วันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อ่านละครชิงนาง ตอนที่ 12


       ในขณะที่วงเดือนถือถาดอาหารออกมาจากครัว เมฆาเข้ามาขวางทางไว้ วงเดือนหน้าตึงและทำท่าจะเดินหนี
      
       “เธอเป็นอะไรไปเดือน”
       วงเดือนมีท่าทีเย็นชา “ไม่เป็นอะไรค่ะ”
       เมฆาไม่ยอมดึงมือวงเดือนไว้ จับถาดวางลง และบังคับให้วงเดือนหันหน้ามาคุยกับเขา
       “ปล่อยเดือนค่ะ”
       “ฉันไม่ปล่อยจนกว่าเธอจะบอกว่าไม่พอใจฉันเรื่องอะไร”
       “เดือนไม่มีสิทธิ์ไม่พอใจคุณ แต่เดือนไม่เห็นด้วยกับการกระทำของคุณ”
       เมฆานึกสังหรณ์ใจ ตะหงิดๆ
      
       จังหวะนั้นโฉมไฉไลส่งเสียงแหวกเข้ามา “เมฆาคะ”
       พลางเข้ามาเกาะแขนเมฆาแสดงความเป็นเจ้าของ
       “มาทำอะไรตรงนี้คะ”
       เมฆารีบปลดมือโฉมออก วงเดือนมองด้วยสายตาสมเพช
       “แยกให้ออกสิคะว่า...” มองเหยียดวงเดือน “ไม่ควรลดตัวลงไปต่ำตมกับคนใช้”
       วงเดือนสวนออกมานิ่มนิ่ง “ต้องรวมถึง” มองหน้าโฉมไฉไลอย่างไม่ยอม “คนที่คิดว่าตัวเองอยู่สูงแต่ชอบทำตัวต่ำด้วยนะคะ ที่เราไม่ควรลดตัวไปต่ำตมด้วย”
       โฉมไฉไลเสียงดัง “แกด่าใคร”
       วงเดือนสวนทันควัน “ต้องถามคุณโฉมเพราะคุณโฉมน่าจะรู้จักคนๆ นั้นเป็นอย่างดี ช่วยบอกได้ไหมคะว่าเป็นใคร”
       “แก” โฉมไฉไลบันดาลโทสะ เงื้อมือหมายจะตบ
       เมฆาโผล่มาคว้ามือโฉมไฉไลแล้วผลักโฉมไฉไลออกไปอย่างแรง
       โฉมไฉไลโกรธจนตัวสั่น “เมฆา..นี่คุณเข้าข้างมันมากกว่าโฉมที่เป็นมะ..” โฉมไฉไลจะบอกว่าเป็นเมีย
       ถูกเมฆาตวาดลั่น “หุบปาก”
       โฉมไฉไลชะงัก เมฆามองวงเดือน เห็นสายตาที่มองมาเต็มไปด้วยความผิดหวัง
       “คุณไม่น่าทำกับคุณพฤกษ์แบบนี้”
       วงเดือนเดินออกไป เมฆามองตามรู้ว่าตัวเองเสียคะแนนอย่างมาก
       “โฉมได้คุณแล้ว คุณก็หมดสิทธิ์ที่จะได้นังวงเดือน”
       “ผมเตือนคุณแล้วใช่มั้ย? ถ้าคุณยังปากสว่างเรื่องนี้อีกล่ะก้อ...”
       โฉมไฉไลลอยหน้าท้าทาย อย่างไม่สะทกสะท้าน “ล่ะก้อทำไมคะ..ผัวขา?”
       เมฆากัดฟันกรอด “ผมจะ..” อยากจะพูดว่าผมจะฆ่า แต่เกิดเปลี่ยนใจ “จะเอาคุณเข้าคุกเรื่องที่คุณขโมยเครื่องเพชรของคุณย่า”
       “ว๊าย!!” โฉมไฉไลขำก๊าก “นี่ถึงกับต้องขุดเรื่องเก่าขนาดนั้นมาขู่กันเลยเหรอคะเนี่ย” เปลี่ยนอารมณ์ตาวาวโรจน์ “อย่ามาขู่ให้ยากเลยเมฆา!! ไม่มีหลักฐาน ไม่มี พยาน คุณจะเอาโฉมเข้าคุกได้ยังไง”
       เมฆาตอกหน้า “คุณคงลืมไปล่ะสิว่าสารวัตรเมืองนี้เป็นเพื่อนผม อยากนอนที่นี่หรืออยากจะไปนอนในคุก...ก็เลือกเอา!”
       คราวนี้ได้ผลโฉมไฉไลชะงักกึก
       เมฆาขู่ มองด้วยสายตาเอาจริงก่อนจะเดินหนีไป โฉมไฉไลหงอ ไม่กล้าตาม
      
       ทางด้านภูผายืนอยู่ในไร่ คุมคนงานที่กำลังช่วยกันใส่ปุ๋ยลงในแปลงต้นชา
       หนูนาอยู่ที่แปลงถัดไปกับดอย ช่วยใส่ปุ๋ยอยู่อีกด้านหนึ่ง หนูนาลอบมองภูผาด้วยสายตาน้อยใจ
       หนูนาท่าทางดูมึนๆ อ่อนเพลีย หนูนาตักปุ๋ยใส่ต้นชา จู่ๆ หนูนาก็เห็นภาพรอบข้างเริ่มเบลอ รู้สึกวิงเวียนยืนไม่อยู่ ซวนเซเป็นลมล้มหมดสติไป
       ดอยตกใจร้องลั่น “ลูกพี่! ช่วยด้วย! ลูกพี่เป็นลม”
       ภูผารีบวิ่งเข้ามาดูอาการหนูนา
       “หนูนา! หนูนา”
       หนูนาแน่นิ่งไม่ไหวติงใดๆ ภูผาเห็นท่าไม่ดี ตัดสินใจช้อนอุ้มร่างหนูนาแล้วรีบพาออกไป ดอยตามติดอย่างเป็นห่วง
      
       หนูนารู้สึกตัวฟื้นตื่นขึ้นมา ก็เห็นว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องแล้ว โดยมีภูผานั่งมองอยู่ใกล้ ๆ
       ภูผามองตาแล้วถามเหมือนอยากรู้ความจริง “เธอไม่สบายเป็นอะไร”
       หนูนาอึ้ง อึกอัก กิริยามีพิรุธ เพราะแอบสงสัยตัวเองโดยสัญชาติญาณ แต่ก็เหวี่ยงใส่เพื่อกลบเกลื่อน
       “อยากรู้ไปทำไม? จะมาสนใจอะไรกับไอ้คนไร้ค่าอย่างฉัน”
       ภูผาระอาใจ “เธอรู้ได้ยังไงว่าเธอไร้ค่า”
       หนูนาสะอึก ตระหนักชัดกับคำว่าผู้หญิงไร้ค่า แต่ยังคงเหวี่ยงต่อ “ชั้นจะไปทำงาน” พูดอย่างอวดดี แล้วลุกขึ้นพรวด แต่จู่ๆ เกิดเวียนหัววูบไปอีก ภูผาพุ่งมารับตัวไว้
       ภูผาดุเสียงดัง “ทำไมถึงดื้ออย่างนี้? จะอวดดีไปถึงไหน?”
       หนูนากัดฟันเถียงอย่างแรง “ชั้นจะอวดดีได้ยังไง? คนอย่างชั้นมันไม่มีอะไรดีแล้ว”
       ขาดคำหนูนารู้สึกคลื่นไส้จะอ้วกอีก
       ภูผาฉงน “หนูนา? เป็นอะไร?”
       หนูนาไม่ตอบผลักภูผาเต็มแรง ก่อนจะวิ่งไปอ้วกใส่ถังขยะที่มุมห้อง
       ภูผามองไปเริ่มฉุกคิด “เธอเป็นแบบนี้นานหรือยัง”
       หนูนา พยักหน้า
       ภูผาถามทันที “นายสว่างรู้หรือเปล่า”
       หนูนาส่ายหน้า
       ภูผาอึ้ง หนูนาโก่งคออ้วกอย่างแรง สีหน้าภูผาเหมือนจะรับรู้อาการ ค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ๆ มองหนูนาด้วยความสงสาร
       ภูผาพึมพำเบาๆ “หนูนา”
       หนูนาอยากจะหันมาเถียง แต่ก็ต้องคลื่นไส้ไม่หยุด ต้องอ้วกต่อ อั้นไม่ไหว
       ภูผาเมียงมอง อาการเก้ๆ กังๆ ก่อนจะยกมือขึ้นช่วยลูบหลังให้
       แต่หนูนายังอวดดี อ้วกไปพยายามเอามือปัดมือภูผาไป แต่ไม่สำเร็จเพราะอ้วกตลอดจนตัวโก่งตัวงอเลยต้องยอมให้ภูผาลูบหลังไปเรื่อยๆ จนอาการดีขึ้น เลิกอ้วกแล้ว
       หนูนาหอบเพราะเหนื่อย ไม่กล้าสบตาภูผาเพราะอายเรื่องท้อง ทั้งเหนื่อยทั้งอาย สุดท้ายสะอื้น
       ภูผามองสงสารก่อนจะดึงหนูนามากอดไว้แน่น
       หนูนาปล่อยโฮ เมื่อรู้สึกว่ามีที่พักพิง
       ภูผาดึงหนูนาออก มองหน้า พูดด้วยดีๆ “ไปหาหมอเถอะนะ”
      
       หนูนามีสีหน้าหวาดหวั่น
ในเวลาต่อมา หมอกำลังแจ้งผลตรวจต่อภูผาและหนูนา
      
       “ดีใจด้วยนะครับ ภรรยาของคุณกำลังตั้งครรภ์”
       หนูนาช็อก ภูผาหลับตา ถอนใจเฮือกใหญ่อย่างอ่อนล้าคิดในใจ “ว่าแล้ว!”
      
       ค่ำคืนนั้นพอกลับมาถึงไร่ หนูนาก็เดินเข้ามาในห้องปิดประตู แล้วร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด
       ภาพเหตุการณ์ที่วันชัยข่มขืนอย่างโหดร้ายวันนั้น แวบเข้ามาในหัว
       หนูนาหวีดร้องดังลั่น “ไม่จริง....”
       หนูนาทรุดตัวลง กอดเข่าร้องไห้
       ยินเสียงเคาะประตูดังมาจากหน้าห้อง
       เป็นสว่างกับดอยพยายามเคาะประตูเรียก
       “หนูนา เปิดประตูสิ เอ็งเป็นอะไร หนูนา” สว่างเรียก
       “ไอ้ดอยเป็นห่วงลูกพี่นะ” ดอยตะโกนตาม
       เงียบกริบ ไม่มีเสียงตอบรับมาจากหนูนา สว่างจนปัญญามองหน้ากับดอย
      
       ภูผายืนมองอย่างหนักใจอยู่อีกมุม ประหวัดไปถึงตอนที่ตัวเองมีเรื่องกับหนูนา เลยเป็นเหตุให้หนูนาโดนวันชัยข่มขืน ภูผารู้สึกผิดมากๆ กับเรื่องเลวร้ายที่เกิดกับเด็กสาว
       “เพราะชั้นคนเดียว..หนูนา” ภูผารำพึงกับตัวเอง
      
       รุ่งเช้า ศรีดารากับอนุตลงนั่งที่โต๊ะอาหารท่าทีซังกะตาย เศร้าเรื่องอรุณ วงเดือนกับชอุ่มคอยดูแลจัดสำรับให้
       ศรีดาราหันมาถามวงเดือน “นี่พฤกษ์กลับมาบ้านหรือยัง”
       “ยังค่ะ” วงเดือนบอก
       “ปกติพฤกษ์ไม่เคยหายไปนานขนาดนี้นะ เป็นอะไรหรือเปล่า”
       อนุตถามต่อ วงเดือนฟังแล้วรู้สึกเป็นห่วง
       ระหว่างนั้น เมฆาเดินมาร่วมโต๊ะ วงเดือนเห็นเมฆามองมาก็เมินมองไปทางอื่น
       วงเดือนพูดกับอนุต ศรีดารา “วันนี้เดือนขออนุญาตออกไปทำธุระข้างนอกนะคะ”
       ศรีดารายิ้มเยื้อน พยักหน้าอนุญาต “จ้ะ”
       วงเดือนเดินออกไปทันที โดยไม่ยอมมองหน้าเมฆาเลยสักนิด เมฆามองตามอย่างร้อนใจ
       “เอ่อ..ผมเพิ่งนึกได้ว่าต้องรีบไปที่โรงพยาบาลครับ ขอตัวนะครับ”
       เมฆารีบออกไป อนุตกับศรีดารามองตาม
      
       วงเดือนเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องพักพฤกษ์ในท่าเรือน วงเดือนจะเปิดประตูห้องเข้าไปแต่ปรากฏว่าห้องล็อก!
       วงเดือนตัดสินใจเคาะประตูเรียก “คุณพฤกษ์ อยู่เหรอเปล่าคะ คุณพฤกษ์..นี่เดือนนะคะ..คุณพฤกษ์”
       ประตูเปิดออก พฤกษ์อยู่ในสภาพที่ทรุดโทรม และยังเมาค้างอยู่
       “เดือน”
       พฤกษ์เดินกลับไปที่เตียงล้มตัวลงนอน ท่าทางเบื่อหน่ายทุกสิ่ง วงเดือนมองขวดเหล้าเปล่าที่วางเกลื่อนพื้น เดินไปหา
       “คุณพฤกษ์คะ..อย่าทำร้ายตัวเองแบบนี้เลยนะคะ”
       พฤกษ์มองวงเดือนพูดประชด “จะมาสนใจฉันทำไม? ฉันมันเป็นไอ้โง่ ไอ้งั่ง ไอ้ขี้แพ้ ฉันไม่เหลือศักดิ์ศรีอะไรอีกแล้ว”
       “ไม่นะคะ คุณไม่ได้เป็นแบบนั้น คุณยังมีคุณพ่อคุณแม่ มี..” วงเดือนค้างคำ
       พฤกษ์จับมือวงเดือน “ฉันยังมีเดือนใช่ไหม...” เห็นวงเดือนอึ้งไป ยิ่งคาดคั้น “เธอห่วงฉันใช่มั้ย ถึงได้มาหาฉัน”
       วงเดือนอึ้ง “คุณพฤกษ์”
       พฤกษ์เมามากกอดวงเดือนไว้ “เธอรักฉันใช่มั้ย รักฉัน อยู่กับฉัน อย่าทิ้งฉันไป”
       พฤกษ์ไม่อาจต้านแรงปรารถนาของตัวเองได้อีกแล้ว พฤกษ์กอดจูบเดือน
       วงเดือนตกใจร้องลั่น ขัดขืนไปมา “อย่าทำแบบนี้ คุณพฤกษ์ อย่า”
       ทันใดนั้นเมฆาพุ่งเข้ามา กระชากพฤกษ์ออกจากร่างของวงเดือน แล้วต่อยพฤกษ์คว่ำไป
       วงเดือนตกใจ “คุณเมฆา”
       เมฆาดึงมือแขนวงเดือนแล้วลากออกจากห้องไปทันที
       พฤกษ์ยังมึนหมัดมองตาม และพยายามเรียกไว้ “เดือน...เดือน”
      
       สองคนอยู่ตรงมุมหนึ่งในสวนสงบเงียบของโรงพยาบาล เมฆาพรวดเข้ามาหา
       “เธอไม่น่าไปหาพี่พฤกษ์”
       “เดือนสงสารคุณพ่อคุณแม่ อยากมาตามคุณพฤกษ์กลับบ้าน”
       เมฆาหยั่งเชิงเพราะหวงหึง “ไม่ใช่เพราะห่วงพี่พฤกษ์?”
       วงเดือนตวัดสายตาจ้องหน้าเมฆา “เดือนสงสารคุณพฤกษ์ คุณพฤกษ์ต้องเจ็บกับเรื่อง....ของคุณ”
       สีหน้าเมฆาสลดลง “ผมเมา ผมไม่ได้ตั้งใจ..โฉมไฉไลเองก็...”
       วงเดือน อาย..ไม่อยากฟังแล้ว เลยโพล่งขึ้นมาอย่างอัดอั้น
       “ถ้าแสนสมุทรไม่มีเดือนซักคนเรื่องมันก็คงไม่เลวร้ายแบบนี้”
       วงเดือนร้องไห้ด้วยความอึดอัด เมฆาจะกอดวงเดือน วงเดือนเบี่ยงตัวออกทันที
       เมฆารู้ว่าไม่ควรรุกอีกต่อไป เปลี่ยนมาจับไหล่วงเดือนมองหน้าด้วยสีหน้าอ่อนโยนลึกซึ้ง
       “ผมจะไม่ทำให้เดือนลำบากใจอีก เราจะเป็นพี่เป็นน้องกัน เหมือนเมื่อก่อน..ได้ไหม”
       วงเดือนมองเมฆา อย่างไม่แน่ใจ
       เมฆาพูดเหมือนเข้าใจวงเดือนมาก “ผมรู้แล้วว่าเดือนรักพี่ผามากแค่ไหน” แสดงอาการว่ารู้สึกผิดมาก “เพราะผมทำให้พี่ผากับอรุณต้องทะเลาะกัน..ผมทำให้อรุณต้องตาย ผมทำให้ทุกคนต้องแตกแยก ผม...” เมฆาน้ำตาคลอหน่วย เรียกคะแนนสงสาร “เดือน..อภัยให้ผมได้ไหม”
       วงเดือนไม่เคยเจอภาคอ่อนแอของเมฆา ก็ทำอะไรไม่ถูก
       “เดือนขอร้องว่าคุณอย่าทำให้คุณพฤกษ์ต้องเสียใจอีกได้มั้ยคะ”
       “ผมจะปรับความเข้าใจกับพี่พฤกษ์ จะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก เราจะเริ่มต้นทุกอย่างกันใหม่นะ”
       วงเดือนถอนหายใจ ไม่ตอบ แต่ดูคลายกังวัลขึ้นมาก
      
       เมฆาลอบมองท่าทีวงเดือนที่ดูวางใจตนเอง ด้วยแววตาของผู้ชนะในเกมนี้  
เหตุการณ์ที่ไร่วงเดือน หนูนาทรุดลงนั่งกับพื้น หน้าซีด มีเหงื่อโทรมกาย หนูนาเอาหมวกตัวเองมาพัดๆ สูดหายใจลึกๆ แบบฮึดสู้เต็มที่ ดอยมองๆ แล้วเดินเข้ามา
      
       “ลูกพี่! หน้าลูกพี่ซีดยังกะไก่ต้ม ดอยว่าลูกพี่ไปพักเหอะ เดี๋ยวดอยจัดการเอง”
       หนูนาหันขวับมาหา “ไม่ต้อง! ให้ชั้นทำเถอะไอ้ดอย...” เหมือนจะพูดบอกตัวเอง “อย่างน้อยชั้นจะได้รู้สึกว่าตัวเองยังมีคุณค่าเหลืออยู่มั่ง”
       ดอยมองงงๆ ไม่เข้าใจว่าหนูนาพูดอะไร?
       หนูนาลุกพรวดขึ้น “ไป! ทำงาน”
       พูดจบก็เดินออก ปล่อยให้ดอยงวยงง “กินอะไรผิดไปรึเปล่าวะ หมู่นี้ชอบพูดจาอะไรแปลกๆ”
      
       หนูนาเดินไปก้มจะยกถังหนักๆ แถวนั้น มือภูผายื่นมาตะปบมือหนูนาที่จับปี๊บอยู่ หนูนาหันขวับ
       “ไอ้..!!” ชะงักกึกเมื่อเห็นเป็นภูผา
       ใบหน้าภูผาอยู่ใกล้ใบหน้าหนูนาระยะประชิด
       “คุณ....”
       ภูผายังไม้ขยับเขยื้อนไปไหน จ้องตาดุเหมือนผู้ใหญ่จ้องเด็ก “เมื่อไหร่จะเลิกดื้อนะเราน่ะ”
       หนูนาหันขวับจ้องตา เถียงทันควัน สองคนยังอยู่ท่าเดิมใกล้กันเพราะเรื่องที่คุยไม่มีใครรู้
       “แล้วเมื่อไหร่คุณจะเลิกดุชั้นซะทีล่ะ”
       ภูผาสวนทันควัน “ก็ไม่อยากจะดุหรอกนะ ถ้าไม่ห่วง”
       สองคนมองสบตากัน
       ภูผาเหลือบตาลงมองท้องหนูนาก่อนที่หนูนาจะเคลิ้ม แล้วเคลียร์
       “ถ้าไม่ห่วงไอ้ตัวเล็ก” พูดเบาหวิว กลัวคนอื่นได้ยิน
       หนูนาเด้งตัวออกทันที แล้ววี้ดใส่เลย “ห่วงมันทำไม?” เจ็บปวด อัดอั้นจนหลุดปากระเบิดออกมา “จะไปห่วงมันทำไม มันไม่ใช่...”
       ภูผากระโดดเอามือปิดปากหนูนาหมับทันที ดอย และคนงาน เหลียวมามองกันอย่างตกใจ และอยากรู้
       ภูผาตะคอกลั่น “หุบปาก เป็นบ้าอะไรเนี่ย?” รีบกลบเกลื่อน กลัวคนรู้ “ไม่สบายก็ไปนอน! อย่ามาอาละวาดแบบนี้!”
       หนูนาปรี๊ดใส่แบบไม่กลัวเกรง “แล้วมันเรื่องอะไรของคุณ? มายุ่งทำไม? ไม่ห่วงชั้นแล้วจะมายุ่งทำไม?” ผลักภูผาอย่างแรง “ไม่ต้องมายุ่ง”
       ภูผาหมดความอดทน แหกปากลั่น “เออ! ไม่ยุ่งก็ได้”
       หนูนาสวนแรงพอกัน “เออ! ต่อให้ชั้นตายก็ไม่ต้องมายุ่ง”
       ภูผาสวนแรงทันที แบบหลุดปากด้วยอารมณ์ “เออ! จะไปตายที่ไหนก็ไปเลย ไป๊”
       หนูนาอึ้ง ตะลึงงัน
       ภูผาก็อึ้งไปเหมือนกัน
       ดอยและคนงาน มอง 2 คนอย่างตื่นตะลึง
       หนูนาจ้องมองภูผาอย่างสับสน ทั้ง โกรธ เสียใจ น้อยใจ น้ำตาเอ่อ ก่อนจะตัดสินใจพูดออกมาอย่างอวดดี
       “ได้!! ชั้นไปก็ได้” กลืนน้ำตา “ชั้นจะไปตายให้ดู”
       พูดจบก็สะบัดวิ่งพรวดออกไป ท่ามกลางความตะลึงของทุกคน
       “ลูกพี่” ดอยขยับจะตาม
       ภูผาสั่งดังลั่น “ไม่ต้องตาม! ใครตามไปโดนแน่”
       ดอยชะงักกึก
       ภูผากลบเกลื่อนความรู้สึกผิดของตัวเองเหมือนกันที่แรงใส่หนูนา “เด็กอะไร! เอาแต่ใจจนเคยตัว! นึกว่าเก่ง? ดีแต่พูด”
       ดอยเถียงแบบกลัวๆ “ไม่จริงนะนาย ลูกพี่พูดอะไรต้องทำอย่างที่พูดทุกทีนะนาย”
       ภูผาอึ้งไป คิดปลอบใจตัวเอง พูดสั่งเสียงเข้ม “ไปทำงาน”
       ดอยกับทุกคนมองภูผาอย่างกลัวๆ
       ภูผาเสียงดังกว่าเดิม “บอกให้ไปทำงาน”
       คนงานสะดุ้งโหยง ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ เหลือแต่ดอยที่มองตามหนูนาอย่างเป็นห่วง แล้วตัดสินใจวิ่งตื๋อตามออกไปอย่างไม่สนใจภูผา
       ภูผาเจตนาปล่อยให้ดอยไป และแอบชำเลืองมองตามอย่างไม่สบายใจนัก
      
       หนูนาวางเตลิดมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าผาสูงชัน หน้าตานิ่งมาก ทั้งน้อยใจและเสียใจ ปล่อยให้น้ำตาไหลริน แต่ไม่สะอึกสะอื้น ค่อยๆ เอามือจับท้องแล้วพูดลอยๆ
       “แม่ขอโทษนะ แต่แม่มันคนไร้ค่า” กลืนกล้ำน้ำตา “ถ้าลูกเกิดมา ลูกก็ต้องอับอาย...มีแม่สกปรก มีพ่อเป็นโจร” ค่อยๆ ก้มมองท้องตัวเอง “เราไปด้วยกันนะ”
       เท้าหนูนาขยับเดินสายตามองไปข้างหน้า
       “ถ้าชาติหน้ามีจริงขอให้เรามาเจอกันอีก คุณด้วย..คุณภูผา” หนูนาสะอื้นออกมา “ขอให้เราได้เจอกันและขอให้คุณรักชั้นเหมือนอย่างที่ชั้นรักคุณ”
       เท้าหนูนาขยับเดินต่อ หนูนาสูดหายใจลึก แล้วหลับตาเตรียมกระโดด
       ดอยวิ่งมาหน้าตื่น ตะโกนลั่น “ลูกพี่”
       หนูนาหันขวับมอง
       ดอยตะโกนก้อง “อย่า...”
       หนูนาจะกระโดด แต่ดอยพุ่งชาร์จรวบตัวหนูนาไว้ จนหนูนาล้มลงอย่างแรงๆ หมิ่นเหม่จะตกมิตกแหล่ แลดูน่าหวาดเสียวมาก สองคนเถียงกันไปมา
       “ไอ้ดอย! ปล่อย”
       “ลูกพี่ ทำไมโง่อย่างนี้ อย่าดิ้น! ดอยไม่มีแรงแล้วนะ”
       “ปล่อย! ไอ้ดอย! ชั้นอยากตาย”
       “ลูกพี่”
       ดอยอาการแย่แล้ว มือที่รวบตัวหนูนาไว้ค่อยๆ อ่อนแรงลงทุกที หนูนาไถลลื่นไปอีก ร่างโดนกระแทก
       “ลูกพี่! ดอย...ดอยไม่ไหวแล้ว”
       ทันใดนั้น มือภูผาคว้าหมับ “หนูนา”
       หนูนาตะโกน “ปล่อย”
       ภูผาพยายามช่วยหนูนาขึ้นมาจนสำเร็จ ทุกคนมานั่งกองอยู่กับพื้น ดอยพุ่งกอดหนูนาแน่นร้องไห้ออกมาอย่างขวัญเสีย “ลูกพี่! ทำไมลูกพี่ทำอย่างนี้..คนโง่!! ฮือๆ”
       หนูนาผลักดอยกระเด็นทั้งที่เหนื่อยล้ามาก “ชั้นบอกไม่ต้องมายุ่งไง” ด่ากราด “มายุ่งกับชั้นทำไม”
      
       ไม่ทันขาดคำ ใบหน้าหนูนาหันไป เพราะโดนภูผาตบฉาดใหญ่
       หนูนาช็อก น้ำตาคลอ “คุณ” ยกมือกุมหน้า
       ภูผาตะคอกตอกใส่หน้า “อวดดี! อวดเก่ง! ทั้งๆ ที่โง่! โง่เหมือนที่ดอยมันว่า!”
       หนูนาเจ็บใจ น้อยใจ เสียใจ แหกปากลั่น “โง่ตรงไหน? ในเมื่อคุณบอกเองว่าชั้นเป็นคนของคุณ และในเมื่อชั้นรักคุณสุดหัวใจ คุณสั่งให้ชั้นไปตาย ชั้นก็ต้องตายให้สมใจคุณนี่ไง”
       ภูผาโกรธจัด ตวาดลั่น “หนูนา”
       ดอยตกใจสุดขีด มองที่ขาหนูนา ร้องเสียงหลง “ลูกพี่!! แย่แล้ว”
       ภูผามองตามดอย เห็นเลือดไหลมาตามขาหนูนาเป็นทาง
       ภูผาช็อก “หนูนา!!!
       ดอยปล่อยโฮ
       หนูนาหมดแรง หงายเงิบเป็นลมล้มพับไป
       ภูผาปรี่เข้าประคองไว้ในอ้อมแขนได้ทัน “หนูนา”
source: manager.co.th  

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น