด ทางฝ่ายเพ็ญพรเองก็ยกหน้าไม้ขึ้นเล็งเพื่อดักรอ นางสิงห์วิ่งออกมาจากที่กำบัง เพ็ญพรยกหน้าไม้เล็งตามไป ก่อนจะเหนี่ยวไกยิง ลูกศรพุ่งเข้าหาร่างของนางสิงห์
       ที่นางสิงห์ล้มคว่ำไป
       เพ็ญพรตกใจมาก “แก้ว” รีบทิ้งหน้าไม้แล้ววิ่งมาดูนางสิงห์ที่นอนฟุบอยู่
       “แก้ว ชั้นขอโทษ ชั้นไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ แก้ว”
       เพ็ญพรพลิกตัวนางสิงห์หันมา แล้วพบว่าที่แท้ลูกศรไม่ได้โดนตัว แต่ถูกนางสิงห์กุมเอาไว้
       “นี่เธอ”
       นางสิงห์ฟาดสันมือใส่ก้านคอของเพ็ญพร จนร่างเพ็ญพรร่วงไปกองกับพื้น
       “ขอโทษนะคุณบัว แก้วก็ไม่อยากทำแบบนี้เหมือนกัน”
       เพ็ญพรหมดสติ นางสิงห์รีบมองไปทางหนึ่งจุดหมาย
      
       มิ่งและสมุนกำลังขับรถพาย้งเข้าไปในป่าลึก มิ่งมองที่กระจกหน้ารถและสังเกตเห็นย้งกุมของในกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ตตลอด เวลา ท่าทางระแวดระวังเต็มที่ มิ่งได้แต่ครุ่นคิดสีหน้าเจ้าเล่ห์ว่าจะหาทางเล่นงานย้งได้ยังไง
      
       ยินเสียงขลุ่ยผิวดังกังวานมาแต่ไกล ธัมโมเดินมาเงี่ยหูฟังรำพึงเบาๆ “นางสิงห์”
       กำนันศรมองอยู่ “ว่าไงผู้กอง”
       “นายย้งออกเดินทางแล้วครับ มุ่งหน้าเข้าไปในป่าทางใต้ตอนนี้นางสิงห์กำลังแกะรอยอยู่”
       “ถ้างั้นพวกเราก็รีบตามเถอะ”
       ยอดสั่ง “ทุกคนขึ้นรถ”
       ธัมโมและพวกกำนันศรเริ่มออกเดินทาง
source: manager.co.th

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น