วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อ่านละครรักเกิดในตลาดสด ตอนที่ 13 จบบริบูรณ์

“รักเกิดในตลาดสด” ตอนที่ 13 อวสาน
          
      
       ชาวตลาดตกใจเมื่อทราบข่าวสดศรีเข้าโรงพยาบาล
        
       “คุณพระช่วย...นี่ถึงกับต้องหามกันเข้าโรงบาลเลยเหรอ” ป้าพิณอุทานขึ้น
       “แต่ต๋องบอกว่าตอนนี้คุณนายปลอดภัยแล้วจ้ะ” กิมลั้งรีบว่า
       “ดีนะที่ไม่เป็นอะไร ไม่งั้นพวกเสี่ยชายศักดิ์มันคงจุดพลุฉลองกันใหญ่ที่ต่อไปจะไม่มีใครตามตอแยแล้ว” เต๊กไฮ้รีบเอ่ย
       “ชั้นไม่ปล่อยให้พวกมันมีความสุขหรอก ต่อให้คุณนายตายชั้นก็จะตามล้างตามผลาญมันแทน” คิตตี้ว่า
       “เชอะ...ตามล้างตามผลาญเหรอนังคิตตี้ แค่ที่มันเล่นงานเราทุกวันนี้ยังจัดการอะไรไม่ได้เลย” ชมพู่ว่า
       “ไม่ต้องห่วงหรอก ถึงวันนี้เราจะทำอะไรไม่ได้ แต่สุดท้ายคนเลวก็ต้องมีจุดจบของมัน” จะเด็ดเอ่ย
       “งั้นก็ช่วยเลื่อนจุดจบของมันขึ้นมาเร็วๆหน่อยได้มั้ย เพราะชั้นรู้สึกว่าจุดจบของเราจะแซงหน้ามันอยู่นะ” คำมูลว่า
       “เชื่ออั๊วซิ ถ้าเรายังเดินอยู่ในลู่ทางที่ถูกที่ควร ไม่ไขว้เขวต่อไปแบบนี้เราต้องรอดแน่ ยังไงความดีก็ต้องคุ้มครองคนทำดี เรื่องที่กำลังเจอกัน อยู่นี่มันก็แค่บทพิสูจน์หัวใจเราอีกบทนึง” เคี้ยงรีบเอ่ย
       “อั๊วว่าพวกเราให้กำลังใจกันแล้ว ก็ต้องไม่ลืมให้กำลังใจคนที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้อย่างคุณนายสดศรีด้วยนะ เราน่าจะไปเยี่ยมอีกันหน่อย อีจะได้ไม่รู้สึกว่าต่อสู้กับปัญหาลำพังกันแค่สองแม่ลูก” เต๊กไฮ้เอ่ย
       “นั่นซิ คนเราน่ะขาดอะไรก็ขาดได้แต่ต้องไม่ขาดกำลังใจ” ลักษณ์เอ่ย
       ชาวตลาดเห็นพ้องต้องกันอย่างสามัคคี
      
       เวลาเดียวกันนั้น ที่ร้านอาหารสุดหรู รัศมี ชายศักดิ์ และศักดิ์ชายอยู่กันพร้อมหน้า เปิดแชมเปญฉลองอย่างมีความสุข
       “แด่ความสำเร็จที่เรารอคอยกันมาตลอด” รัศมีเอ่ยอย่างมีความสุข
       สามคนชนแก้ว แต่ศักดิ์ชายแววตาคล้ายมีความในใจ
       “คราวนี้ก็ได้ขยายห้างสมใจเธอซักทีนะ” ชายศักดิ์เอ่ยออกมาอย่างดีใจ
       “สมใจรัศมีคนเดียวที่ไหนคะ ยังไงซะห้างก็เป็นสมบัติของพวกเราทุกคน ...ชายเป็นอะไรลูก ทำหน้าไม่เวรี่แฮปปี้เหมือนชื่อห้างเราเลย” รัศมีเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นลูกชายไม่ค่อยสดชื่น
       “อ๋อ ไม่มีอะไรครับผมแค่คิดอะไรนิดหน่อย” ศักดิ์ชายตอบ
       ครู่หนึ่งมือถือชายศักดิ์ดังขึ้น แต่ไม่โชว์เบอร์
       “ฮัลโหลครับ” ชายศักดิ์รีบรับสาย
       “ชั้นเอง” สดศรีเอ่ยขึ้น
       “มีอะไร” ชายศักดิ์จำเสียงได้ทันที
       “ถ้ากำลังอยู่กับคนที่บ้าน ก็อย่าให้พวกนั้นรู้ว่ากำลังคุยกับชั้นอยู่” สดศรีเอ่ย
       “ทำไม” ชายศักดิ์แปลกใจ
       “ชั้นมีเรื่องสำคัญที่เธอต้องรู้จะคุยด้วย” สดศรีพูด
       “เรื่องอะไร” ชายศักดิ์ถามกลับอย่างแปลกใจ
       “พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน แต่รับรองว่ามันสำคัญกับเธอมากพอๆกับชั้นแน่ แล้วจะบอกที่นัดหมายอีกที” สดศรีเอ่ยขึ้นก่อนจะวางสายไป
       ชายศักดิ์นิ่งคิดกับสิ่งที่ได้ยิน สดศรีถอนหายใจกับสิ่งที่ตัดสินใจทำลงไป
      
       เช้าวันใหม่ สดศรีกับศักดิ์ชายนัดพับกันที่ริมแม่น้ำแห่งหนึ่ง ชายศักดิ์ช็อกเมื่อได้ยินเรื่องที่สดศรีเล่า
       “ไม่จริง ณดาจะเป็นลูกชั้นได้ยังไงในเมื่อเธอท้องกับไอ้กริชผัวใหม่” ชายศักดิ์เอ่ยออกมาด้วยความตกใจ
       “ตอนที่เธอทิ้งชั้นไป ชั้นท้องได้เดือนหนึ่งแล้ว” สดศรีเล่าต่อ
       “นี่ถึงกับต้องลงทุนแต่งเรื่องน้ำเน่าเพื่อหาทางเอาที่คืนเลยเหรอ ไม่มีทาง” ชายศักดิ์ยังไม่เชื่อ
       “ชั้นแต่งงานกับคุณกริชสามเดือนหลังจากที่หย่ากับเธอ แล้วจากนั้นอีกห้าเดือนชั้นก็คลอดลูก เธอคงไม่คิดใช่มั้ยว่าณดาคลอดก่อนกำหนด ถ้าปลุกคนตายอย่างคุณกริชมายืนยันได้ชั้นจะเรียกมา เพราะเค้ารู้ความจริงทุกอย่างแต่ก็ยังรักณดามากเหมือนกับเป็นลูกของตัวเอง” สดศรีเล่ายืนยันความจริง
       “ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ทำไมเธอถึงไม่บอกชั้นตั้งแต่ตอนนั้น” ชายศักดิ์เอ่ยถามขึ้น
       “บอกทำไม เพื่อให้เธอไม่ทิ้งชั้นไปอยู่กับนังรัศมีนั่นเหรอ ชั้นไม่ต้องการให้คนที่หมดรักชั้นแล้วมารับผิดชอบชั้นเพียงเพราะเรื่องลูก” สดศรีเอ่ยอย่างปวดใจ
       “แล้วถ้างั้นเธอจะมาบอกกับชั้นตอนนี้ทำไม” ชายศักดิ์โพล่งออกมา
       “ที่ผ่านมาเธอทำบาปกรรมกับชั้นมามากพอแล้วชายศักดิ์ อยากรู้มั้ยว่าทำไมชั้นถึงกับต้องไปกู้เงินคุณพงษ์มา เพราะตั้งแต่คุณกริชสิ้นบุญไปชั้นต้องแบกรับภาระมากมาย ไหนจะเรื่องตลาด เรื่องลูก แต่หนี้ก้อนใหญ่ที่ตามล้างตามผลาญชั้นมาจนวันนี้ก็คือขี้ที่เธอทิ้งไว้ให้ ก่อนจะหนีไปเสวยสุขกับนั่งรัศมีนั่น อย่าบอกนะว่าเธอลืมไปแล้ว” สดศรีว่า
       ชายศักดิ์อึ้งไป
       “เธอน่าจะรู้ตัวดีว่าเลวแค่ไหน แต่ตอนนี้เธอกำลังทำเรื่องที่เลวที่สุดด้วยการขโมยสมบัติของลูกในไส้ไปให้ลูกชู้” สดศรีว่า
       “อะไรนะ”
       ชายศักดิ์ช็อกเมื่อได้ยินสดศรีพูดดังนั้น
      
       บ่ายนั้น ที่ลานจอดรถของห้างเวรี่แฮปปี้ รัศมีเดินคุยโทรศัพท์ออกมาจากในห้าง ด้อมๆมองๆอย่างมีพิรุธก่อนจะก้าวขึ้นรถ โดยไม่รู้ว่าชายศักดิ์ในรถอีกคัน ลอบสังเกตพฤติกรรมของรัศมีด้วยการขับรถตามออกไป
      
       รัศมีขับรถมาจนถึงฝั่งตรงข้ามกับหน้าบ้านเช้าของฤทธิ์ เจ้าของบ้านออกมารับด้วยสภาพไม่สวมเสื้อ และนัวเนียกันกลางถนน ชายศักดิ์ซึ่งจอดรถสังเกตการณ์อยู่เห็นภาพบาดตาถึงกับเลือดขึ้นหน้า
       “ชาติชั่ว” ศักดิ์ชายโพล่งออกมาด้วยความโกรธแล้วขับรถพุ่งไปหาสองคนนั้นจนต้องผละออกจากกัน
       “ว้าย” รัศมีรีบหลบ
       “ขับไปหาพ่อมึงเหรอ” ฤทธิ์ตะโกนด่าไล่หลังรถชายศักดิ์คันใหม่จึงทำให้รัศมีจำไม่ได้
      
       เวลาเดียวกัน ที่บ้านสดศรี ชาวตลาดแห่มาเยี่ยมกันเต็มบ้านด้วยความห่วงใย
       “ขอบใจทุกคนมากนะที่อุตส่าห์คิดถึงกัน” สดศรีเอ่ยกับชาวตลาด
       “พวกเดียวกัน ไม่คิดถึงกันแล้วจะคิดถึงใครล่ะคะคุณนาย” เขียวหวานเอ่ย
       “ยังไงซะคุณนายก็อย่าท้อนะคะ แล้วทุกอย่างมันจะผ่านพ้นไป” ป้าพิณบอก
       “ชั้นก็อยากให้มันผ่านไปเร็วๆ เหนื่อยเหลือเกินแล้ว” สดศรีตอบกลับป้าพิณ
       “เหนื่อยได้ แต่ยอมแพ้ไม่ได้นะคะคุณนาย เราจะไม่ยอมจบถ้าลากคอคนชั่วไปลงนรกไม่ได้” คิตตี้รีบบอก
       “เราจะสู้ไปด้วยกันจนกว่าตลาดจะกลับมาเป็นของเราอีกครั้งนะอาคุณนาย ต่อให้นานแค่ไหนก็ต้องไม่เลิกล้มความตั้งใจ” กิมฮวยเอ่ยขึ้น และจับมือสดศรีอย่างให้กำลังใจ
       “จ้ะ ไม่ว่าจะเกิดอะไร ชั้นจะสู้เพื่อให้ชีวิตเก่าของพวกเรากลับมา” สดศรีเอ่ยขึ้น
       ชาวตลาดต่างยิ้มดีใจที่เห็นสดศรียิ้มได้อย่างมีกำลังใจ
      
       เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง รัศมีขับรถมาจอดแล้วเดินอารมณ์ดีเข้าห้าง แต่ปรากฏว่ายามรีบเดินเข้ามาขวาง
       “นี่ชั้นสวยขึ้น หรือแกประสาทกลับฮะ มากันชั้นไว้ทำไม” รัศมีเอ่ยอย่างรำคาญใจ
       “เสี่ยห้ามไม่เจ๊เข้าไปเหยียบห้างตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปครับ” ยามตอบ
       “ไม่มีทาง เสี่ยจะทำอย่างนั้นทำไม”
       -ทันใดนั้นชายศักดิ์ขับรถมาจอดพอดิบพอดี
       “เอ้า เสี่ยมาพอดี ผมว่าเจ๊ถามเสี่ยเองดีกว่านะครับ” ยามเอ่ย
       “วันนี้แกได้ตกงานแน่” รัศมีขู่ยามกลับทันที
      
       รัศมีรีบหันไปฟ้องชายศักดิ์ เรื่องโดนยามกันไม่ให้เข้าห้างเวรี่แฮปปี้
       “เสี่ยขา...ช่วยเมียด้วย อยู่ๆไอ้ยามบ้ามันก็ไม่ยอมให้เมียเข้าไป” รัศมีรีบออดอ้อนชายศักดิ์อย่างไม่รู้ชะตากรรม
       “ยังกล้าเรียกแทนตัวเองว่าเมียอยู่อีกเหรอนังแพศยา ผู้หญิงสกปรกอย่างเธอไม่ควรจะมายืนใกล้ชั้นด้วยซ้ำ” ชายศักดิด่ารัศมีไม่ยั้ง
       “นี่ใครใส่ไฟอะไรรัศมีให้เสี่ยฟังคะ” รัศมีเถียงใจเต้นไม่เป็นส่ำ
       “ชั้นไม่เชื่ออะไรเท่ากับตาตัวเองหรอก พอเห็นถึงได้รู้ไงว่าที่ผ่านมาควายโง่อย่างชั้นถูกเธอสวมเขามาตลอด โง่ถึงขนาดไม่รู้ว่าเด็กที่ตัวเองหลงเลี้ยงดูอุ้มชูมาจนโตน่ะเป็นแค่ลูกชู้” ชายศักดิ์โพล่งความจริงออกมา
       “ไม่จริงนะคะ เสี่ยเอาอะไรมาพูด” รัศมีปฏิเสธ
       “นี่เธอจำไม่ได้เหรอว่ารถคันไหนที่เกือบชนเธอตายเมื่อตอนบ่าย” ศักดิ์ชายรีบเอ่ย
       รัศมีมองไปรถชายศักดิ์แล้วอึ้งไป เพราะคือรถคันเดียวกันที่จะชนเธอกับฤทธิ์ที่หน้าบ้านเช่า
       พอจำนนด้วยหลักฐานรัศมีถึงกับนิ่งไป
       “ถ้าจำได้แล้ว พรุ่งนี้ก็ไปเซ็นใบหย่าให้ชั้น” ศักดิ์ชายเอ่ยขึ้นอย่างตรงไปตรงมา
       “ดีเหมือนกัน...ชั้นก็ทนสะอิดสะเอียนไอ้เสี่ยขี้งกอย่างแกมานานจนจะอ้วกแล้ว” รัศมีโพล่งออกมาราวกับคนละคน
       “ฟังแล้วชั้นก็ดีใจนะที่ทำอย่างนั้นกับเธอ ไม่งั้นคงเสียอะไรไปมากกว่านี้ แค่หลงไปเกลือกลั้วอยู่กับอาจมอย่างเธอมาค่อนชีวิต มันก็เปลืองตัว เปลืองเวลามามากพอแล้ว นับตั้งแต่นี้ไปก็ยิ่งไม่ต้องหวังว่าจะได้อะไร จากชั้นไปแม้แต่สตางค์แดงเดียว” ศักดิ์ชายเอ่ยขึ้นด้วยความเจ็บปวดใจ
       “ไม่เป็นไรหรอก แค่ที่ดินตลาดนั่นมันก็ทำให้ชั้นอิ่มไปจนถึงชาติหน้าแล้ว” รัศมีเอ่ยขึ้น
       “เธอไม่ได้แอ้มตลาดแน่ เพราะชั้นจะเอาไปคืนให้ณดาลูกสาวของชั้น” ชายศักดิ์เอ่ย
       “นี่นังณดา...” รัศมีอึ้ง
       “ใช่...ณดาเป็นลูกของชั้นกับสดศรี ลูกที่สดศรีไม่เคยเอามาเป็นเงื่อนไขเพื่อรั้งชั้นไว้ ขณะที่ผู้หญิงหน้าด้านอย่างเธอกลับตอแหลว่าลูกในท้องเป็นของชั้น” ศักดิ์ชายว่า
       “แกก็เลยคิดจะไถ่บาปด้วยการเอาที่ดินนั่นไปคืนน่ะเหรอ อะไรมันคงไม่ง่ายขนาดนั้นมั้ง อย่าลืมซิว่าตอนนี้โฉนดมันเป็นชื่อของลูกชายชั้นแล้ว” รัศมีเอ่ย
       “ยังไงเธอก็ยังโง่วันยังค่ำรัศมี แค่ชั้นยอมสารภาพว่าเป็นคนปลอมลายเซ็น ชื่อของลูกชายเธอก็หมดความหมายแล้ว” ศักดิ์ชายว่า
       “คนอย่างแกน่ะเหรอจะยอมเข้าคุก ไม่มีทาง” รัศมีเอ่ยขึ้นอย่างท้าทาย
       “ถ้ามันเป็นทางเลือกสุดท้ายที่จะทำให้ชั้นชดเชยความเลวที่ทำไว้กับ ลูกได้ชั้นก็จะทำ แล้วนั่นก็หมายความว่าทั้งเธอทั้งลูกชายก็ต้องติดร่างแหไปด้วยแน่นอน” ศักดิ์ชายกล่าว
       “อ๊าย”
       รัศมีกรี๊ดด้วยความเจ็บใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
      
       บ่ายนั้น ศักดิ์ชายกับรัศมี คุยกันในที่ปลอดคนถึงความลับระหว่างครอบครัวอย่างเคร่งเครียด
       “คุณแม่ทำแบบนี้ได้ยังไงครับ โกหกคุณพ่อ โกหกผมมาตลอดชีวิต” ศักดิ์ชายแทบทรุดเมื่อทราบความจริงจากปากแม่ตัวเอง
       “ถ้าแม่ไม่ทำแบบนี้ แกก็ต้องเกิดมาเป็นลูกไอ้ขี้คุก ไม่มีทางได้เป็นศักดิ์ชายลูกสุดที่รักของเสี่ยชายศักดิ์ ไม่มีทางมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีพร้อมเหมือนที่ผ่านมา” รัศมีแก้ตัว
       “แล้วใครครับที่เป็นพ่อผม” ศักดิ์ชายถามอย่างอยากรู้
       “แกไม่จำเป็นต้องรู้ เพราะมันไม่ทำชีวิตแกดีขึ้นแน่ ตอนนี้สิ่งที่เราสองคนแม่ลูกต้องทำก็คือหาทางปล่อยขายโฉนดนั่นให้เร็วที่สุด จะได้เท่าไหร่ก็ต้องเอา ก่อนที่ไอ้เสี่ยมันจะเอาที่ดินไปคืนลูกเมียของมัน” รัศมีว่า
       “ไหนคุณแม่เคยบอกผมไงครับว่าคุณนายสดศรีโกงที่ดินจากคุณพ่อคุณแม่ไป” ศักดิ์ชายเอ่ยเค้นความจริง
       “ถ้าไม่พูดอย่างนั้นแกจะแข็งขันช่วยแม่เอาตลาดมาจากนังสดศรีมั้ย” รัศมีเอ่ย
       ศักดิ์ชายได้ยินรัศมีพูดยิ่งเสียใจกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น พาลนึกถึงวันที่ณดาตัดสินใจให้รถชนเพราะขอแลกที่ดินในตลาดคืนเพื่อสดศรี
       “คุณแม่รู้มั้ยว่าที่ผ่านมาผมทำร้ายร่างกายจิตใจณดายังไงบ้าง เพียงเพราะผมเชื่อที่คุณแม่บอกว่าเค้าโกงที่ดินเราไป” ศักดิ์ชายว่า
       “นังสองแม่ลูกนั่นจะเป็นตายยังไงก็เรื่องของมัน ทำไม เป็นห่วงมันมากเหรอ นึกเหรอว่าแม่ไม่รู้ว่าชายคิดอะไรกับนังณดา เลิกหลงรักศัตรูได้แล้ว แล้วก็ทำตามที่แม่บอก” รัศมีเอ่ยอย่างรู้ทัน
       “ไม่ครับคุณแม่ เราทำเรื่องแย่ๆกันมาเยอะแล้ว ตอนนี้สิ่งที่ดีที่สุดที่เราจะทำได้ก็คือคืนของของเค้าให้เค้าไป” ศักดิ์ชายเอ่ย ก่อนจะเดินออกมา แต่รัศมีดึงตัวไว้
       “ไม่นะ แกจะทำอย่างนั้นไม่ได้ ชาย...แกบ้าไปแล้ว” รัศมีโวยวาย
       ศักดิ์ชายผลักรัศมี แล้วรีบขึ้นรถขับออกไป
       “ชาย...” รัศมีตะโกนลั่นที่ลูกชายไม่ได้ดั่งใจ
      
       ต่อจากนั้น ศักดิ์ชายขับรถมาจอดที่หน้าตลาดร่วมใจเกื้อ ที่เวลานี้กลายสภาพเป็นตลาดร้าง ขยะปลิวว่อน
       “นี่เราทำอะไรลงไป” ศักดิ์ชายเอ่ยอย่างรู้สึกผิด
       ครู่หนึ่ง ต๋องเดินเข้ามา ศักดิ์ชายนิ่งไปด้วยความละอาย
       “เป็นยังไงล่ะ ชื่นใจมั้ยที่ในที่สุดนายก็ทำลายมันจนได้ ชั้นอยากจะรู้ นักว่าหัวใจของพวกนายทำด้วยอะไร อ้อ ไม่ใช่ซิ พวกนายไม่มีหัวใจถึงไม่เข้าใจว่าตลาดมีคุณค่า มีความหมายกับพวกเราเกินกว่าเป็นแค่ที่ทำมาหากินยังไง ถึงวันนึงนายจะทำให้ตลาดหายไปจากที่ตรงนี้ได้ แต่นายไม่มีทางทำให้มันหายไปจากใจพวกเรา แล้วพลังตรงนี้ต่างหากที่จะทำให้ตลาดกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ถึงมันจะไม่มีโอกาสตั้งอยู่ตรงที่เดิมอีกก็ตาม”
       ศักดิ์ชายกลับขึ้นรถออกไปไม่โดยได้โต้ตอบต๋องกับสิ่งที่เกิดขึ้น
      
       ไม่นานต่อจากนั้น ชายศักดิ์ยืนมองนอกหน้าต่างอยู่ในห้องทำงานอย่างหมดอาลัยตายอยาก ครู่หนึ่งเสียงประตูดังขึ้น
       “เข้ามา...” ชายศักดิ์เอ่ยอนุญาต
       ศักดิ์ชายเดินเข้ามาหา แต่ใบหน้ายังคงนิ่งและทำตัวไม่ถูกกับความจริงที่เพิ่งรับรู้ ทันใดนั้นศักดิ์ชายส่งซองเอกสารให้ชายศักดิ์ทันที
       “อะไร” ชายศักดิ์ถามขึ้น
       “โฉนดที่ดินตลาดพร้อมใบมอบอำนาจที่ผมเซ็นไว้ให้แล้วครับ” ศักดิ์ชายตอบ
       ชายศักดิ์รับโฉนดมาอย่างงงๆเพราะไม่คิดว่าศักดิ์ชายจะเอามาคืนอย่างง่ายๆ
       “ผมขอโทษแทนคุณแม่ด้วยนะครับสำหรับเรื่องที่ผ่านมา คุณแม่ทำทุกอย่างลงไปก็เพราะรักเพราะเป็นห่วงผม ผมเสียใจที่มีส่วนทำให้คุณพ่อเจ็บปวดกับเรื่องที่เกิดขึ้น ถึงวันนี้ผมจะไม่ใช่ลูกของคุณพ่ออีกต่อไปแล้ว แต่ผมจะรักคุณพ่อตลอดไป กราบขอบคุณคุณพ่อมากนะครับที่เลี้ยงดูผมมาเป็นอย่างดี” ศักดิ์ชายก้มลงกราบแทบเท้าชายศักดิ์ ชายศักดิ์อยากก้มลงมากอดลูกมาแต่ห้ามตัวเองไว้เพราะยังมีทิฐิในใจ
       “ดูแลตัวเองด้วยนะครับคุณพ่อ ลาก่อนครับ” ศักดิ์ชายเอ่ยทั้งน้ำตาแล้วเดินออกไป
       ชายศักดิ์ไม่เอ่ยใดๆยืนน้ำตาคลอมองศักดิ์ชายเดินจากไปอย่างขมขื่นใจ
      
       บ่ายนั้น ที่ตลาดร่วมใจเกื้อคึกคักเป็นพิเศษ เพราะข่าวการได้ตลาดคืนมาทำให้ชาวตลาดมีความสุขอีกครั้ง สดศรีถูกโยนตัวขึ้นไปมาอย่างมีความสุขของชาวตลาด
       “อาคุณนาย...ลื้อทำยังไงจู่ๆถึงได้ตลาดคืนมา” กิมฮวยเอ่ยถามสดศรี
       “จะยังไงก็แล้วแต่ชั้นก็คงต้องขอบคุณคนคนนึง...” สดศรีเอ่ยขึ้น
       “ใคร” ชาวตลาดถามเป็นเสียงเดียวกัน
       สดศรีหันมองด้านหลัง ชาวตลาดมองตามไปเห็นชายศักดิ์เดินมา ทุกคนพากันอึ้ง
       “คุณนายจะให้เราขอบคุณไอ้คนที่มันขโมยตลาดเราไปน่ะเหรอครับ” จะเด็ดเอ่ยขึ้น
       ชายศักดิ์ได้ยินถึงกับหน้าเสีย
       “เปล่า...ชั้นขอบคุณที่ในที่สุดเค้าก็รู้จักผิดชอบชั่วดีต่างหาก” สดศรีว่า
       “ชั้นเสียใจนะกับเรื่องทุกเรื่องที่เกิดขึ้น แล้วก็ขอโทษที่ทำให้ทุกคนต้องเดือดร้อนเพราะความไม่รู้จักพอของชั้นเอง” ชายศักดิ์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงใจ
       “คำว่าขอโทษมันไม่น้อยเกินไปหน่อยเหรอกับไอ้เรื่องชั่วร้ายที่เสี่ยทำ” ป้าพิณเอ่ยขึ้นบ้าง
       “ไม่นะ ชั้นไม่ได้คิดจะใช้คำขอโทษลบล้างความผิดของตัวเอง แต่ถ้าทุกคนให้โอกาสชั้นแก้ตัวซักครั้ง ชั้นก็อยากให้ตลาดร่วมใจเกื้อกับห้างเวรี่แฮปปี้เริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่ ที่ดีต่อกัน” ชายศักดิ์เอ่ย
       “พวกเราจะแน่ใจได้ยังไงว่าคุณไม่ได้มีแผนการอะไรอีก” ณดาเอ่ยถามขึ้น
       “ต่อให้ชั้นรับประกันยังไง ทุกคนก็คงไม่ไว้ใจชั้นแน่นอน ขอเวลาให้ชั้น พิสูจน์ความตั้งใจจริงหน่อยได้มั้ย เพราะชั้นเชื่อว่าทั้งตลาดทั้งห้าง สามารถเกื้อกูลช่วยเหลือกันได้โดยไม่ต้องเป็นคู่แข่ง แค่ต่างคนต่างทำหน้าที่ที่ดีที่สุดของตัวเองไป” ชายศักดิ์ว่า
       “งั้นบอกได้มั้ยว่าอะไรที่ทำให้ความคิดคุณเปลี่ยนไปได้มากมายขนาดนี้” ณดาเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ
       “หนูไง” ชายศักดิ์ตอบ
       ณดากับชาวตลาดตกใจไม่แพ้กัน
       “มันมาเกี่ยวกับชั้นได้ยังไง” ณดาเอ่ยถามกลับทันที
       “ชั้นก็แค่พ่อคนนึงที่อยากชดใช้ความผิดบาปมากมายที่เคยทำกับลูกสาวของตัวเองไว้” ชายศักดิ์ตอบออกมา ชาวตลาดฮือฮายิ่งอยากรู้
       “นี่คุณกำลังพูดเรื่องอะไร” ณดาเริ่มงง
       “ณดา เสี่ยชายศักดิ์เป็นพ่อที่แท้จริงของลูก” สดศรีตัดสินใจบอกลูกด้วยตัวเอง
       ณดาและชาวตลาดอึ้งไปตามๆกัน
       “ไม่จริง ชั้นมีพ่อกริชคนเดียว พ่อที่เลี้ยงดูชั้นมาตั้งแต่เกิด พ่อที่อยู่เคียงข้างชั้นกับแม่จนถึงวันที่ตัวเองตายไม่ใช่พ่อที่ทิ้งเราไปมี ลูกกับผู้หญิงคนอื่นอย่างไม่ใยดี ถ้างั้นก็หมายความว่าศักดิ์ชาย...” ณดาช็อกและยิ่งว่าวุ่นไร้สติเมื่อยิ่งคิดถึงเรื่องของตนเองกับศักดิ์ชาย
       “ณดา...” สดศรีจะวิ่งตามณดาที่วิ่งเตลิดออกไป แต่ต๋องห้ามไว้
       “เดี๋ยวผมจัดการให้ครับ คุณนายอยู่เป็นเพื่อนเสี่ยที่นี่ดีกว่า”
       ต๋องอาสาตามณดาไปเพราะรู้ความจริงเรื่องศักดิ์ชายไม่ใช่ลูกของชายศักดิ์
      
       ณดาวิ่งร้องไห้ออกมาราวกับใจจะขาด ครู่หนึ่งต๋องตามมาถึงคลองหลังตลาด
       “คุณณดา...” ต๋องเรียกณดาอย่างเตือนสติ
       “ทำไมณดาถึงโชคร้ายอย่างนี้ต๋อง แค่รับรู้ว่าเสี่ยชายศักดิ์เป็นพ่อมันก็เลวร้ายพอแล้ว แต่คนที่เคยข่มเหงณดากลับเป็นลูกชายของเค้าด้วย ทำไมมันถึงต้องเป็นอย่างนี้” ณดาโผกอดต๋องอย่างต้องการที่พึ่ง
       “ไม่ใช่ครับคุณณดา ศักดิ์ชายไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของเสี่ย” ต๋องรีบบอกความจริง
       ณดาถึงกับอึ้ง
       “ส่วนตัวเสี่ยชายศักดิ์ ผมอยากให้คุณลองให้โอกาสพ่อของตัวเองนะ เพราะโอกาสที่คุณให้มันอาจจะทำให้เค้ากลายเป็นคนที่ดีขึ้นมาก็ได้” ต๋องเอ่ย
       ณดาสงบลง แต่ในใจยังสับสนกับเรื่องราวที่เพิ่งรับรู้
source: manager.co.th

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น