วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อ่านละครรักเกิดในตลาดสด ตอนที่ 12 วันที่19 ส.ค. 55

สดศรีกับณดาสองแม่ลูกพากันไปที่ห้างเวรี่แฮปปี้ ถูกยามกันไว้ไม่ให้เข้าไปในบริเวณส่วนออฟฟิศ แต่เป็นจังหวะที่รัศมีไปสั่งงานเสร็จจะเดินกลับห้องทำงาน จึงเจอสองแม่ลูกเข้าอย่างจัง

รัศมีถามว่าจะมาหาเรื่องอะไรกันอีก สดศรีพูดอย่างสงบเยือกเย็นว่า ตนไม่ได้มาหาเรื่องแต่จะเอาเงินมาให้ต่างหาก ขณะที่รัศมีงงๆ อยู่นั้น สดศรีเอาเงินออกมาสะบัด

“ก็เงินสกปรกที่พวกเธอเอาไปซื้อนายจะเด็ดไง” พูดแล้วปาเงินไปที่โต๊ะ “เอาคืนไป”

ศักดิ์ ชายแก้ต่างให้แม่ว่านั่นควรเรียกว่าสินน้ำใจ ซ้ำขู่สดศรีว่าพูดอะไรลอยๆ ออกมาโดยไม่มีหลักฐานเขาเรียกว่าปรักปรำ สดศรีไม่สนใจ พูดให้พวกรัศมีเจ็บใจยิ่งขึ้นว่า

“ขอบใจมากๆ นะกับแผนชั่วของพวกเธอ เพราะมันทำให้ฉันได้นายจะเด็ดคนใหม่ที่กลับตัวกลับใจมาทำความดี แถมนายจะเด็ดยังได้ลูกชายคนใหม่ที่น่ารักกลับมาอีกด้วย”

“ที่สำคัญ...เรื่องที่เกิดขึ้นมันทำให้คนในตลาดรักกันเหนียวแน่นมากขึ้น แล้วก็มีพลังพร้อมที่จะทำ

ทุกอย่างให้ตลาดรุ่งเรือง” ณดาแทรกขึ้น สดศรีบอกให้เตรียมรับมือกับการบดขยี้ต่อไป คราวนี้ห้างเวรี่แฮปปี้ได้กลายเป็นเวรี่แซดแน่ๆ

พอสดศรีกับณดากลับไป รัศมีก็อาละวาดด่า

ชายศักดิ์ที่ไม่จัดการกับสดศรีจนกล้ามาเหยียบหน้าเราถึงบ้าน หาว่าชายศักดิ์ยอมแพ้เมียเก่า

“พอ สักทีเถอะน่า...แค่นี้ก็เครียดจะตายอยู่แล้ว ฉันชักจะเบื่อกับการไล่ตามเป็นเจ้าของที่ไอ้ตลาดบ้านี่เต็มทน ยิ่งพยายามเท่าไหร่ก็มีแต่เข้าตัวเท่านั้น” รัศมีก็ยังไม่เลิกอาละวาด เลยถูกตวาด “เฮ้ย...หยุดบ้าสักที ถ้าจะเป็นแบบนี้ ไม่ใช่แค่เธอจะเสียตลาดนั่นไปนะ แต่เธอจะเสียฉันไปด้วย” พูดแล้วเดินออกไปทันที ปล่อยให้รัศมีแผดเสียงคลั่งอยู่กับศักดิ์ชาย

ooooooo
หลังจากจะเด็ดกลับตัวกลับใจแล้ว ก็หันมานำชาวตลาดสวดมนต์ให้อันตรายวินาศสันติกลับคืนมา

“ดี จัง...ไปๆมาๆ พวกเราก็เลยได้สวดมนต์ให้เป็นมงคลชีวิตกันทุกวัน ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าน้าจะเด็ดจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนได้ขนาดนี้” กิมลั้งเดินคุยมากับต๋องหลังร่วมสวดมนต์เสร็จ

“ความรู้น่ะ มันจะเป็นวิชา หรืออวิชชา ก็อยู่ที่จะใช้ ก็เป็นโชคดีของแกที่กลับตัวกลับใจได้ แล้วก็เป็นโชคดีของคนที่นี่ด้วย ที่ได้อานิสงส์จากการกลับตัวกลับใจของแก”

ระหว่างนั้น มีคุณยายคนหนึ่งที่กระเดียดกระจาดขายขนมเดินมาท่าทางโงนเงน พลันก็ถูกมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งขับผ่านไปด้วยความเร็ว ต๋องพุ่งเข้าไปดึงคุณยายออกมาได้ก่อนจะถูกชน ประคองคุณยายถามว่า “ยายเป็นอะไรรึเปล่า”

นอกจากช่วยคุณยายแล้ว ต๋องกับกิมลั้งยังช่วยเหมาขนมทั้งหมด พาคุณยายไปส่งที่บ้าน คุณยายขอบคุณทั้งสองและถามชื่อ ต๋องบอกชื่อและอาชีพขายผักในตลาด ส่วนกิมลั้งบอกชื่อและอาชีพขายปลาในตลาดเช่นกัน

“งั้นฉันลานะยาย เหงาก็แวะไปหากันนะ” ต๋องกับ กิมลั้งไหว้ลา คุณยายมองตามไปด้วยความชื่นชม

แต่ พอกลับมาถึงตลาด ก็ถูกกิมฮวยตีหน้ายักษ์รออยู่ หาว่าทั้งสองแอบไปจู๋จี๋กัน กิมลั้งเล่าเรื่องช่วยคุณยายคนนั้นให้ฟัง แล้วพูดอย่างน้อยใจว่า

“อั๊ว ทำก็แค่คิดว่าถ้าวันหนึ่งแม่อั๊วเกิดไปเป็นอะไรที่ไหนขึ้นมา กุศลผลบุญที่ทำไปจะทำให้มีคนใจดีช่วยเหลือแม่อั๊วบ้างเท่านั้น ถ้าม้าไม่ชอบ วันหลังอั๊วจะได้ไม่ทำ”

“ทำไมอั๊วจะไม่ชอบ ช่วยมนุษย์เป็นเรื่องดี เจ้าแม่กวนอิมก็บอกไว้” กิมฮวยเสียงอ่อนลงทันที

ทันใดนั้นเอง เลื่อนวิ่งหน้าตื่นมาบอกต๋องให้รีบกลับบ้านด่วนจี๋ ต๋องตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น

ที่ แท้ติ๋มพี่สะใภ้ไปคลอดที่โรงพยาบาลแล้ว ต๋องไปเยี่ยมพี่สะใภ้และหลาน เต๋าบอกว่าเมื่อติ๋มคลอดแล้วต๋องก็กลับบ้านนอกไปทำอะไรบ้าๆบอๆของตัวเองได้ แล้ว
ต๋องใจหายวาบ ทำทีถามว่าติ๋มไปขายผักแล้วใครจะเลี้ยงลูกให้ ติ๋มวางแผนจะให้แม่ช่วยเลี้ยง ต๋องเลยเศร้าไปถนัดใจ

ooooooo

ไม่ เพียงไม่สบายใจเรื่องท่ีจะไม่ได้ขายผักอีกแล้ว ต๋องยังได้รับข่าวจากกิมลั้งว่า เต็กไฮ้กับลักษณ์กำลัง เตรียมไปพูดเรื่องงานแต่งงานระหว่างกิมลั้งกับจาตุรงค์ด้วย

ทั้ง กิมลั้งและต๋องถูกกดดันมาก พากันไปนั่งเศร้าๆที่ริมคลอง กิมลั้งปรารภว่าทำไมผู้ใหญ่ถึงไม่เข้าใจเราเลย คิดแต่จะทำสิ่งที่เขาอยากได้ โดยไม่เคยถามเราเลยว่าต้องการอะไร

“ถ้าเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำอยู่ เราก็ต้องยืนยันในสิ่งที่เราต้องการต่อไป ต่อให้หมดแรงยืนก็ต้องทำ ไม่งั้นความพยายามที่ผ่านมาจะกลายเป็นแค่เรื่องสูญเปล่า”

กิมลั้ง บอกว่าถ้ามีต๋องอยู่ใกล้ๆเหมือนเดิมตนก็มีกำลังใจที่จะสู้ต่อ แต่ถ้าไม่มีต๋องแล้วตนก็ไม่รู้จะสู้อย่างไร ขอร้องต๋องให้อยู่เป็นเพื่อนตนนานหน่อยได้ไหม ตนยังไม่อยากกลับบ้านไปเจอเรื่องที่ทำให้หมดกำลังใจมากไปกว่านี้

ระหว่าง นั้น กิมฮวยก็ระดมโทร.เข้ามือถือของกิมลั้งแต่ติดต่อไม่ได้ เคี้ยงเปรยๆว่าสงสัยกิมลั้งจะมีลางสังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องไม่ดี กิมฮวยถามเสียงขุ่นว่าการที่จาตุรงค์มาสู่ขอเป็นเรื่องไม่ดียังไง

กิมแชกำลังนั่งปอกผลไม้อยู่ได้ยินเต็มสองหูก็ใจหายวาบ ทำมีดบาดมือ กิมฮวยกับเคี้ยงรีบเข้าไปดู

“อากิมแช...เป็นอะไรของลื้อ ทำกับข้าวมาสิบกว่าปี อั๊วไม่เคยเห็นลื้อถูกมีดบาดเลย” กิมฮวยแปลกใจ

กิมแชไม่ตอบ แต่น้ำตาคลออย่างเก็บกลั้นไม่ได้

ooooooo

กิมลั้ง กับต๋องปรึกษาหาวิธีแก้ปัญหากัน กิมลั้งเสนอว่าวันที่ต๋องกลับตนจะหนีตามไปเลยดีไหม ต๋องไม่เห็นด้วยเพราะนั่นเป็นวิธีของคนขี้แพ้ ขอให้กิมลั้งอยู่สู้ต่อไป ตนกลับบ้านนอกเพื่อคิดทำอะไรให้พร้อมจะได้กลับมาบอกแม่เธอได้เต็มปากว่า สามารถดูแลชีวิตเธอได้แน่นอน

ต๋องไปส่งกิมลั้งเพื่อเป็นกำลังใจและพร้อมจะต่อสู้เพื่ออนาคตของเราทั้งสองคน ถ้ากิมฮวยไม่ยอม

ตนก็ไม่ยอมเหมือนกัน จะบอกว่ากิมลั้งท้องกับตนแล้ว ทำเอากิมลั้งเขินทุบเอาดังอั้ก
ตนก็ไม่ยอมเหมือนกัน จะบอกว่ากิมลั้งท้องกับตนแล้ว ทำเอากิมลั้งเขินทุบเอาดังอั้กการ เจรจาสู่ขอของฝ่ายเต็กไฮ้กับลักษณ์ และเคี้ยงกับกิมฮวยที่เตรียมรับการสู่ขออย่างชื่นมื่น ต่างเจรจาไปตามเป้าหมายของตน แต่เมื่อคุยถึงรูปธรรม กลายเป็นเรื่องโอละพ่อ เมื่อคนที่เต็กไฮ้จะมาสู่ขอให้ลูกชายกลายเป็นกิมแช!

แต่ไม่ว่าจะเป็น กิมแชหรือกิมลั้ง เมื่อตกลงดองกันได้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายก็สบายใจ เดินออกจากห้องเจรจากันอย่างชื่นมื่น กิมฮวยยิ้มอย่างมีความสุข เคี้ยงถึงกับเอ่ย “ไม่มีความสุขไหนจะเท่าคนที่รักกันแล้วได้ลงเอยใช้ชีวิตร่วมกันอีกแล้วล่ะ”

ส่งเต็กไฮ้กับลักษณ์และจาตุรงค์กลับยังไม่ทันเข้า บ้าน กิมลั้งกับต๋องก็กลับมาถึงพอดี กิมฮวยถามว่าไปไหนกันมา

“อั๊วไปกินข้าวต้มกับพวกที่ตลาดเลี้ยงส่งต๋องมา” กิมลั้งชี้แจง

พอ รู้ว่าต๋องจะไปจากที่นี่แล้ว กิมฮวยดีใจจนออกนอกหน้า กิมลั้งถามแม่ว่าเต็กไฮ้มาคุยเป็นอย่างไรบ้าง กิมฮวยอำว่าช่วยไม่ได้ อยากไม่โผล่มาเองตนตัดสินใจไปแล้ว และก็จะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรทั้งนั้นด้วย

“ถ้าม้ายืนยันอย่างนั้น อั๊วก็จะยืนยันว่าไม่เหมือนกัน” กิมลั้งเสียงแข็ง

“อากิมลั้ง...ตอนนี้มันไม่สำคัญแล้วล่ะว่าลื้อจะบอกว่าใช่หรือไม่ เพราะอากิมแชอีบอกว่าใช่ไปแล้ว” กิมฮวยยังอำต่อ
กิมลั้งถามว่ากิมแชมาเกี่ยวอะไรด้วยในเมื่อทุกอย่างขึ้นอยู่กับตนจะตกลงหรือ ไม่ กิมลั้งอารมณ์พลุ่งพล่านขึ้นทุกที จนเคี้ยงต้องชี้แจงว่า จาตุรงค์มาขอกิมแชเพราะสองคนรักกัน กิมลั้งตะลึง ช็อก พอรู้ตัวก็หันไปกอดกิมแชแน่น

“อั๊วดีใจกับลื้อด้วยนะกิมแช ดีใจที่สุดเลย”

ปัญหาแก้ด้วยตัวของมันเอง ต๋องและกิมลั้งต่างโล่งใจ ที่อะไรๆ ไม่ได้เป็นอย่างที่วิตกกันเลย

ooooooo

จน วันเดินทางออกจากตลาด กิมลั้งขอไปส่งต๋อง กิมฮวยไม่อนุญาต แต่เคี้ยงบอกว่าอยากไปก็ไปเลยถูกกิมฮวยตำหนิ หาว่าให้กิมลั้งไปกับต๋องก็เท่ากับปล่อยเนื้อไว้กับเสือ

“กิมฮวย...ลื้อ ต้องหัดไว้ใจลูกบ้าง นี่ลูกมาบอกกล่าวอั๊วกับลื้อดีๆ แล้วนะ หรือลื้อจะให้อีแอบหนีตามต๋องไปเหมือนอย่างที่ลื้อเคยแอบหนีตามอั๊วมาล่ะ”

กิมฮวยตกใจกลัวลูกได้ยิน แย้งเบาๆ “แต่ไอ้ต๋องกับลื้อมันไม่เหมือนกันเข้าใจไหม ลื้อเป็นคนดี”

“แล้วอาต๋องไม่ดีตรงไหน ใครๆก็รักอีทั้งนั้น ถ้าอีจะทำมิดีมิร้ายกับอากิมลั้งจริงๆ อีทำไปนานแล้ว ไม่ต้องรอให้กลับบ้านนอกหรอก”

กิมฮวยเถียงไม่ออก ได้แต่ฮึดฮัดๆ...สบถ “โธ่เว้ย!!!”

ชาว ตลาดทุกคนรวมทั้งติ๋มที่เริ่มมาขายผักแล้ว พากันส่งต๋องกลับบ้านกันอย่างอาลัยอาวรณ์ ต๋องถึงกับน้ำตาซึมที่เห็นชาวตลาดอาลัยรักตนมากมายขนาดนี้ แต่พอจะออกเดินทาง กิมฮวยก็มาตะโกน “เดี๋ยวต๋อง... อย่าเพิ่งไป”

ปรากฏ ว่ากิมฮวยจะตามไปส่งต๋องถึงบ้านนอกด้วย เพื่อไถ่บาปที่ทำไม่ดีกับต๋องมามาก กิมลั้งเป็นห่วงบอกแม่ว่าที่ที่จะไปลำบากมาก กิมฮวยตอบอย่างมั่นใจเด็ดเดี่ยวตามเคยว่า “ไม่มีอะไรลำบากเกินใจคนอย่างกิมฮวยหรอก...ไป”

ooooooo

กิมฮวย ไปถึงบ้านต๋องอย่างทุลักทุเล ทั้งเพราะการเดินทางที่ลำบากและอายุมากแล้วเลยดูโทรมกว่าเพื่อน เมื่อไปเจอติ่งกับต้อย พ่อกับแม่ของต๋องที่เป็นชาวนาธรรมดาๆ แถมต้อยก็หลงๆ ลืมๆ ส่วนติ่งก็หูตึง เลยรู้สึกผิดหวังเล็กๆ

ยิ่งเมื่อต๋องเรียกเจ้า สีดามา พวกชาวกรุงทั้งหลายก็พากันถอยกรูดเพราะกลัวควาย กิมฮวยกลัว คว้าก้อนหินปา เลยถูกเจ้าสีดาไล่ขวิดเกือบตาย จนต๋องต้องไปช่วยไว้ กิมฮวยบ่นว่าไม่น่าใส่เสื้อสีแดงมาเป็นเป้าให้ควายไล่ขวิดเลย

“สีเสื้อมันไม่เกี่ยวหรอกเจ๊ จะสีไหนถ้ามันจะขวิดมันก็ขวิดเพราะควายมันตาบอดสี” ติ่งชี้แจง

ครู่ใหญ่ ต๋องไปเป่าปากเรียกแกละที่ริมคันนา เพื่อถามถึงงานที่จ้างให้ทำ คือให้แกละช่วยเก็บข้อมูลของที่นี่ในช่วงที่ตนไม่อยู่

เมื่อแกละเอาข้อมูลที่เก็บได้มาให้ต๋องดู ต๋องบ่นเครียดๆกับกิมลั้งว่า

“เธอ ดูนะ ฉันไม่อยู่แค่ไม่กี่เดือน แต่ว่าผืนนาที่เป็นที่ทำมาหากินของคนแถวนี้ตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตาทวดถูกขาย เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว...ขายที่นาไปแล้วสุดท้ายก็ต้องรับจ้างทำนาในที่นา ที่เคยเป็นของตัวเอง น่าเศร้าใจไหมล่ะ”

“ถ้างั้นเขาจะขายนากันทำไม ในเมื่อเขาเลือกที่จะเป็นนายของตัวเองได้”

“เพราะ เขาถูกเอาเปรียบไงกิมลั้ง ขณะที่ชาวนาทำนามันก็มีนายทุนมาทำนาบนหลังชาวนาอีกที พวกมันปล้นทั้งความเป็นคน ปล้นทั้งเงินชาวนาด้วยการกดราคาข้าวให้ต่ำ สุดท้ายชาวนาก็เป็นหนี้เป็นสิน แต่รู้ไหม พอนาตกไปเป็นของไอ้พวกโจรนายทุน ราคาข้าวที่ต่ำๆ กลับ ถูกเสกให้สูงขึ้นเป็นเท่าตัวเหมือนเล่นกล ขณะที่ค่าจ้างรับทำนาของชาวนาก็ยังถูกกดต่ำเตี้ยเรี่ยดินเหมือนเดิม”

กิมลั้งฟังแล้วเศร้าใจ ปรารภว่า “แบบนี้อีกหน่อยก็คงไม่เหลือนาที่เป็นของชาวนาแท้ๆอีกต่อไป”

“แต่ มันจะไม่เกิดขึ้นกับที่นาของฉันแน่ ฉันจะทำให้ทุกคนรู้ว่าเงินทองมันแค่ของมายา ข้าวปลาต่างหากที่เป็นของจริง แค่เราใช้ชีวิตเพียงพอกับวิถีเกษตรแบบพอเพียงอย่างที่ในหลวงบอกไว้ได้ เราก็จะเป็นชาวนาที่ร่ำรวยความสุขที่สุด โดยไม่ต้องตกเป็นทาสของอะไร”

ยิ่งฟังต๋องพูด กิมลั้งก็ยิ่งชื่นชม ถามเขาทึ่งว่า “เธอทำให้ฉันภูมิใจในตัวเธอขึ้นทุกวันได้ยังไงน่ะ ต๋อง...”

ooooooo

กิมฮว ยอยู่บ้านต๋องรู้สึกอึดอัดเพราะแม้แต่ห้องน้ำที่นี่ก็ไม่มี ต้องลงไปอาบน้ำคลองกัน เห็นคิตตี้กับชมพู่ลงไปตีโป่งในคลองร้องกันวี้ดว้ายก็หมั่นไส้ ถามว่าโดนอะไรมันตอดเอารึไง ถึงได้ร้องขนาดนั้น แล้วถามว่ากิมลั้งอยู่ไหน

ชมพู่ รู้แกวเลยแกล้งยั่วว่าตนไม่เห็น ป่านนี้คงไปสวมบทบาททองกวาวกับไอ้คล้าวกันอยู่ที่กองฟางแถวไหนแล้วมั้ง ทำให้กิมฮวยอยู่ไม่ติด เหลียวมองไปรอบตัว เห็นเหมือนกิมลั้งกับต๋องกำลังวิ่งไล่จับกันอยู่กลางท้องนาก็พุ่งไปด่าว่า ถึงกับวิ่งไล่กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันกลางนาเลยหรือ

“อั๊วกำลังช่วยต๋อง จับปลาไปให้แม่ทำกับข้าวน่ะแม่” กิมลั้งร้องบอกเสียงกลั้วหัวเราะอย่างมีความสุข ชวนกิมฮวยลงไปจับด้วยกัน เลยถูกด่าและเรียกให้ขึ้นมาเดี๋ยวนี้ รีบไปล้างเนื้อล้างตัวแล้วเปลี่ยนชุดเลย

แต่พอเห็นปลาในท้องนามีมาก และตัวเป้งๆ ทั้งนั้น กิมฮวยก็ตื่นเต้นถามต๋องว่าทำไมไม่จับไปขาย ตัวใหญ่ขนาดนี้ได้ราคาดีแน่ ต๋องบอกว่าทุกวันนี้บ้านตนใช้ชีวิตแบบพอกินพออยู่ก็มีความสุขดีแล้ว

กิมฮวย บ่นว่าทำไมไม่รู้จักคิดการณ์ไกล เก็บออมเงินไว้ในวันข้างหน้าบ้าง ต๋องบอกว่าตนแบ่งเก็บอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าจะเก็บเอาไว้มากๆไปทำไม

“พูดเหมือนลื้อโง่เลยนะ ก็ถ้าเก็บได้มาก โอกาสที่ลื้อจะใช้เงินไปซื้อหาความสุขมันก็จะมากขึ้นด้วยไง”

“ทุก วันนี้ฉันกับที่บ้านก็มีความสุขกับชีวิตดีอยู่แล้ว ทำไมจะต้องหาภาระเกินตัวให้เครียดให้ทุกข์ เพื่อหาเงินมาซื้อความสุขด้วยล่ะจ๊ะ พวกที่ทำอย่างนั้นทั้งที่หาความสุขใกล้ตัวได้ง่ายๆ นี่ ฉันว่าโง่กว่าฉันเยอะเลยนะ น้าว่าไหม”

พูดแล้วต๋องหัวเราะอารมณ์ดี กิมฮวยนิ่งไปพักหนึ่งจึงรู้ว่าถูกต๋องหลอกด่า โมโหหันหลังเดินหนีไปเลย

กิมฮวยคิดไม่ตกว่าถ้ากิมลั้งจะมาเป็นสะใภ้บ้านนี้ที่อยู่กันอย่างพอเพียงแล้วจะเลี้ยงดูลูกตนให้พอกินไหม

“โอ๊ย...ไม่ ต้องห่วงหรอกเจ๊” ติ่งพ่อต๋องหัวเราะเบาๆ “ฉันก็ไม่อยากโม้โอ้อวดหรอกนะ แต่ไหนๆ เราก็เหมือนคนกันเองแล้ว ก็ต้องบอกให้เจ๊รู้นะว่า...” ติ่งลดเสียงลงเป็นกระซิบกระซาบ “สมบัติมากมายของฉันกับแม่ต้อยน่ะ มันก็ฝังอยู่ผืนไร่ผืนนานี่ล่ะ ไอ้ต๋องมันรู้ดี รับรองลูกสาวเจ๊ไม่มีทางอดตายไปทั้งชีวิต”

กิมฮวยฟังแล้วตาโตแต่พยายามเก็บอาการ

เมื่อ ถึงเวลากินข้าว ข้าวปลาอาหารส่งกลิ่นหอมฉุย คิดตี้กับชมพู่ใช้มือเปิบข้าวกันอย่างเอร็ดอร่อย กิมฮวย ถามหาช้อน ปรากฏว่าต้อยแม่ต๋องเหลาตะเกียบไว้ให้แล้ว แต่พอพุ้ยอาหารเข้าปากก็ทำหน้าเหยเกซี้ดปากอย่างเผ็ดมาก

ทุกคนกินกัน อย่างเอร็ดอร่อยกับอาหารพื้นๆแต่สดและปลอดสารพิษ จนถึงจานหนึ่งกิมฮวยตักกินแล้วรู้สึกผิดลิ้นถามว่าทำไมหมูถึงเนื้อเหนียว กรุบๆแปลกดี ต้อยบอกว่าไม่ใช่เนื้อหมู แต่เป็นเนื้อหนู

เท่านั้นเอง ทุกคนก็พากันลุกวิ่งไปอ้วกราวกับนัดกันไว้

ตก กลางคืน กิมฮวยยังหมกมุ่นครุ่นคิดที่ติ่งบอกว่าเอาสมบัติไปฝังไว้ตามท้องไร่ท้องนา เขม้นมองไปที่ท้องไร่ท้องนานึกเห็นเงินทองอยู่ใต้ดินมากมาย ร่ำๆจะออกไปแล้ว แต่ยับยั้งชั่งใจได้บอกตัวเองว่า “ยัง...ยังไม่ใช่ตอนนี้”

ooooooo

นับ วันห้างเวรี่แฮปปี้ก็เงียบเหงาจนรัศมีงุ่นง่านหงุดหงิด พาลโมโหชายศักดิ์ที่ไม่จัดการสดศรีให้เด็ดขาดเสียที เสี่ยติงว่าที่ผ่านมาก็ทำไปหลายครั้งแล้ว แต่ก็ขว้างงูไม่พ้นคอสักที
คืนนี้ ขณะที่ชายศักดิ์พารัศมีไปกินข้าวที่ร้านอาหาร บังเอิญเจอพงษ์เพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันยี่สิบกว่าปีแล้ว ต่างทักทายกันอย่างตื่นเต้นดีใจ ชายศักดิ์แนะนำพงษ์แก่รัศมีว่า

“รัศมี นี่คุณพงษ์เพื่อนเก่าแก่ของฉัน เป็นนายหัวอยู่ที่ภูเก็ต” แนะนำแก่พงษ์ว่า “นี่รัศมี ภรรยาผมครับ”

พงษ์ แสดงความยินดีที่ได้รู้จักกัน แล้วถามเพื่อนว่าเจอสดศรีบ้างหรือเปล่า ชายศักดิ์ตอบไม่เต็มปากเต็มคำ ว่าก็เจอบ้าง  เพราะตอนนี้ตนไปเปิดห้างใกล้ๆกับตลาดร่วมใจเกื้อ

พงษ์เล่าให้ฟังว่า เมื่อประมาณสิบปีก่อน สดศรีไปกู้เงินตนไม่มีสัญญาเงินกู้กัน แต่สดศรีเอาโฉนดที่ตลาดไว้ให้เป็นประกัน ชมว่าสดศรีเป็นลูกหนี้ที่เยี่ยมมาก โอนเงินให้ตรงตามเวลาไม่เคยขาด

รัศมีสนใจจี๋ ขอคุยเรื่องนี้กับพงษ์ แล้วเสนอจะใช้หนี้ที่เหลือแทนสดศรี โดยทั้งสองแสดงความเห็นอกเห็นใจสดศรี หว่านล้อมจนพงษ์เชื่อใจและอยากให้สดศรี หมดภาระเสียที เพราะเธอเหนื่อยมามากแล้ว

“ก็แปลว่าคุณพงษ์เห็นด้วย ถ้างั้นพรุ่งนี้รัศมีกับเสี่ยจะเอาหนี้ไปชำระให้คุณพงษ์ที่บ้านเลยนะ แต่อยากจะรบกวนคุณพงษ์อย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับคุณนายสดศรีเรื่องนี้นะคะ”

“คือ...อย่าง นี้นะครับ ผมอยากจะทำเซอร์ไพรส์สดศรีด้วยการเอาโฉนดไปมอบให้เขาด้วยมือของตัวเอง คุณพงษ์คงไม่ขัดข้องใช่ไหมครับ” ชายศักดิ์รีบชี้แจงเมื่อเห็นพงษ์สงสัยลังเล

กลับ จากพงษ์แล้ว รัศมีพูดอย่างโล่งใจว่าบทจะง่ายก็ง่ายราวกับปอกกล้วย บอกชายศักดิ์ว่าต้องงัดวิชาปลอมลายเซ็นสดศรีมาใช้อีกครั้ง ทำให้เสี่ยไม่พอใจตวาด “เลิกบอกให้ฉันทำนั่นนี่สักที ฉันรู้นะว่าต้องทำอะไร”

ooooooo

ตกกลางคืน กิมฮวยหลอกล่อให้คิตตี้กับชมพู่นอน แล้วแอบเอาจอบไปขุดดินเพื่อหาสมบัติ แต่โชคไม่ดีพอฟันลงไปจอบแรกก็ถูกงูกัดเสียแล้ว กิมฮวยร้องขอความช่วยเหลือ ติ่งอยู่ในเล้าไก่รีบออกไปเอาผ้าขันชะเนาะเหนือแผลที่ถูกงูกัด

ติ่ง เป็นหมองูที่เก่งกาจ ดูแลแผลให้กิมฮวยอย่างดี เอามีดกรีดปากแผลแล้วใช้ปากดูดพิษงูออก เอายาให้กิน บอกกิมลั้งว่าไม่ใช่งูเห่าแต่ก็ถามว่า

“เจ๊รู้สึกปวดหัว ตาลาย หายใจอึดอัด กลืนน้ำลายไม่ได้หรือจะอ้วกไหม” กิมฮวยบอกว่ายัง “ก็น่าจะรอดแล้วล่ะ” ติ่งเชื่อมั่นเพราะผ่านการรักษาคนถูกงูกัดมานักต่อนักแล้ว ต๋องอาสาเฝ้ากิมฮวยเผื่อมีอะไรฉุกเฉินจะได้พาส่งโรงพยาบาล

รุ่งขึ้น ติ่งกับต้อยและต๋องลุกมาตักบาตรแต่เช้า ต๋องเห็นกิมลั้งมายืนจดๆจ้องๆอยู่ เลยชวนมาตักบาตรด้วยกัน กิมลั้งไปยืนข้างต๋องช่วยกันตักบาตรอย่างมีความสุข

ส่วน กิมฮวย ลุกขึ้นเดินปร๋อแต่เช้า บอกกิมลั้งว่า หายเป็นปลิดทิ้งเหมือนเมื่อวานแค่โดนมดกัด ขอบคุณติ่งที่ช่วยตนไว้ ติ่งนึกได้บอกว่าตนเห็นจอบยังปักอยู่ตรงที่เจ๊โดนงูกัด กิมฮวยรีบแก้ตัวพัลวันว่า เมื่อคืนนอนไม่หลับเลยกะจะไปทำให้เหนื่อยจะได้ง่วง แต่เดินไปเจอรอยขุดไว้ก่อนเลยขุดต่อเผื่อเป็นประโยชน์ให้ปลูกอะไรกันได้

ที่ แท้แล้ว นั่นเป็นอุบายของติ่งที่ให้ไปขุดดินหาสมบัติ ซึ่งที่แท้ก็คือการพรวนดินเพื่อการเพาะปลูกได้ผลงามขายได้เงินเป็นกอบเป็นกำ ติ่งชี้แจงแล้วถามกิมฮวยว่า

“คราวนี้เจ๊กิมฮวยก็เข้าใจที่ฉันบอก เมื่อวานแล้วใช่ไหมจ๊ะ เพราะฉะนั้น เจ๊มั่นใจได้ว่า ลูกสาวเจ๊ไม่อดตายแน่ถ้าต้องมาเป็นสะใภ้บ้านนี้ เพราะฉันมีสมบัติเยอะ แต่แค่นั้นยังไม่พอ เพราะทรัพย์สินที่มีค่ามากกว่านั้นก็คือสิ่งที่งอกงามอยู่ในกบาลของไอ้ต๋อง ลูกชายฉัน ฉันมั่นใจเลยนะว่าผู้หญิงคนไหนที่ได้มันไปเป็นผัว รวยเละแน่นอน”

“เออ...ตาติ่ง ถ้ากบาลไอ้ต๋องมันมีมูลค่าสูงขนาดนั้น ฉันว่าเราไม่ต้องใช้สินสอดไปขอหนูกิมลั้งแล้วละมั้ง”

“เอ...นั่น สินะ” ติ่งผสมโรงเป็นปี่เป็นขลุ่ย แล้วพากันหัวเราะชอบใจ ยกเว้นกิมฮวยที่ยังสับสนกับความคิดของตัวเอง เพราะลึกๆแล้วก็อยากยอมรับต๋องแต่ก็ไม่อยากยอมแพ้

เมื่อได้โฉนดไป แล้ว รัศมีคุมลูกน้องลุยเข้าไปยึดตลาดร่วมใจเกื้อ สั่งทุกคนให้ขนของออกไปให้หมดภายในหนึ่งชั่วโมง ไม่อย่างนั้นข้าวของทุกชิ้นจะถูกโยนไปนอกตลาดหมด เพราะตลาดนี้เป็นของตนแล้ว

สด ศรีกับณดารีบเดินเข้ามาอย่างเอาเรื่อง แต่พอถูกรัศมีอ้างว่าตนไถ่ตลาดนี้จากพงษ์และโฉนดก็อยู่ในมือตนแล้ว สดศรีหน้าเสียโต้ว่าพงษ์ไม่ทำอย่างนั้นเด็ดขาด

“คุณพงษ์เขาอยากช่วย เธอน่ะ พอฉันบอกว่าจะใช้หนี้ที่เหลือแทนให้ เขาก็เลยให้โฉนดนี่มาทันที” ชายศักดิ์เอาโฉนดออกมาโชว์ สดศรีเห็นโฉนดถึงกับเป็นลม ชาวตลาดต้องช่วยกันปฐมพยาบาล ทุกคนพากันเครียดจนแทบจะล้มทั้งยืนกัน

ooooooo

เมื่อ ณดาพาสดศรีไปนั่งพักที่สำนักงานในตลาด เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเรื่องจึงเป็นอย่างนี้ไปได้ เมื่อแม่ยังไม่ได้เซ็นอะไรเลยแล้วโฉนดเปลี่ยนมือได้อย่างไร สดศรีจึงเล่าความจริงระหว่างตนกับชายศักดิ์ให้ฟังอย่างหมดเปลือกว่า

“แม่ เคยแต่งงานกับชายศักดิ์จริงๆ ช่วงที่เรากำลังก่อร่างสร้างตัวทำตลาดอยู่ด้วยกัน แม่จะไว้ใจให้เขาเซ็นเอกสารสำคัญต่างๆแทนแม่ประจำ เพราะแม่จะยุ่งกับตลาดจนไม่มีเวลาทำอะไร ไม่คิดเลยว่าวันนี้ชายศักดิ์จะกล้าใช้ลายเซ็นของแม่มาทำร้ายแม่ด้วยมือตัว เอง” สดศรีเล่าไปก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้อย่างสะเทือนใจ

“คุณแม่อย่าเพิ่งหมดหวังนะคะ ต่อให้เกิดอะไรขึ้น เราก็จะผ่านมันไปได้ ยังไงณดาก็เชื่อว่าบาปบุญคุณโทษมีจริง”

ชาว ตลาดกำลังสับสนว้าวุ่นใจกับการถูกไล่ที่ กะทันหัน เคี้ยงถามจาตุรงค์ว่าเป็นเพื่อนกับศักดิ์ชาย พอมีทางจะเจรจาได้ไหม จาตุรงค์เชื่อว่าคงยากเพราะพวกนั้นจ้องจะเอาที่ดินตรงนี้มาตั้งแต่แรกแล้วคง ไม่ยอมปล่อยแน่

“ตกลงเราทำอะไรไม่ได้กันแล้วจริง ๆ เหรอเนี่ย นี่ถ้าพี่ต๋องยังอยู่นะ พี่ต๋องไม่มีทางยอมให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแน่” กิมแชเปรยๆขึ้น พลันก็คิดอะไรออก “จริงด้วยซิ...พี่ต๋อง!”

กิมแชโทร.เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ต๋องฟัง ต๋องรับปากกิมแชแล้วบอกทุกคนที่มาจากกรุงเทพฯว่าเราต้องรีบกลับกันแล้ว

ooooooo

ต๋อง นำพรรคพวกกลับมาอย่างด่วนที่สุด มาถึงเห็นสภาพพ่อค้าแม่ค้าถูกรังแก ข้าวของถูกขนมากองที่หน้าตลาดเขละไปหมด ชาวตลาดดีใจมากที่เห็นต๋อง

กลับมา ต่างกรูกันเข้ามาขอให้ช่วยพวกตนด้วย

“ไม่ ต้องกลัวนะทุกคน...มันต้องมีทางออก” ต๋องให้กำลังใจ พลันก็เห็นลูกน้องรัศมีกำลังแย่งตะกร้าเงินจากติ๋มก็เข้าไปช่วย ด่าพวกมัน “มันโจรชัดๆ!”

ต๋องเข้าไปแย่งตะกร้าเงินคืนให้ติ๋มบอกให้ออกไปก่อน ส่วนตัวเองต่อสู้กับลูกน้องรัศมีที่รุมกันเข้ามา แต่ก็ถูกต๋องคว้ามีดจ่อคอพวกมันคนหนึ่ง ทำให้พวกที่เหลือต้องชะงัก แล้วพากันถอยไป

ต๋องไปที่หน้าห้างเวรี่แฮปปี้ รัศมีกำลังออกมาที่รถพอดี ต๋องขึ้นไปนั่งที่คนขับ พารัศมีไปเจรจากันที่ใต้สะพานที่ปลอดคน ถามเรื่องที่รัศมีใช้วิธีสกปรกฮุบที่ดินของสดศรี ต๋องบอกว่าสดศรีไม่ได้ต้องการเงินแต่ต้องการเก็บที่ผืนแรกนี้ไว้ทำมาหากิน และเป็นที่พึ่งพิงแก่คนอื่นๆ

รัศมียืนยันไม่ยอมคืนที่ดินนี้ให้สดศรีเด็ดขาด ต๋องจึงใช้ไม้ตายเอาเรื่องนายฤทธิ์มาขู่ว่าถ้าชายศักดิ์รู้จะเกิดอะไรขึ้น

รัศมีท้าให้ไปบอกเลย เพราะตอนนี้ตลาดเป็นชื่อศักดิ์ชายแล้ว เยาะเย้ยต๋องว่า

“แก ก็รู้ดีนี่ว่ามูลค่ามันมากมายก่ายกองแค่ไหน ต่อให้เสี่ยเฉดหัวฉันไป แต่สมบัติชิ้นใหม่ที่ได้มามันก็คุ้มค่ามากพอกับการที่ฉันต้องทนอยู่กับไอ้ เสี่ยนั่นมาตั้งครึ่งชีวิต”

รัศมีเยาะเย้ยต๋องแล้วเดินกลับไปขึ้นรถขับออกไปทันที ทิ้งต๋องให้ยืนเครียดอย่างไม่รู้จะหาทางออกอย่างไรดี...

ooooooo
soruce: thairath.co.th

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น