“ได้ผลเกินคาด ซัดเรียบหมดจาน”
“ถึงยังไม่ยอมลงมาข้างล่าง แต่ก็เป็นนิมิตรหมายที่ดีนะคะ”
กันต์ยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ เอื้อมมือไปกุมมือเจือจันทร์อย่างให้กำลังใจ
“ฉันขอตัวไปดูลูก”
เจือจันทร์พยักหน้ารับรู้แต่สีหน้าก็ยังคงมีแววกังวลอยู่ไม่น้อย กันต์หันไปพูดกับระบิลและเนติมาอย่างถนอมน้ำใจ
“อย่าถือเขาเลยนะ เรื่องที่ผ่านมามันหนักมากเกินกว่าจะให้เขาลืมแค่ชั่วข้ามคืน”
“พวกเราเข้าใจค่ะอากันต์”
เนติมาพูดอย่างเข้าใจความรู้สึก กันต์ยิ้มรับอย่างขอบคุณก่อนนึกอะไรขึ้นมาได้
“เก่งมากนะคุณระบิล นอกจากผมแล้ว เธอยังไม่ยอมคุยกับผู้ชายคนไหนอีกเลยนะ”
ระบิลยิ้มแล้วบอก
“โอ๊ย..ไม่เก่งหรอกครับคุณอา แค่ขายฮานิดหน่อย”
“ฮาหรือตะกละ” เนติมาเบรก
“ก็มันอร่อยนี่คุณ..เอิ๊ก”
เนติมามองค้อนระบิลเป็นเชิงหยอกเล่น ระบิลลอยหน้าลอยตาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนจะแกล้งทำเป็นจะเรอขึ้นมาอีกจนเนติมาอดยิ้มออกมาไม่ได้
ระหว่างนั้นโทรศัพท์มือถือของเนติมาก็ดังขึ้น เนติมาดูเบอร์แล้วรีบรับสายทันที
“ค่ะพี่ศิวัช”
เนติมานิ่งฟังปลายสายอยู่ครู่หนึ่ง สีหน้าก็เริ่มจริงจังขึ้นระบิลกับกันต์มองเนติมาด้วยความสนใจ
“ค่ะพี่ศิวัช เดี๋ยวพบกันนะคะ”
เนติมาวางสาย ระบิลรีบถามทันทีด้วยความอยากรู้
“มีอะไรรึเปล่าคุณ”
ภายในห้องนอนที่คอนโด ชลกรอยู่ในชุดนอนบางเบาสุดเซ็กซี่พลิกตัวขึ้นมานอนกอดพงษ์เลิศอย่างออดอ้อน
“วันนี้นอนขี้เซาจังเลยนะคะ”
“แล้วเมื่อคืนใครล่ะที่ทำให้ฉันหมดสภาพอย่างนี้”
พงษ์เลิศพูดอย่างอ่อนเพลีย ชลกรยิ้มอย่างหว่านเสน่ห์
“ก็คิดถึงนี่คะ หมู่นี้เราไม่ค่อยได้เจอกันเลยนะ”
“ช่วงนี้ฉันเครียด นี่ถ้าเลือกตั้งครั้งหน้า ขั้วของฉันไม่ได้กลับเข้ามามีหวังแย่ ขี้ที่นั่งทับอยู่จะระเบิดใส่หัวเอา เมื่อถึงเวลานั้นเธอเองก็คงไม่เห็นหัวฉันเหมือนกัน”
พงษ์เลิศสีหน้าดูจริงจังขึ้นทันที ชลกรยังยิ้มอย่างใจเย็นก่อนหอมแก้มพงษ์เลิศอย่างเอาใจ
“แหม..ฉันจะทิ้งคุณได้ยังไงคะ อย่าลืมสิว่าเราคือบัดดี้ที่เข้าขากันมากที่สุด อีกอย่างฉันยังมองไม่เห็นทางเลยว่าขั้วของเราจะแพ้”
“ไอ้คู่ต่อสู้ที่มีอยู่ฉันไม่กลัว แต่ฉันสังหรณ์ใจว่า...”
ยังไม่ทันที่พงษ์เลิศจะพูดอะไรต่อ ชลกรก็เอานิ้วไปแตะที่ริมฝีปากพงษ์เลิศเบาๆพร้อมพูดเสียงออดอ้อนเอาใจ
“ไม่พูดเรื่องนี้แล้วค่ะ ฉันยังมั่นใจว่าไม่มีใครโค่นคุณได้ ตอนนี้ทำใจสบายๆ รับความสุขที่ฉันเตรียมมาให้ดีกว่านะคะ”
“ฮึ..พูดอย่างกับพวกส่งอาหารเดลิเวอรี่”
“แล้วที่กินอยู่บ่อยๆเนี่ย ไม่ใช่เดลิเวอรี่เหรอคะ”
เสียงโทรศัพท์ของพงษ์เลิศดังขึ้น ทั้งคู่ชะงักไป พงษ์เลิศถอนใจอย่างเซ็งๆก่อนรับสาย
“ว่าไงลูก”
พงษ์เลิศฟังปลายสายอยู่ครู่หนึ่งก็มีสีหน้าตกใจขึ้นทันที ชลกรเห็นก็รู้ทันทีว่าต้องมีเรื่องแน่ๆ
“งั้นแค่นี้นะ”
“เกิดอะไรขึ้นคะคุณ”
พงษ์เลิศไม่ตอบอะไรรีบคว้ารีโมทโทรทัศน์ขึ้นกดเปิดทันที และทั้งสองคนต้องตะลึงเมื่อภาพในจอโทรทัศน์คือธำรงและศิวัช
“นั่นมันคุณธำรง กิตติธร นี่คะ..พรรคสยามพัฒนา นี่มันอะไรกันคะเนี่ย”
ชลกรพูดด้วยความตกใจ พงศ์เลิศยกมือขึ้นห้ามเพราะอยากจะฟังข้อมูลในข่าว
สายตาพงษ์เลิศจดจ้องไปที่จอโทรทัศน์อย่างตั้งใจ
ภาพข่าวในจอทีวีขณะนั้น ศิวัชกับธำรงแต่งกายด้วยชุดสูทเนี๊ยบในงานเลี้ยงเปิดตัวพรรคที่จัดอย่าง หรูหราใหญ่โต ด้านหลังของศิวัชและธำรงเห็นป้ายที่เขียนไว้ว่า “งานเปิดตัวพรรคสยามพัฒนา”
สองคนกำลังยืนให้สัมภาษณ์เหล่านักข่าวที่รุมล้อมกันทำข่าวด้วยความสนใจ
“พรรคสยามพัฒนาของเราจะนำพาประเทศกลับเข้าสู่เส้นทางของความเจริญรุ่งเรืองที่ยั่งยืน นำพารอยยิ้มกลับมาสู่คนไทยทุกคน”
ภายในบ้านอิสราวัชร ข่าวในจอทีวีที่เปิดอยู่เห็นศิวัชกับธำรงกำลังให้สัมภาษณ์นักข่าวอยู่
“เราจะบริหารงานด้วยทีมงานคนรุ่นใหม่และทีมที่ปรึกษาที่มากประสบการณ์ ที่สำคัญทุกอย่างต้องโปร่งใส” ธำรงบอก
อิทธิหาญกำลังดูการแถลงข่าวอยู่ด้วยความไม่พอใจ
“ไอ้ธำรงมันกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมพวกเราไม่รู้เลยครับเสี่ย” ปานว่า
“แกถามฉัน แล้วฉันจะไปถามใครวะไอ้ปาน เจ็บใจจริงๆ”
อิทธิหาญฉุนขาดปัดข้าวของใกล้มือตกระเนระนาด
ภายในห้องนั่งเล่น กันต์กับเจือจันทร์ตั้งอกตั้งใจดูโทรทัศน์เช่นเดียวกัน
“หมายความว่า คุณธำรงจะเสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปใช่รึเปล่าคะ” นักข่าวถาม
“คนรุ่นผม หมดแรงที่จะรับผิดชอบชีวิตคนทั้งประเทศแล้วครับ ส่วนคนที่จะเสนอตัวรับภาระหนักอึ้งที่คุณว่าคือลูกชายผมเอง..ศิวัช” ธำรงตอบ
ภายในห้องจัดเลี้ยงหรูของโรงแรม ศิวัชกำลังให้สัมภาษณ์นักข่าวอยู่ด้วยน้ำเสียงจริงจังและหนักแน่น
“ผมมั่นใจว่าจะนำพาประเทศให้เจริญรุดหน้า เคียงบ่าเคียงไหล่กับประเทศยักษ์ใหญ่ได้อย่างไม่น้อยหน้า”
นักข่าวถาม
“แต่ประสบการณ์ทางการเมืองของคุณยังไม่มีเลยนะคะ”
นักข่าวอื่นๆต่างฮือฮาอย่างรู้คำตอบเช่นกัน
ระบิลกับเนติมาและนายพลทวียืนอยู่ใกล้ๆกลุ่มนักข่าว เนติมาสีหน้าไม่สู้ดีนัก ระบิลมองเนติมาอย่างเข้าใจความรู้สึก ระบิลเอียงหน้าเข้าไปพูดกับเนติมา
“มั่นใจในตัวแฟนหน่อยสิคุณ นี่แค่หมัดแย็บ ข้างหน้ายังมีหมัดชุดรออยู่อีกเยอะ”
เนติมาครุ่นคิดตามที่ระบิลพูด ก่อนสูดหายใจลึกเรียกความมั่นใจรอฟังศิวัชตอบ
“ก็ผมไม่ได้มาเล่นการเมืองนี่ครับ”
ศิวัชยิ้มแล้วตอบคำถามนักข่าวอย่างใจเย็น นักข่าวฮือฮา หลายคนงงในคำตอบของศิวัช
“แต่ผมมาทำงานเพื่อประชาชน เพื่อแผ่นดินแม่ของผม เพราะฉะนั้นผมไม่จำเป็นต้องมีลีลาทางการเมืองเพื่อต่อรองอะไรกับใคร แต่ถ้าจะมีอะไรต้องต่อรอง คนที่ได้ประโยชน์ต้องเป็นประชาชนคนไทยเท่านั้น”
ศิวัชทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นจนสื่อมวลชนที่มาทำข่าวถึงกับ อึ้ง ก่อนพร้อมใจกันปรบมือให้อย่างเซ็งแซ่ ระบิลกับเนติมาหันมายิ้มให้กันอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่ทั้งสองคนจะปรบมือให้ศิวัช
ศิวัชกับธำรงยิ้มอย่างอารมณ์ดี ศิวัชยกมือไหว้ขอบคุณสื่อมวลชนอย่างนอบน้อม
ภาพงานเลี้ยงเปิดตัวพรรค “สยามพัฒนา” ในจอโทรทัศน์...ผู้ชมต่างเห็นบรรยากาศที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของศิวัช ธำรง และผู้ที่มาร่วมงาน
พงษ์เลิศมองภาพในโทรทัศน์ด้วยความขัดใจ ชลกรที่นั่งดูอยู่ ชะงักทันทีเมื่อเห็นอะไรอย่างหนึ่งในโทรทัศน์ ชลกรรีบสะกิดเรียกพงษ์เลิศทันที
“คุณคะ..ผู้หญิงคนนั้น”
“ไหน...”
“คนที่สวยๆนั่นไงคะ นึกไม่ออกว่าฉันเคยเห็นที่ไหน”
ชลกรชี้ให้พงษ์เลิศดูที่กลุ่มคนซึ่งมาร่วมงาน เห็นเนติมายืนคุยอยู่กับระบิล พงษ์เลิศมองแล้วก็จำได้ทันที
“นังเนติมา !”
“ลูกสาวคุณวิเชียรที่คุณเคยเอารูปให้ฉันดู”
ชลกรนึกขึ้นมาได้ทันที จังหวะเดียวกัน โทรศัพท์มือถือของพงษ์เลิศก็ดังขึ้น พงษ์เลิศดูเบอร์แล้วรีบรับสาย...
“พ่อเห็นแล้ว”
อิทธิหาญกำลังคุยโทรศัพท์กับพงษ์เลิศ พลางมองภาพในโทรทัศน์อยู่อย่างขัดใจเช่นกัน
“นึกว่าหนีไปไหนไกล ที่แท้ก็กลับมาให้เชือดถึงเมืองไทย” อิทธิหาญบอก
“แต่ตอนนี้พ่อสนใจเรื่องที่พวกมันตั้งพรรคการเมืองมากกว่า นักข่าวยังรู้ แต่ทำไมเราไม่รู้วะ เสียเหลี่ยมชะมัด”
“มันต้องการให้เราเซอร์ไพรส์”
“เปิดตัวใหญ่ขนาดนี้มันไม่ต้องการแค่นั้นแน่”
“แล้วพ่อคิดว่ามันต้องการอะไร”
“อำนาจอยู่ในมือใคร ก็เหมือนถือไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์ที่จะชี้ให้ใครเป็น ใครตายก็ได้และพ่อมั่นใจว่ามันต้องการอย่างนั้น”
พงษ์เลิศพูดอย่างมั่นใจในความคิดของตัวเองอย่างมาก อิทธิหาญครุ่นคิดตามที่พงษ์เลิศพูด พลางจ้องภาพงานเลี้ยงในโทรทัศน์ด้วยสายตาที่มีเลศนัยอย่างมาก
มุมหนึ่งภายในงานเลี้ยง ศิวัชยืนพูดคุยกับนักธุรกิจทั้งไทยและต่างชาติหลายคนด้วยรอยยิ้มและท่าทาง ที่สง่าผ่าเผย โดยมีนักข่าวรุมล้อมไม่ห่าง
เนติมายืนอยู่ห่างออกมา ระบิลนำเครื่องดื่มมายื่นให้เนติมาแล้วอดแซวไม่ได้
“น่าดีใจนะครับ แค่เปิดตัววันแรกนักธุรกิจก็แห่กันให้การสนับสนุนพรรคมากขนาดนี้แล้ว”
“อืม..ค่อยมีกำลังใจทำงานหน่อย”
เนติมาพูดยิ้มอย่างอารมณ์ดี ขณะที่ระบิลมองกลับไปที่ศิวัชแล้วชี้ให้เนติมาดูทันที เนติมามองตามไปเห็นหญิงสาวหลายคนเข้าไปขอถ่ายรูปกับศิวัช
“แถมคุณศิวัชจะเป็นขวัญใจแม่ยกซะด้วยนะคุณ อ๊ะๆ หึงล่ะสิหายใจลึกๆไว้นะคุณ คิดว่าเผื่อแผ่เพื่อนร่วมโลก..โอมมม”
“จะบ้าเหรอ ฉันจะไปหึงนักข่าวเขาทำไม”
เนติมายิ้มกับระบิลอย่างอารมณ์ดี จังหวะเดียวกันธำรงซึ่งปลีกตัวจากนักข่าวเดินเข้ามาสมทบ
“เป็นไงบ้างหนูเนติ์”
เนติมายิ้มแล้วบอก
“คนให้ความสนใจกว่าที่คิดนะคะ”
“ที่เหลือก็อยู่ที่เราแล้วนะครับ คุณภาพเท่านั้นที่จะเป็นเกราะป้องกันตัวเราได้” ระบิลว่า
“เรื่องคุณภาพ เรามั่นใจในตัวเราเองอยู่ แต่ปัจจัยภายนอกนั่นแหละที่น่าห่วงยังมีอะไรที่จะมากระทบพวกเราอีกมาก”
ธำรงมองเลยไปด้านหลัง เห็นนายพลทวีเดินยิ้มเข้ามา ธำรงยกมือไหว้อย่างนอบน้อม
“อ้าว..ท่าน สวัสดีครับ”
ระบิลกับเนติมาหันไปไหว้นายพลทวีตามธำรง
“ขอโทษด้วยนะคุณธำรง บังเอิญผมติดธุระด่วนน่ะ”
“ไม่เป็นไรครับท่าน ... อ้อ..หนูเนติ์ คุณระบิลนี่ท่านทวีที่ปรึกษาพรรคของเรา” ธำรงบอกแล้วแนะนำ
ระบิลกับเนติมายกมือไหว้นายพลทวีอีกครั้ง นายพลทวีรับไหว้ยิ้มอย่างใจดี
ธำรงมองหาใครบางคนแล้วถาม
“เอ๊ะ..แล้วหนูตี้ไม่ได้มาด้วยเหรอครับ”
“ตี้อยู่นี่ค่ะคุณอา” เสียงปฏิพรดังเข้ามาพอดี
ระบิล เนติมา ธำรง นายพลทวีหันไปเห็นปฏิพรถือดอกไม้ช่อโตเดินยิ้มฝ่ากลุ่มผู้คนเข้ามา
“ขอโทษนะคะ ตี้รอดอกไม้นานไปหน่อย”
ปฏิพรเดินไม่ทันระวังจนเดินชนเนติมาจนเสียหลักเซไปเล็กน้อย แต่ระบิลประคองไว้ได้ทัน
“ว้าย ขอโทษค่ะ”
“เออ..ไม่เป็นไรค่ะ”
ระบิลกับเนติมามองหน้ากันงงๆ เพราะยังไม่รู้จักปฏิพร
“แล้วพี่ศิวัชล่ะคะอยู่ไหน”
จังหวะนั้นปฏิพรหันไปเห็นศิวัชพอดี
“อุ๊ย..นั่นไง เดี๋ยวตี้เอาดอกไม้ไปให้พี่ศิวัชก่อนนะคะ”
ปฏิพรพูดอย่างรีบๆ แล้วเดินออกไปทันที ขณะที่ธำรงกับนายพลทวียิ้มให้กันอย่างอารมณ์ดี
ระบิลกับเนติมามองตามปฏิพรที่เดินฝ่าวงล้อมนักข่าวเอาดอกไม้ไปให้ศิวัช นักข่าวถ่ายรูป
ศิวัชคู่กับปฏิพรกันด้วยความสนใจ
ระบิลกับเนติมาหันมามองหน้ากันอย่างงงๆ แล้วทุกคนก็ต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงฮือฮาที่ดังมาจากด้านหลัง
“ว๊าย ! อะไรกันเนี่ย” เสียงผู้หญิงพูดขึ้น
“ผิดงานรึเปล่าน้อง เดี๋ยวๆ” ชายคนหนึ่งถาม
ระบิล เนติมา ธำรง นายพลทวี และผู้คนที่อยู่แถวนั้นต่างหันขวับไปดูด้วยความตกใจ
บริเวณประตูทางเข้าห้องจัดเลี้ยง ระบิล เนติมา ธำรง นายพลทวีเดินแหวกกลุ่มผู้มาร่วมงานและนักข่าวที่รุมล้อมดูอะไรบางอย่างอยู่
“ขอโทษนะครับๆ ขอทางหน่อยครับ” ระบิลบอก
“อุ๊ย !”
ทั้งระบิล เนติมา ธำรง นายพลทวีตะลึงเมื่อเห็นพวงหรีดอันใหญ่ตั้งอยู่กับพื้น กลางพวงหรีดมีข้อความเขียนไว้ว่า “ยินดีต้อนรับ..สู่นรก”
ศิวัชกับปฏิพรตามเข้ามาดูด้วยความตกใจ
“เกิดอะไรขึ้นครับ” ศิวัชถาม
“ว้าย ! น่ากลัวจังเลย นี่มันขู่ฆ่าเราใช่มั้ยคะ”
ปฎิพรร้องโวยวายอย่างไร้สติ ทำเอาคนรอบๆหลายคนเริ่มฮือฮา ระบิลรีบหันไปถามคนแถวนั้นทันที
“ใครเป็นคนเอามา”
“ไม่รู้เป็นใครครับ แต่เป็นผู้ชายหนุ่มๆสวมแจ๊คเก็ตสีดำวิ่งเอามาวางแล้วก็เผ่นแน่บไปเลย”
“ออกไปเมื่อกี้นี้เองค่ะ”
ระบิลรีบวิ่งตามออกไปด้านนอกทันที เนติมามองตามระบิลไปด้วยความเป็นห่วง
ระบิลวิ่งตามออกมาบริเวณหน้าโรงแรม พลางกวาดสายตาไปรอบๆเพื่อหาคนเอาพวงหรีดมาวาง ระบิลหันไปถามพนักงานของโรงแรมที่เดินสวนเข้ามาพอดี พนักงานส่ายหน้าไม่รู้ก่อนเดินเลยเข้าไปในตัวโรงแรม
เนติมาวิ่งตามออกมาพอดี “เจอมั้ย”
“ไม่เจอครับ สงสัยคงหนีไปแล้ว ผมว่าเรากลับเข้าไปข้างในกันเถอะครับ”
เนติมาพยักหน้ารับคำก่อนหันกลับจะเดินเข้าไปด้านใน โดยมีระบิลตามประกบอยู่ด้านหลัง
รถยนต์คันหนึ่งวิ่งผ่านด้านหน้าของโรงแรม แล้วลดกระจกลงมาพร้อมเล็งปืนไปที่ระบิลกับเนติมา
ระบิลชำเลืองไปที่กระจกบานใหญ่หน้าประตูโรงแรมเห็นลูกน้องของอิทธิหาญอยู่ในรถเล็งปืนมาพอดี
“ระวัง !”
ระบิลรีบรวบตัวเนติมาให้ทิ้งตัวนอนกับพื้นทันที โดยระบิลเอาร่างตัวเองรับเนติมาไว้ จังหวะเดียวนั้นลูกน้องของอิทธิหาญก็ลั่นกระสุนสามสี่นัดเข้าใส่ ระบิลรีบพลิกตัวเอาร่างบังเนติมาอย่างรวดเร็ว กระสุนเฉียดระบิลกับเนติมาไปได้อย่างฉิวเฉียด
- ระสุนปืนพุ่งไปโดนกระถางต้นไม้บริเวณนั้นแตกกระจาย ก่อนที่ลูกน้องของอิทธิหาญจะขับรถหนีไปอย่างรวดเร็ว ระบิลรีบชักปืนลุกขึ้นเล็งตามไปแต่ไม่ทันแล้ว
“โธ่เว้ย...คุณไม่เป็นไรใช่มั้ย”
“ไม่..ฉันไม่เป็นอะไร”
ระบิลพูดด้วยความเป็นห่วง ก่อนเอื้อมมือไปดึงเนติมาขึ้นมา เนติมาครุ่นคิดด้วยความสงสัย
“พวกนั้นเป็นใครนะ”
อิทธิหาญเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นบ้านพงษ์เลิศด้วยอารมณ์ไม่สู้ดีนัก
“ฝีมือแกใช่มั้ย”
อิทธิหาญหันไปเห็นพงษ์เลิศนั่งอยู่มุมหนึ่ง โดยมีชลกรนั่งอยู่ข้างๆ อิทธิหาญถอนใจอย่างเซ็งๆ
“อะไรอีกล่ะพ่อ”
“เลิกเล่นมุขนี้ซะทีเถอะ ฉันรู้นะว่า แกเป็นคนส่งพวงหรีดไปงานเปิดตัวพรรคของไอ้ธำรง แล้วก็ส่งคนไปยิงขู่มันด้วย”
“ก็..ไม่เห็นมีใครตายนี่พ่อ คิดซะว่าต้อนรับน้องใหม่”
“แต่แกจะทำให้พวกเราตาย”
พงษ์เลิศพูดอย่างจริงจัง อิทธิหาญถอนใจออกมาด้วยความหงุดหงิด
“พ่อครับ..แค่พวงหรีดกับยิงขู่ จับมือใครดมไม่ได้หรอกน่า”
“แต่คนที่เสียผลประโยชน์ของการตั้งพรรคของพวกมันก็คือเรานะคะ พรุ่งนี้เตรียมแก้ตัวกับนักข่าวได้เลย” ชลกรว่า
“แล้วถ้าคนที่ลูกน้องของแกไปยิงขู่ ไม่ใช่ลูกสาวของไอ้วิเชียร”
อิทธิหาญชะงักทันที สายตาอิทธิหาญเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม
“นี่มันตามไอ้ธำรงกลับมาด้วยเหรอเนี่ย ดี ! จะได้ไม่ต้องตามหาให้เสียเวลา”
“มันรอดมือพวกเราจากที่ฝรั่งเศสมาได้ แล้วยังกล้าตามกลับมาเมืองไทยอีก มันคงไม่กลับมาเป็นเหยื่อให้แกล่อเป้าได้ง่ายๆแน่”
“พ่อพูดยังกับมันจะกลับมาล่าพวกเรา”
อิทธิหาญถามด้วยความสงสัย ชลกรพยายามพูดอย่างใจเย็น
“สถานการณ์พวกเราไม่เหมือนก่อนแล้วนะคะ แค่วันนี้มันเปิดตัวแล้วมันโดนคุกคามขนาดนี้ พวกมันก็ได้กำลังใจจนล้นหลามแล้ว ขืนเราทำอะไรไม่ยั้งคิดก็จะยิ่งติดลบ”
“คุณมีสิทธิ์สั่งสอนผมด้วยเหรอคุณชลกร”
อิทธิหาญหันขวับมาพูดกับชลกรด้วยน้ำเสียงดุ จนชลกรไม่กล้าสู้สายตา
“ทำหน้าที่บนเตียงของคุณไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ผมว่าก็พอแล้วนะ”
“อิทธิหาญ !”
พงษ์เลิศเรียกเป็นเชิงปราม เมื่อเห็นชลกรตะลึงกับคำพูดของอิทธิหาญ
“ผมขอตัวนะพ่อ“
อิทธิหาญมองชลกรอย่างดูถูกก่อนเดินขึ้นชั้นบนไปอย่างไม่แยแส พงษ์เลิศกับชลกรมองตามอิทธิหาญไปด้วยสายตาที่ไม่สบายใจนัก
วันรุ่งขึ้น พาดหัวข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ “วางหรีด รัวปืนใส่ ฉลองเปิดตัวพรรค” ธำรงลดหนังสือพิมพ์ในมือลงด้วยสีหน้าพึงพอใจ ก่อนพูดอย่างใจเย็นภายในห้องนั่งเล่น
“มันคงคิดไม่ถึงว่ากำลังช่วยเราโปรโมตพรรค” ธำรงว่า
ศิวัช นายพลทวีดูข่าวจากหนังสือพิมพ์เล่มอื่นๆอยู่ด้วยความพอใจ ขณะที่เนติมาเช็กข่าวจากแท็บเล็ตและยิ้มอย่างชอบใจ
“เว็บหลายเว็บประณามคนที่ทำกับเราเละเลยนะคะ”
ปฏิพรดูยังตื่นเต้นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่หาย
“น่ากลัวจังเลยนะคะ รู้ตัวขนาดนี้แล้ว ทำไมไม่จัดการเลยล่ะคะ ขืนปล่อยไว้ ตี้ว่าจะยิ่งอันตรายกับพวกเรานะคะ”
“คนในสังคมก็พิพากษาแทนเราไปเรียบร้อยแล้วล่ะหนูตี้ เห็นมั้ยเป็นผลดีกับเราด้วยซ้ำ คะแนนความสงสารเราเพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องลงทุนอะไรเลย” ธำรงว่า
“แล้วถ้ามันกล้าที่จะทำอะไรรุนแรงกว่านี้ล่ะครับคุณพ่อ” ศิวัชถาม
“พ่อจะวางแผนรักษาความปลอดภัยให้มากกว่านี้”
“เดี๋ยวผมจะหามือดีมาช่วยเสริมอีกแรง” นายพลทวีว่า
ปฏิพรหันไปพูดกับเนติมาอย่างเห็นใจ
“น่าสงสารคุณเนติ์จังเลยนะคะ คงขวัญเสียแย่”
“ไม่หรอกค่ะ ฉันเตรียมใจที่จะพบเรื่องพวกนี้มาเรียบร้อยแล้ว”
เนติมาอมยิ้มพูดอย่างใจเย็น ปฏิพรหันไปพูดกับศิวัชด้วยน้ำเสียงออดอ้อนพลางเอื้อมมือไปลูบแก้มศิวัชเบาๆ
“แล้วพี่ศิวัชล่ะคะ ขวัญเสียรึเปล่าเอ่ย เดี๋ยวเราไปดูหนังปลอบขวัญกันดีกว่านะคะ”
“เออ..คือ”
ศิวัชอึกอักทำตัวไม่ถูกเพราะเกรงใจเนติมา ขณะที่เนติมาตกใจกับภาพตรงหน้า แต่ไม่กล้าแสดงออกมากนัก ปฏิพรมองอย่างรู้ทันหันไปพูดกับเนติมายิ้มๆ
“ขออนุญาตควงพี่ชายที่แสนดีของตี้วันหนึ่งนะคะคุณเนติ์”
“ไม่เป็นไรค่ะ บังเอิญฉันก็มีธุระพอดี”
เนติมาพูดยิ้มๆ แต่ในใจก็รู้สึกหวั่นใจขึ้นมาเหมือนกัน ขณะที่ศิวัชเอื้อมมือไปจับมือเนติมาทันที
“ธุระอะไรเหรอจ๊ะเนติ์ ไม่เห็นเนติ์เล่าให้พี่ฟังเลย”
“นั่นสิ อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนน่ะหนูเนติ์” ธำรงว่า
“ที่บ้านอากันต์ต้องมีอะไรต้องทำอีกหลายอย่างเลยค่ะคุณอา”
เนติมาพูดอย่างไม่คิดอะไรมาก ระบิลเดินตามเข้ามาสมทบ เนติมาหันไปพูดกับระบิลทันที
“อ้าว..มาพอดี ไปเร็ว เดี๋ยวไม่ทัน”
“อ่ะ..อะไรคุณ ไปไหน”
ระบิลนิ่วหน้าด้วยความสงสัยเพราะไม่ทันตั้งหลัก ขณะที่เนติมาพยายามส่งสายตาเป็นเชิงให้สัญญาณกับระบิล
source: manager.co.t
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น