วันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อ่านละครหงส์สะบัดลาย ตอนที่ 3 (ต่อ)

  ในห้องครัวเวลานั้น ระบิลล้างจานใบสุดท้ายเสร็จพอดี ก่อนหันมาพูดกับทุกคนอย่างอารมณ์ดี
      
       “ได้ผลเกินคาด ซัดเรียบหมดจาน”
       “ถึงยังไม่ยอมลงมาข้างล่าง แต่ก็เป็นนิมิตรหมายที่ดีนะคะ”
       กันต์ยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ เอื้อมมือไปกุมมือเจือจันทร์อย่างให้กำลังใจ
       “ฉันขอตัวไปดูลูก”
       เจือจันทร์พยักหน้ารับรู้แต่สีหน้าก็ยังคงมีแววกังวลอยู่ไม่น้อย กันต์หันไปพูดกับระบิลและเนติมาอย่างถนอมน้ำใจ
       “อย่าถือเขาเลยนะ เรื่องที่ผ่านมามันหนักมากเกินกว่าจะให้เขาลืมแค่ชั่วข้ามคืน”
       “พวกเราเข้าใจค่ะอากันต์”
       เนติมาพูดอย่างเข้าใจความรู้สึก กันต์ยิ้มรับอย่างขอบคุณก่อนนึกอะไรขึ้นมาได้
       “เก่งมากนะคุณระบิล นอกจากผมแล้ว เธอยังไม่ยอมคุยกับผู้ชายคนไหนอีกเลยนะ”
       ระบิลยิ้มแล้วบอก
       “โอ๊ย..ไม่เก่งหรอกครับคุณอา แค่ขายฮานิดหน่อย”
       “ฮาหรือตะกละ” เนติมาเบรก
       “ก็มันอร่อยนี่คุณ..เอิ๊ก”
       เนติมามองค้อนระบิลเป็นเชิงหยอกเล่น ระบิลลอยหน้าลอยตาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนจะแกล้งทำเป็นจะเรอขึ้นมาอีกจนเนติมาอดยิ้มออกมาไม่ได้
      
       ระหว่างนั้นโทรศัพท์มือถือของเนติมาก็ดังขึ้น เนติมาดูเบอร์แล้วรีบรับสายทันที
      
       “ค่ะพี่ศิวัช”
       เนติมานิ่งฟังปลายสายอยู่ครู่หนึ่ง สีหน้าก็เริ่มจริงจังขึ้นระบิลกับกันต์มองเนติมาด้วยความสนใจ
       “ค่ะพี่ศิวัช เดี๋ยวพบกันนะคะ”
       เนติมาวางสาย ระบิลรีบถามทันทีด้วยความอยากรู้
       “มีอะไรรึเปล่าคุณ”
      
       ภายในห้องนอนที่คอนโด ชลกรอยู่ในชุดนอนบางเบาสุดเซ็กซี่พลิกตัวขึ้นมานอนกอดพงษ์เลิศอย่างออดอ้อน
       “วันนี้นอนขี้เซาจังเลยนะคะ”
       “แล้วเมื่อคืนใครล่ะที่ทำให้ฉันหมดสภาพอย่างนี้”
       พงษ์เลิศพูดอย่างอ่อนเพลีย ชลกรยิ้มอย่างหว่านเสน่ห์
       “ก็คิดถึงนี่คะ หมู่นี้เราไม่ค่อยได้เจอกันเลยนะ”
       “ช่วงนี้ฉันเครียด นี่ถ้าเลือกตั้งครั้งหน้า ขั้วของฉันไม่ได้กลับเข้ามามีหวังแย่ ขี้ที่นั่งทับอยู่จะระเบิดใส่หัวเอา เมื่อถึงเวลานั้นเธอเองก็คงไม่เห็นหัวฉันเหมือนกัน”
       พงษ์เลิศสีหน้าดูจริงจังขึ้นทันที ชลกรยังยิ้มอย่างใจเย็นก่อนหอมแก้มพงษ์เลิศอย่างเอาใจ
       “แหม..ฉันจะทิ้งคุณได้ยังไงคะ อย่าลืมสิว่าเราคือบัดดี้ที่เข้าขากันมากที่สุด อีกอย่างฉันยังมองไม่เห็นทางเลยว่าขั้วของเราจะแพ้”
       “ไอ้คู่ต่อสู้ที่มีอยู่ฉันไม่กลัว แต่ฉันสังหรณ์ใจว่า...”
       ยังไม่ทันที่พงษ์เลิศจะพูดอะไรต่อ ชลกรก็เอานิ้วไปแตะที่ริมฝีปากพงษ์เลิศเบาๆพร้อมพูดเสียงออดอ้อนเอาใจ
       “ไม่พูดเรื่องนี้แล้วค่ะ ฉันยังมั่นใจว่าไม่มีใครโค่นคุณได้ ตอนนี้ทำใจสบายๆ รับความสุขที่ฉันเตรียมมาให้ดีกว่านะคะ”
       “ฮึ..พูดอย่างกับพวกส่งอาหารเดลิเวอรี่”
       “แล้วที่กินอยู่บ่อยๆเนี่ย ไม่ใช่เดลิเวอรี่เหรอคะ”
      
       เสียงโทรศัพท์ของพงษ์เลิศดังขึ้น ทั้งคู่ชะงักไป พงษ์เลิศถอนใจอย่างเซ็งๆก่อนรับสาย
       “ว่าไงลูก”
       พงษ์เลิศฟังปลายสายอยู่ครู่หนึ่งก็มีสีหน้าตกใจขึ้นทันที ชลกรเห็นก็รู้ทันทีว่าต้องมีเรื่องแน่ๆ
       “งั้นแค่นี้นะ”
       “เกิดอะไรขึ้นคะคุณ”
       พงษ์เลิศไม่ตอบอะไรรีบคว้ารีโมทโทรทัศน์ขึ้นกดเปิดทันที และทั้งสองคนต้องตะลึงเมื่อภาพในจอโทรทัศน์คือธำรงและศิวัช
       “นั่นมันคุณธำรง กิตติธร นี่คะ..พรรคสยามพัฒนา นี่มันอะไรกันคะเนี่ย”
       ชลกรพูดด้วยความตกใจ พงศ์เลิศยกมือขึ้นห้ามเพราะอยากจะฟังข้อมูลในข่าว
       
       สายตาพงษ์เลิศจดจ้องไปที่จอโทรทัศน์อย่างตั้งใจ
ภาพข่าวในจอทีวีขณะนั้น ศิวัชกับธำรงแต่งกายด้วยชุดสูทเนี๊ยบในงานเลี้ยงเปิดตัวพรรคที่จัดอย่าง หรูหราใหญ่โต ด้านหลังของศิวัชและธำรงเห็นป้ายที่เขียนไว้ว่า “งานเปิดตัวพรรคสยามพัฒนา”
       
       สองคนกำลังยืนให้สัมภาษณ์เหล่านักข่าวที่รุมล้อมกันทำข่าวด้วยความสนใจ
       “พรรคสยามพัฒนาของเราจะนำพาประเทศกลับเข้าสู่เส้นทางของความเจริญรุ่งเรืองที่ยั่งยืน นำพารอยยิ้มกลับมาสู่คนไทยทุกคน”
      
       ภายในบ้านอิสราวัชร ข่าวในจอทีวีที่เปิดอยู่เห็นศิวัชกับธำรงกำลังให้สัมภาษณ์นักข่าวอยู่
       “เราจะบริหารงานด้วยทีมงานคนรุ่นใหม่และทีมที่ปรึกษาที่มากประสบการณ์ ที่สำคัญทุกอย่างต้องโปร่งใส” ธำรงบอก
       อิทธิหาญกำลังดูการแถลงข่าวอยู่ด้วยความไม่พอใจ
       “ไอ้ธำรงมันกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมพวกเราไม่รู้เลยครับเสี่ย” ปานว่า
       “แกถามฉัน แล้วฉันจะไปถามใครวะไอ้ปาน เจ็บใจจริงๆ”
       อิทธิหาญฉุนขาดปัดข้าวของใกล้มือตกระเนระนาด
      
       ภายในห้องนั่งเล่น กันต์กับเจือจันทร์ตั้งอกตั้งใจดูโทรทัศน์เช่นเดียวกัน
       “หมายความว่า คุณธำรงจะเสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปใช่รึเปล่าคะ” นักข่าวถาม
       “คนรุ่นผม หมดแรงที่จะรับผิดชอบชีวิตคนทั้งประเทศแล้วครับ ส่วนคนที่จะเสนอตัวรับภาระหนักอึ้งที่คุณว่าคือลูกชายผมเอง..ศิวัช” ธำรงตอบ
      
       ภายในห้องจัดเลี้ยงหรูของโรงแรม ศิวัชกำลังให้สัมภาษณ์นักข่าวอยู่ด้วยน้ำเสียงจริงจังและหนักแน่น
       “ผมมั่นใจว่าจะนำพาประเทศให้เจริญรุดหน้า เคียงบ่าเคียงไหล่กับประเทศยักษ์ใหญ่ได้อย่างไม่น้อยหน้า”
       นักข่าวถาม
       “แต่ประสบการณ์ทางการเมืองของคุณยังไม่มีเลยนะคะ”
       นักข่าวอื่นๆต่างฮือฮาอย่างรู้คำตอบเช่นกัน
       ระบิลกับเนติมาและนายพลทวียืนอยู่ใกล้ๆกลุ่มนักข่าว เนติมาสีหน้าไม่สู้ดีนัก ระบิลมองเนติมาอย่างเข้าใจความรู้สึก ระบิลเอียงหน้าเข้าไปพูดกับเนติมา
       “มั่นใจในตัวแฟนหน่อยสิคุณ นี่แค่หมัดแย็บ ข้างหน้ายังมีหมัดชุดรออยู่อีกเยอะ”
       เนติมาครุ่นคิดตามที่ระบิลพูด ก่อนสูดหายใจลึกเรียกความมั่นใจรอฟังศิวัชตอบ
       “ก็ผมไม่ได้มาเล่นการเมืองนี่ครับ”
       ศิวัชยิ้มแล้วตอบคำถามนักข่าวอย่างใจเย็น นักข่าวฮือฮา หลายคนงงในคำตอบของศิวัช
       “แต่ผมมาทำงานเพื่อประชาชน เพื่อแผ่นดินแม่ของผม เพราะฉะนั้นผมไม่จำเป็นต้องมีลีลาทางการเมืองเพื่อต่อรองอะไรกับใคร แต่ถ้าจะมีอะไรต้องต่อรอง คนที่ได้ประโยชน์ต้องเป็นประชาชนคนไทยเท่านั้น”
       ศิวัชทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นจนสื่อมวลชนที่มาทำข่าวถึงกับ อึ้ง ก่อนพร้อมใจกันปรบมือให้อย่างเซ็งแซ่ ระบิลกับเนติมาหันมายิ้มให้กันอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่ทั้งสองคนจะปรบมือให้ศิวัช
       ศิวัชกับธำรงยิ้มอย่างอารมณ์ดี ศิวัชยกมือไหว้ขอบคุณสื่อมวลชนอย่างนอบน้อม
      
       ภาพงานเลี้ยงเปิดตัวพรรค “สยามพัฒนา” ในจอโทรทัศน์...ผู้ชมต่างเห็นบรรยากาศที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของศิวัช ธำรง และผู้ที่มาร่วมงาน
      
       พงษ์เลิศมองภาพในโทรทัศน์ด้วยความขัดใจ ชลกรที่นั่งดูอยู่ ชะงักทันทีเมื่อเห็นอะไรอย่างหนึ่งในโทรทัศน์ ชลกรรีบสะกิดเรียกพงษ์เลิศทันที
       “คุณคะ..ผู้หญิงคนนั้น”
       “ไหน...”
       “คนที่สวยๆนั่นไงคะ นึกไม่ออกว่าฉันเคยเห็นที่ไหน”
       ชลกรชี้ให้พงษ์เลิศดูที่กลุ่มคนซึ่งมาร่วมงาน เห็นเนติมายืนคุยอยู่กับระบิล พงษ์เลิศมองแล้วก็จำได้ทันที
       “นังเนติมา !”
       “ลูกสาวคุณวิเชียรที่คุณเคยเอารูปให้ฉันดู”
       ชลกรนึกขึ้นมาได้ทันที จังหวะเดียวกัน โทรศัพท์มือถือของพงษ์เลิศก็ดังขึ้น พงษ์เลิศดูเบอร์แล้วรีบรับสาย...
       “พ่อเห็นแล้ว”
       อิทธิหาญกำลังคุยโทรศัพท์กับพงษ์เลิศ พลางมองภาพในโทรทัศน์อยู่อย่างขัดใจเช่นกัน
       “นึกว่าหนีไปไหนไกล ที่แท้ก็กลับมาให้เชือดถึงเมืองไทย” อิทธิหาญบอก
       “แต่ตอนนี้พ่อสนใจเรื่องที่พวกมันตั้งพรรคการเมืองมากกว่า นักข่าวยังรู้ แต่ทำไมเราไม่รู้วะ เสียเหลี่ยมชะมัด”
       “มันต้องการให้เราเซอร์ไพรส์”
       “เปิดตัวใหญ่ขนาดนี้มันไม่ต้องการแค่นั้นแน่”
       “แล้วพ่อคิดว่ามันต้องการอะไร”
       “อำนาจอยู่ในมือใคร ก็เหมือนถือไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์ที่จะชี้ให้ใครเป็น ใครตายก็ได้และพ่อมั่นใจว่ามันต้องการอย่างนั้น”
      
        พงษ์เลิศพูดอย่างมั่นใจในความคิดของตัวเองอย่างมาก อิทธิหาญครุ่นคิดตามที่พงษ์เลิศพูด พลางจ้องภาพงานเลี้ยงในโทรทัศน์ด้วยสายตาที่มีเลศนัยอย่างมาก 
มุมหนึ่งภายในงานเลี้ยง ศิวัชยืนพูดคุยกับนักธุรกิจทั้งไทยและต่างชาติหลายคนด้วยรอยยิ้มและท่าทาง ที่สง่าผ่าเผย โดยมีนักข่าวรุมล้อมไม่ห่าง
      
       เนติมายืนอยู่ห่างออกมา ระบิลนำเครื่องดื่มมายื่นให้เนติมาแล้วอดแซวไม่ได้
       “น่าดีใจนะครับ แค่เปิดตัววันแรกนักธุรกิจก็แห่กันให้การสนับสนุนพรรคมากขนาดนี้แล้ว”
       “อืม..ค่อยมีกำลังใจทำงานหน่อย”
       เนติมาพูดยิ้มอย่างอารมณ์ดี ขณะที่ระบิลมองกลับไปที่ศิวัชแล้วชี้ให้เนติมาดูทันที เนติมามองตามไปเห็นหญิงสาวหลายคนเข้าไปขอถ่ายรูปกับศิวัช
       “แถมคุณศิวัชจะเป็นขวัญใจแม่ยกซะด้วยนะคุณ อ๊ะๆ หึงล่ะสิหายใจลึกๆไว้นะคุณ คิดว่าเผื่อแผ่เพื่อนร่วมโลก..โอมมม”
       “จะบ้าเหรอ ฉันจะไปหึงนักข่าวเขาทำไม”
       เนติมายิ้มกับระบิลอย่างอารมณ์ดี จังหวะเดียวกันธำรงซึ่งปลีกตัวจากนักข่าวเดินเข้ามาสมทบ
       “เป็นไงบ้างหนูเนติ์”
       เนติมายิ้มแล้วบอก
       “คนให้ความสนใจกว่าที่คิดนะคะ”
       “ที่เหลือก็อยู่ที่เราแล้วนะครับ คุณภาพเท่านั้นที่จะเป็นเกราะป้องกันตัวเราได้” ระบิลว่า
       “เรื่องคุณภาพ เรามั่นใจในตัวเราเองอยู่ แต่ปัจจัยภายนอกนั่นแหละที่น่าห่วงยังมีอะไรที่จะมากระทบพวกเราอีกมาก”
       ธำรงมองเลยไปด้านหลัง เห็นนายพลทวีเดินยิ้มเข้ามา ธำรงยกมือไหว้อย่างนอบน้อม
       “อ้าว..ท่าน สวัสดีครับ”
       ระบิลกับเนติมาหันไปไหว้นายพลทวีตามธำรง
       “ขอโทษด้วยนะคุณธำรง บังเอิญผมติดธุระด่วนน่ะ”
       “ไม่เป็นไรครับท่าน ... อ้อ..หนูเนติ์ คุณระบิลนี่ท่านทวีที่ปรึกษาพรรคของเรา” ธำรงบอกแล้วแนะนำ
       ระบิลกับเนติมายกมือไหว้นายพลทวีอีกครั้ง นายพลทวีรับไหว้ยิ้มอย่างใจดี
       ธำรงมองหาใครบางคนแล้วถาม
       “เอ๊ะ..แล้วหนูตี้ไม่ได้มาด้วยเหรอครับ”
       “ตี้อยู่นี่ค่ะคุณอา” เสียงปฏิพรดังเข้ามาพอดี
       ระบิล เนติมา ธำรง นายพลทวีหันไปเห็นปฏิพรถือดอกไม้ช่อโตเดินยิ้มฝ่ากลุ่มผู้คนเข้ามา
       “ขอโทษนะคะ ตี้รอดอกไม้นานไปหน่อย”
       ปฏิพรเดินไม่ทันระวังจนเดินชนเนติมาจนเสียหลักเซไปเล็กน้อย แต่ระบิลประคองไว้ได้ทัน
       “ว้าย ขอโทษค่ะ”
       “เออ..ไม่เป็นไรค่ะ”
       ระบิลกับเนติมามองหน้ากันงงๆ เพราะยังไม่รู้จักปฏิพร
       “แล้วพี่ศิวัชล่ะคะอยู่ไหน”
       จังหวะนั้นปฏิพรหันไปเห็นศิวัชพอดี
       “อุ๊ย..นั่นไง เดี๋ยวตี้เอาดอกไม้ไปให้พี่ศิวัชก่อนนะคะ”
       ปฏิพรพูดอย่างรีบๆ แล้วเดินออกไปทันที ขณะที่ธำรงกับนายพลทวียิ้มให้กันอย่างอารมณ์ดี
       ระบิลกับเนติมามองตามปฏิพรที่เดินฝ่าวงล้อมนักข่าวเอาดอกไม้ไปให้ศิวัช นักข่าวถ่ายรูป
       ศิวัชคู่กับปฏิพรกันด้วยความสนใจ
       ระบิลกับเนติมาหันมามองหน้ากันอย่างงงๆ แล้วทุกคนก็ต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงฮือฮาที่ดังมาจากด้านหลัง
       “ว๊าย ! อะไรกันเนี่ย” เสียงผู้หญิงพูดขึ้น
       “ผิดงานรึเปล่าน้อง เดี๋ยวๆ” ชายคนหนึ่งถาม
       ระบิล เนติมา ธำรง นายพลทวี และผู้คนที่อยู่แถวนั้นต่างหันขวับไปดูด้วยความตกใจ
      
       บริเวณประตูทางเข้าห้องจัดเลี้ยง ระบิล เนติมา ธำรง นายพลทวีเดินแหวกกลุ่มผู้มาร่วมงานและนักข่าวที่รุมล้อมดูอะไรบางอย่างอยู่
       “ขอโทษนะครับๆ ขอทางหน่อยครับ” ระบิลบอก
       “อุ๊ย !”
       ทั้งระบิล เนติมา ธำรง นายพลทวีตะลึงเมื่อเห็นพวงหรีดอันใหญ่ตั้งอยู่กับพื้น กลางพวงหรีดมีข้อความเขียนไว้ว่า “ยินดีต้อนรับ..สู่นรก”
       ศิวัชกับปฏิพรตามเข้ามาดูด้วยความตกใจ
       “เกิดอะไรขึ้นครับ” ศิวัชถาม
       “ว้าย ! น่ากลัวจังเลย นี่มันขู่ฆ่าเราใช่มั้ยคะ”
       ปฎิพรร้องโวยวายอย่างไร้สติ ทำเอาคนรอบๆหลายคนเริ่มฮือฮา ระบิลรีบหันไปถามคนแถวนั้นทันที
       “ใครเป็นคนเอามา”
       “ไม่รู้เป็นใครครับ แต่เป็นผู้ชายหนุ่มๆสวมแจ๊คเก็ตสีดำวิ่งเอามาวางแล้วก็เผ่นแน่บไปเลย”
       “ออกไปเมื่อกี้นี้เองค่ะ”
      
       ระบิลรีบวิ่งตามออกไปด้านนอกทันที เนติมามองตามระบิลไปด้วยความเป็นห่วง
 ระบิลวิ่งตามออกมาบริเวณหน้าโรงแรม พลางกวาดสายตาไปรอบๆเพื่อหาคนเอาพวงหรีดมาวาง ระบิลหันไปถามพนักงานของโรงแรมที่เดินสวนเข้ามาพอดี พนักงานส่ายหน้าไม่รู้ก่อนเดินเลยเข้าไปในตัวโรงแรม
      
       เนติมาวิ่งตามออกมาพอดี “เจอมั้ย”
       “ไม่เจอครับ สงสัยคงหนีไปแล้ว ผมว่าเรากลับเข้าไปข้างในกันเถอะครับ”
       เนติมาพยักหน้ารับคำก่อนหันกลับจะเดินเข้าไปด้านใน โดยมีระบิลตามประกบอยู่ด้านหลัง
       รถยนต์คันหนึ่งวิ่งผ่านด้านหน้าของโรงแรม แล้วลดกระจกลงมาพร้อมเล็งปืนไปที่ระบิลกับเนติมา
       ระบิลชำเลืองไปที่กระจกบานใหญ่หน้าประตูโรงแรมเห็นลูกน้องของอิทธิหาญอยู่ในรถเล็งปืนมาพอดี
       “ระวัง !”
       ระบิลรีบรวบตัวเนติมาให้ทิ้งตัวนอนกับพื้นทันที โดยระบิลเอาร่างตัวเองรับเนติมาไว้ จังหวะเดียวนั้นลูกน้องของอิทธิหาญก็ลั่นกระสุนสามสี่นัดเข้าใส่ ระบิลรีบพลิกตัวเอาร่างบังเนติมาอย่างรวดเร็ว กระสุนเฉียดระบิลกับเนติมาไปได้อย่างฉิวเฉียด
       - ระสุนปืนพุ่งไปโดนกระถางต้นไม้บริเวณนั้นแตกกระจาย ก่อนที่ลูกน้องของอิทธิหาญจะขับรถหนีไปอย่างรวดเร็ว ระบิลรีบชักปืนลุกขึ้นเล็งตามไปแต่ไม่ทันแล้ว
       “โธ่เว้ย...คุณไม่เป็นไรใช่มั้ย”
       “ไม่..ฉันไม่เป็นอะไร”
       ระบิลพูดด้วยความเป็นห่วง ก่อนเอื้อมมือไปดึงเนติมาขึ้นมา เนติมาครุ่นคิดด้วยความสงสัย
       “พวกนั้นเป็นใครนะ”
      
       อิทธิหาญเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นบ้านพงษ์เลิศด้วยอารมณ์ไม่สู้ดีนัก
       “ฝีมือแกใช่มั้ย”
       อิทธิหาญหันไปเห็นพงษ์เลิศนั่งอยู่มุมหนึ่ง โดยมีชลกรนั่งอยู่ข้างๆ อิทธิหาญถอนใจอย่างเซ็งๆ
       “อะไรอีกล่ะพ่อ”
       “เลิกเล่นมุขนี้ซะทีเถอะ ฉันรู้นะว่า แกเป็นคนส่งพวงหรีดไปงานเปิดตัวพรรคของไอ้ธำรง แล้วก็ส่งคนไปยิงขู่มันด้วย”
       “ก็..ไม่เห็นมีใครตายนี่พ่อ คิดซะว่าต้อนรับน้องใหม่”
       “แต่แกจะทำให้พวกเราตาย”
       พงษ์เลิศพูดอย่างจริงจัง อิทธิหาญถอนใจออกมาด้วยความหงุดหงิด
       “พ่อครับ..แค่พวงหรีดกับยิงขู่ จับมือใครดมไม่ได้หรอกน่า”
       “แต่คนที่เสียผลประโยชน์ของการตั้งพรรคของพวกมันก็คือเรานะคะ พรุ่งนี้เตรียมแก้ตัวกับนักข่าวได้เลย” ชลกรว่า
       “แล้วถ้าคนที่ลูกน้องของแกไปยิงขู่ ไม่ใช่ลูกสาวของไอ้วิเชียร”
       อิทธิหาญชะงักทันที สายตาอิทธิหาญเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม
       “นี่มันตามไอ้ธำรงกลับมาด้วยเหรอเนี่ย ดี ! จะได้ไม่ต้องตามหาให้เสียเวลา”
       “มันรอดมือพวกเราจากที่ฝรั่งเศสมาได้ แล้วยังกล้าตามกลับมาเมืองไทยอีก มันคงไม่กลับมาเป็นเหยื่อให้แกล่อเป้าได้ง่ายๆแน่”
       “พ่อพูดยังกับมันจะกลับมาล่าพวกเรา”
       อิทธิหาญถามด้วยความสงสัย ชลกรพยายามพูดอย่างใจเย็น
       “สถานการณ์พวกเราไม่เหมือนก่อนแล้วนะคะ แค่วันนี้มันเปิดตัวแล้วมันโดนคุกคามขนาดนี้ พวกมันก็ได้กำลังใจจนล้นหลามแล้ว ขืนเราทำอะไรไม่ยั้งคิดก็จะยิ่งติดลบ”
       “คุณมีสิทธิ์สั่งสอนผมด้วยเหรอคุณชลกร”
       อิทธิหาญหันขวับมาพูดกับชลกรด้วยน้ำเสียงดุ จนชลกรไม่กล้าสู้สายตา
       “ทำหน้าที่บนเตียงของคุณไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ผมว่าก็พอแล้วนะ”
       “อิทธิหาญ !”
       พงษ์เลิศเรียกเป็นเชิงปราม เมื่อเห็นชลกรตะลึงกับคำพูดของอิทธิหาญ
       “ผมขอตัวนะพ่อ“
       อิทธิหาญมองชลกรอย่างดูถูกก่อนเดินขึ้นชั้นบนไปอย่างไม่แยแส พงษ์เลิศกับชลกรมองตามอิทธิหาญไปด้วยสายตาที่ไม่สบายใจนัก
      
       วันรุ่งขึ้น พาดหัวข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ “วางหรีด รัวปืนใส่ ฉลองเปิดตัวพรรค” ธำรงลดหนังสือพิมพ์ในมือลงด้วยสีหน้าพึงพอใจ ก่อนพูดอย่างใจเย็นภายในห้องนั่งเล่น
       “มันคงคิดไม่ถึงว่ากำลังช่วยเราโปรโมตพรรค” ธำรงว่า
       ศิวัช นายพลทวีดูข่าวจากหนังสือพิมพ์เล่มอื่นๆอยู่ด้วยความพอใจ ขณะที่เนติมาเช็กข่าวจากแท็บเล็ตและยิ้มอย่างชอบใจ
       “เว็บหลายเว็บประณามคนที่ทำกับเราเละเลยนะคะ”
       ปฏิพรดูยังตื่นเต้นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่หาย
       “น่ากลัวจังเลยนะคะ รู้ตัวขนาดนี้แล้ว ทำไมไม่จัดการเลยล่ะคะ ขืนปล่อยไว้ ตี้ว่าจะยิ่งอันตรายกับพวกเรานะคะ”
       “คนในสังคมก็พิพากษาแทนเราไปเรียบร้อยแล้วล่ะหนูตี้ เห็นมั้ยเป็นผลดีกับเราด้วยซ้ำ คะแนนความสงสารเราเพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องลงทุนอะไรเลย” ธำรงว่า
       “แล้วถ้ามันกล้าที่จะทำอะไรรุนแรงกว่านี้ล่ะครับคุณพ่อ” ศิวัชถาม
       “พ่อจะวางแผนรักษาความปลอดภัยให้มากกว่านี้”
       “เดี๋ยวผมจะหามือดีมาช่วยเสริมอีกแรง” นายพลทวีว่า
       ปฏิพรหันไปพูดกับเนติมาอย่างเห็นใจ
       “น่าสงสารคุณเนติ์จังเลยนะคะ คงขวัญเสียแย่”
       “ไม่หรอกค่ะ ฉันเตรียมใจที่จะพบเรื่องพวกนี้มาเรียบร้อยแล้ว”
       เนติมาอมยิ้มพูดอย่างใจเย็น ปฏิพรหันไปพูดกับศิวัชด้วยน้ำเสียงออดอ้อนพลางเอื้อมมือไปลูบแก้มศิวัชเบาๆ
       “แล้วพี่ศิวัชล่ะคะ ขวัญเสียรึเปล่าเอ่ย เดี๋ยวเราไปดูหนังปลอบขวัญกันดีกว่านะคะ”
       “เออ..คือ”
       ศิวัชอึกอักทำตัวไม่ถูกเพราะเกรงใจเนติมา ขณะที่เนติมาตกใจกับภาพตรงหน้า แต่ไม่กล้าแสดงออกมากนัก ปฏิพรมองอย่างรู้ทันหันไปพูดกับเนติมายิ้มๆ
       “ขออนุญาตควงพี่ชายที่แสนดีของตี้วันหนึ่งนะคะคุณเนติ์”
       “ไม่เป็นไรค่ะ บังเอิญฉันก็มีธุระพอดี”
       เนติมาพูดยิ้มๆ แต่ในใจก็รู้สึกหวั่นใจขึ้นมาเหมือนกัน ขณะที่ศิวัชเอื้อมมือไปจับมือเนติมาทันที
       “ธุระอะไรเหรอจ๊ะเนติ์ ไม่เห็นเนติ์เล่าให้พี่ฟังเลย”
       “นั่นสิ อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนน่ะหนูเนติ์” ธำรงว่า
       “ที่บ้านอากันต์ต้องมีอะไรต้องทำอีกหลายอย่างเลยค่ะคุณอา”
       เนติมาพูดอย่างไม่คิดอะไรมาก ระบิลเดินตามเข้ามาสมทบ เนติมาหันไปพูดกับระบิลทันที
       “อ้าว..มาพอดี ไปเร็ว เดี๋ยวไม่ทัน”
       “อ่ะ..อะไรคุณ ไปไหน”
      
       ระบิลนิ่วหน้าด้วยความสงสัยเพราะไม่ทันตั้งหลัก ขณะที่เนติมาพยายามส่งสายตาเป็นเชิงให้สัญญาณกับระบิล
source: manager.co.t    

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น