วันพฤหัสบดีที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อ่านละครรักเกิดในตลาดสด ตอนที่ 5

ต่อจากนั้นในงานหมั้น เสียงดนตรีอินโทรเพลงดังขึ้น คนในงานตั้งใจรอฟังเพลงด้วยใบหน้าชื่นบาน กิมแชในชุดกี่เพ้าแหวกออกมาจากหลังม่านแล้วเริ่มร้องเพลงรักซึ้งใจแฝงเศร้า ที่กิมแชอยากจะถ่ายทอดให้จาตุรงค์รับรู้ถึงความรู้สึกภายในใจ กิมแชร้องเพลงได้กินใจและมีพลัง ยิ่งปรากฏกายในแสงไฟ ยิ่งดูสวยตรึงใจเป็นคนละคน ผู้ร่วมงานดูตะลึงไปกับเสียงของกิมแชราวต้องมนต์ โดยเฉพาะจาตุรงค์ถึงกับอ้าปากค้าง เผลอปล่อยมือที่กำลังเกาะกุมกิมลั้งไปโดยไม่รู้ตัว
      
       “เพลงโปรดเลย” จาตุรงค์เผลอเคลิ้ม
       “นี่ล่ะนักร้องหญิงของวงที่หายไป” อาแปะต๋องที่นั่งฟังอยู่ที่มุมหนึ่งดูประทับใจกับเสียงกิมแชมาก
       ป้าพิณ เขียวหวาน และคำมูล อึ้งไปกับเสียงของกิมแช
       “เสียงร้องกิมแชนี่มันบาดหัวใจข้าจริงๆว่ะ สายตาที่อีมองไปที่อาจาตุรงค์นี่ราวกับจะกลืนกิน” ป้าพิณเอ่ยขึ้น
       “สงสัยพี่กิมแชจะสมมติว่าตัวเองเป็นพี่กิมลั้งมั้งจ๊ะ จะได้ส่งความรู้แทนพี่สาว” เขียวหวานเอ่ยขึ้น
       “ฟังแล้วได้อารมณ์จนพี่แทบจะอยากจัดงานแต่งเราตามไปวันนี้พรุ่งนี้ เลยนะจ๊ะเนี่ย” คำมูลพูดพลางจับมือเขียวหวาน ป้าพิณเห็นแล้วไม่สบอารมณ์รีบกระชากเขียวหวานออก แล้วเข้าไปนั่งกลางระหว่างทั้งคู่แทน
       “ไอ้คำมูล งานน่ะเอ็งได้จัดแน่” ป้าพิณเอ่ย
       “จริงนะป้า” คำมูลยิ้มนึกว่าป้าพิณอนุญาต
       “จริงซิ แต่เป็นงานศพนะ” ป้าพิณโพล่งขึ้น
       “โธ่ ป้า” คำมูลหน้าจ๋อยไปตามระเบียบ
       ส่วนอีกมุมหนึ่งคิตตี้ ชมพู่ และน้อยหน่านั่งอยู่ใกล้ๆกัน ชมพู่นั่งถ่ายรูปบรรยากาศรอบงานไม่หยุดแถมคอยยื่นกล้องไปเกะกะวุ่นวายกับ คิตตี้ที่นั่งอยู่ใกล้ๆจนอีกฝ่ายหงุดหงิด
       “นี่นังชมพู่ แกทำไมไม่ผลักหัวชั้นเลยล่ะ ไม่รู้จะถ่ายอะไรนักหนา” คิตตี้ว่า
       “คนไม่มีโอกาสมีผัวอย่างแกจะไปเข้าใจอะไร ผู้หญิงอย่างชั้นน่ะมันก็ต้องศึกษางานแบบนี้เอาไว้ ถึงงานของตัวเองกับพี่ต๋องเมื่อไหร่ อะไรมันจะได้ราบรื่น” ชมพู่สวนกลับ
       “โถๆ ถ้าต๋องจะแต่งน่ะ เค้าต้องแต่งกับคนเว้ย ไม่ใช่ชะนี” คิตตี้ไม่ยอม
       “แต่งกับชะนี ก็ดีกว่ากระซู่กูปรีอย่างแกละกัน” ชมพู่ย้อน
       น้อยหน่าเริ่มรำคาญเพราะจะฟังเพลง รีบหย่าศึก
       “เถียงกันอยู่ได้ คิดเหรอว่าต๋องเค้าจะเอาแกสองคน”
       คิตตี้ ชมพู่ฟังน้อยหน่าพูดแล้วทำหน้าเซ็งไปตามๆกัน
      
       บรรยากาศงานหมั้นยังคงคึกคัก จาตุรงค์ทักทายเฮฮาอยู่กับเพื่อนๆ ต่างจากกิมลั้งมองมาที่จาตุรงค์ด้วยท่าทีเหนื่อยใจ จึงหันหลังกลับจะเดินหนีไปทางอื่นแต่ปรากฏว่าจ๊ะเอ๋กับอาแปะต๋องที่เดินเข้า มาหาพอดี
       “อุ๊ย” กิมลั้งตกใจเดินชนอาแปะต๋อง
       อาแปะจับมือกิมลั้งแล้วยื่นกุหลาบแดงไปให้หนึ่งดอก กิมลั้งรู้สึกวูบวาบแปลกๆเมื่อสัมผัสมืออาแปะคนนี้
       “เดี๋ยวมันก็จะผ่านพ้นไป” อาแปะพูดแล้วยิ้มก่อนเดินออกไป กิมลั้งมองตามด้วยอาการเพ้อๆงงๆ ระหว่างนั้นณดาเดินเข้ามาหา
       “กิมลั้ง” ณดาเรียก
       กิมลั้งหันมาเห็นณดา สะดุ้งตกใจเพราะไม่คิดว่าจะเห็นณดาในงานของตน
       “คุณณดา”
       “ชั้นยินดีด้วยนะ” ณดาทักและดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ แต่กิมลั้งกลับทำตัวไม่ถูก
       “เอ่อ...ขอบคุณ”
       ทันใดนั้นจาตุรงค์เดินเข้ามากับกลุ่มเพื่อน
       “น้องกิมลั้งจ๊ะ มาถ่ายรูปกับเพื่อนๆพี่หน่อยซิ”
       กิมลั้งดูอึกอักเพราะไม่อยากไป
       “ไปเถอะ ตามสบาย” ณดาว่า
       กิมลั้งหันมามาพยักหน้ากับณดาแล้วเดินไปหาจาตุรงค์ กิมลั้งออกไปณดาหันมาอีกทีต้องสะดุ้งเมื่อเห็นศักดิ์ชายยืนอยู่ใกล้ๆ
       “เห็นผมแล้วทำไมต้องตกใจขนาดนั้นด้วยครับ” ศักดิ์ชายเอ่ย
       “ชั้นก็แค่ไม่คิดว่าจะได้เห็นอะไรชวนหดหู่ตั้งแต่เช้าขนาดนี้” ณดาย้อน
       “หน้าผมมันคงจะมากลบหัวใจพองโตของคุณไม่ได้มั้งครับ เพราะดูๆแล้วงานวันนี้นี่น่าจะทำให้คุณดีใจกว่ากิมลั้งซะอีก” ศักดิ์ชายเอ่ยขึ้นอย่างประชด
       “หมายความว่ายังไง” ณดาเริ่มโมโห
       “เอ้า ลองกิมลั้งลงเอยกับเพื่อนผมได้ ก็เท่ากับคุณหมดเสี้ยนหัวใจไปคน” ศักดิ์ชายรีบแจง
       “ถ้าชั้นจะคิดอย่างนั้นมันก็ไม่ผิดไม่ใช่เหรอ” ณดายิ้มเยาะ
       “เอ้า แล้วคุณเอาผมไปทิ้งไว้ที่ไหนล่ะ” ศักดิ์ชายรีบป่วนกลับ
       “อย่าเรียกว่าทิ้งเลย เพราะชั้นไม่เคยหยิบคุณขึ้นมาเลยซักครั้ง” ณดาพูดจบแล้วเดินเชิดออกไป ทิ้งให้ศักดิ์ชายมองตามอย่างแค้นๆ
       “คิดว่าอะไรๆมันจะง่ายอย่างนั้นเลยเหรอ”
      
       มุมหนึ่งในงาน จาตุรงค์กระหายน้ำเดินหันซ้ายหันขวา พอเห็นคนเสิร์ฟน้ำกำลังจะเดินผ่านมาตะโกนเรียก
       “น้องๆ”
       แต่คนเสิร์ฟไม่ได้ยิน เลยหยิบน้ำแก้วสุดท้ายที่เหลือในถาดให้แขกที่เข้ามาขอพอดี จาตุรงค์มองตามอย่างเซ็ง
       “ตกลงจะไม่มีน้ำให้ว่าที่เจ้าบ่าวกินซักแก้วเหรอใช้มั้ยวันนี้”
       ครู่หนึ่งมีน้ำแก้วหนึ่งยื่นมาตรงหน้า จาตุรงค์หันไปมองคนที่ยื่นแก้วมาให้อย่างงงๆ
       “อั๊วขอแสดงความยินดีกับลื้อด้วยนะ” อาแปะในร่างต๋องอวยพร จาตุรงค์รับแก้วน้ำมาดื่ม
       “ขอบคุณครับแปะ” จาตุรงค์รีบรับน้ำมาดื่ม
       “ไอ้ลูกหมา ขอให้ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรนะ”อ าแปะขยี้หัวจาตุรงค์แบบแอบแกล้ง
       “ยังครับแปะ ผมยังไม่ได้แต่ง นี่งานหมั้น” จาตุรงค์รีบเอาหัวหลบอาแปะ
       “เอ้าเหรอ คนก็แก่ก็สมองเบลออย่างนี้ล่ะ เดี๋ยวอั๊วไปคุยกับญาติๆทางนู้นก่อนนะ” อาแปะรีบเดินออกไป ต๋องยิ้มมีเลศนัยกับขวดยาดองเล็กๆในมือที่แอบหยดในแก้วน้ำ
       “เจอยาดอง ม้าดีดกะโหลกช้างสูตรบ้านไอ้ต๋องเข้าไป ไม่รอดแน่” อาแปะต๋องพูดแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย
       จาตุรงค์ทำท่าจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม แต่พอหันไปเห็นกิมลั้งยืนปาดเหงื่ออยู่อีกมุมหนึ่งก็ชะงัก มองแก้วน้ำในมือ แล้วรีบเดินไปหากิมลั้ง อาแปะต๋องที่แอบอยู่มองตามจาตุรงค์อย่างงงๆ
      
       “น้องกิมลั้ง ดื่มน้ำหน่อยนะ จะได้หายเหนื่อย” จาตุรงค์ส่งน้ำให้กิมลั้ง
       “ขอบคุณ” กิมลั้งรับมาแบบไม่ให้เสียมารยาท
       อาแปะตามมาเห็นว่าแก้วน้ำอยู่ในมือกิมลั้งแล้วตกใจ รีบวิ่งเข้ามาหา กิมลั้งกำลังจะยกแก้วดื่ม อาแปะต๋องตัดสินใจเดินไปชนกิมลั้งจนน้ำหกใส่เสื้อผ้าเปียกไปหมด
       “ไอ้หยา อั๊วขอโทษนะอากิมลั้ง อั๊วไม่ทันมอง” อาแปะต๋องรีบขอโทษ
       “ไม่เป็นไรค่ะแปะ เดี๋ยวชั้นขอไปเปลี่ยนชุดก่อนนะพี่รงค์” กิมลั้งเอ่ยขึ้น
       “จ้ะ” จาตุรงค์มองตามด้วยความห่วงใย
       กิมลั้งเดินออกไป อาแปะรีบหันไปจับไม้จับมือจาตุรงค์
       “อั๊วขอโทษนะอาจาตุรงค์ เดี๋ยวนี้ตามันฝ้าฟางเลยมองไม่ค่อยเห็นอะไร” อาแปะต๋องแกล้งเข้ามาวนเวียนกับจาตุรงค์อีก
       “น้องเค้าก็บอกแล้วไงครับแปะว่าไม่เป็นไร” จาตุรงค์เริ่มหงุดหงิด
       “กำเสี่ยนะ ลื้อสองคนนี่งามทั้งหน้า งามทั้งใจ สมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก เกิดมาเพื่อกันและกันโดยแท้” อาแปะต๋องเริ่มชม
       “ขนาดนั้นเลยเหรอแปะ” พอได้รับคำชมจาตุรงค์เริ่มชอบใจ
       “ก็ใช่น่ะซิ ไปๆ เพื่อเป็นการไถ่โทษ เดี๋ยวอั๊วหาน้ำให้ลื้อใหม่ดีกว่า” อาแปะต๋องรีบมองหาวิธีจัดการจาตุรงค์
       “ไม่เป็นไรแปะ” จาตุรงค์รีบเอ่ย
       “แสดงว่าลื้อไม่ให้อภัยอั๊ว อั๊วชีช้ำ” อาแปะทำท่าจะร้องไห้
       “ก็ได้ครับ ก็ได้” จาตุรงค์หลงกล
       อาแปะต๋องดีใจ รีบจูงจาตุรงค์ออกไปอีกมุมหนึ่งของงานหมั้น
      
       จาตุรงค์นั่งรอ ครู่หนึ่งอาแปะเดินเข้ามาพร้อมน้ำสองแก้วในมือ แล้วยื่นให้จาตุรงค์แก้วหนึ่ง จาตุรงค์รับไป
       “เอ้า ฉลองกันหน่อย แด่ว่าที่เจ้าบ่าวที่น่าอิจฉาที่สุดในปฐพี” อาแปะเอ่ยขึ้นแล้วยกแก้วขึ้นดื่ม จาตุรงค์ยกแก้วขึ้นตามอย่างชอบใจ ทั้งคู่ชนแก้วกัน แต่แล้วจู่ๆจาตุรงค์ยื่นแก้วของตัวเองไปจ่อตรงหน้าอาแปะเหมือนจะป้อนให้ดื่ม อาแปะชะงักไปรีบบ่ายเบี่ยง
       “วันนี้วันดี ดื่มให้ผมเป็นเกียรติละกันนะแปะ” จาตุรงค์เอ่ยขึ้น
       จาตุรงค์พยายามชักชวนให้อาแปะดื่มแก้วของตัวเอง แต่แล้วอาแปะคล้ายคิดอะไรขึ้นได้
       “แหม ถ้าให้เกียรติกันมันต้องมันกว่านี้”อาแปะต๋องหาวิธีจัดการจาตุรงค์จนได้
       อาแปะต๋องยื่นแก้วให้จาตุรงค์บ้าง แล้วตวัดมือกลับมาเป็นคล้องแขนจาตุรงค์เพื่อจะได้ดื่มจากแก้ว แล้วลอบมองจาตุรงค์อย่างยิ้มร้าย
       อีกมุมของงานหมั้นกิมลั้งกับจาตุรงค์ เลื่อนกับรักเร่แอบยืนมองอาแปะในร่างต๋องกันอย่างฮาเฮ
       “ไอ้เลื่อน ไหนพี่ต๋องเค้าบอกว่าจะมาพังงานวันนี้ไงวะ แล้วไหงถึงได้ไปคุยกระหนุงกระหนิงหงุงหงิงหงุงหงิงกับจาตุรงค์มันขนาดนั้น” รักเร่เอ่ยขึ้นอย่างงงๆว่าต๋องจะจัดการเรื่องงานหมั้นอย่างไรกันแน่
       “ตอนนี้ข้าก็ไม่รู้อะไรทั้งนั้น รู้แต่ว่าระดับพี่ต๋องแล้วรับรองว่าอะไรๆมันต้องไม่ธรรมดาแน่” เลื่อนพูดอย่างรู้นิสัยต๋องดี
      
       ภายในงาน แขกเหรื่อยังอยู่กันเต็มงาน จู่ๆเสียงคล้ายเสียงม้าดังขึ้น
       “ฮี่ ฮี่ ฮี่ ฮี่ ฮี่”
       แขกในงานหันไปที่ต้นเสียงด้วยความตกใจ จาตุรงค์ทำท่าควบม้ามาแต่ไกลในอาการเมา คึกคักเกินกว่าเหตุ
       “ฮี่ ฮี่ ฮี่ ฮี่ ฮี่กับๆ ฮี่กับๆ ฮี่กับๆ”
       จาตุรงค์กระโดดขึ้นโต๊ะไปทำท่าควบม้า ใช้เชือกในมือตวัดฟาดนั่นนี่ไปมาราวแส้ กิมฮวย เคี้ยง เต๊กไฮ้ และลักษณ์วิ่งออกมาดู
       “นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย” กิมฮวยถึงกับช็อก
       จาตุรงค์โวยวายคึกไม่หยุด กิมลั้งโผล่มาเห็นตกใจ
       “น้องกิมลั้ง”
       จาตุรงค์เดินไปหากิมลั้ง แต่ดันเดินเลยกิมลั้งไปหากิมแชที่ยืนถัดมา แล้วจับมือกิมแช
       “กิมลั้ง วันนี้กิมลั้งสวยมากเลยรู้มั้ยจ้ะ ร้องเพลงก็เพราะถูกใจพี่รงค์”จาตุรงค์เมาจนจำใครไม่ได้
      
       “แต่ว่า....” กิมแชทำหน้าไม่ถูก
       “ไม่มีคำว่าแต่...” จาตุรงค์เอานิ้วแตะที่ริมฝีปากกิมแชไม่ให้พูดต่อ
       จาตุรงค์จูงมือกิมแชไว้
       “ลื้อเป็นบ้าอะไรของลื้อฮะอาใจอัง” เต๊กไฮ้รีบเดินเข้ามาขวาง
       “ใครเอาแปะยิ้มมาปล่อยแถวนี้เนี่ย งานนี้ไม่มีเชิดสิงโตเว้ย หลบไป” จาตุรงค์ผลักเต๊กไฮ้ไปให้พ้นทาง จำไม่ได้ว่าเป็นพ่อตัวเอง เต๊กไฮ้กับลักษณ์มองหน้าอย่างมึนงง แล้วจาตุรงค์รีบพากิมแชขึ้นเวทีไป
       “ในงานมงคลสำคัญแบบนี้พี่ว่าเรามาร้องเพลงคู่ให้แขกผู้มีเกียรติฟัง ดีกว่านะจ๊ะ” จาตุรงค์พูดบนเวที แล้วรีบกดรีโมททีวีเพื่อเปิดเพลงคาราโอเกะ แล้วอินโทรเพลง “นกเขาคูรัก” ดังขึ้น
       “เฮ้ย นี่มันเพลงเก่งประจำตัวข้าเลยนะ” ป้าพิณชอบใจ หันไปพูดกับเขียวหวานและคำมูล
       “หวังว่าจะถูกใจวัยดึกกันนะครับ” จาตุรงค์พูดบนเวที ป้าพิณได้ยินคำว่าวัยดึกเข้าถึงสะอึก คำมูลกับเขียวหวานหัวเราะชอบใจ
       “โน่นแน่ะนกเขาคูจุ๊ก จุ๊กกรู นกมันเฝ้าคูหาชู้มัน”
       จาตุรงค์เข้าเพลง แล้วยื่นไมค์ให้กิมแชที่ทำท่าจะหันหนี จาตุรงค์จับหัวกิมแชให้กลับมาพร้อมกับทำหน้าดุขู่ กิมแชเลยต้องร้อง
       “โถ โก่งคอทำเสียงหวาน ช่างน่าสงสารนะกระไร ใจข้า”
       จาตุรงค์ยิ้มชอบใจ คนดูเห็นทั้งคู่ร้องเพลงแล้วกลับชอบใจ
       “ก็พี่ปักใจใฝ่รักๆ เจ้าใยไม่เห็นใจ เมตตา”
       จาตุรงค์ร้อง กิมแชเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น ร้องท่อนของตัวเองทันที
       “นกมันรักกัน รักมันก็มีแต่จ๊ะจ๋า ไม่มีมารยาเสมือนร้อยลิ้นคนพร่ำ”
       อาแปะต๋องยืนยิ้มหัวเราะชอบใจ เมื่อเห็นภาพบนเวที เลื่อนกับรักเร่ที่เห็นเหตุการณ์แล้วอดอมยิ้มไม่ได้เช่นกัน
       “ข้าบอกแล้วไง ระดับพี่ต๋อง ต้องไม่ธรรมดา”
       เลื่อนว่า กิมฮวย เคี้ยง เต๊กไฮ้ และลักษณ์ จับกลุ่มคุยกันหน้าเครียด
       “แล้วเราจะเอายังไงต่อกันดี” เคี้ยงถามขึ้น เต๊กไฮ้ยังยืนคงมึน
       “อาเต๊กไฮ้ ตกลงลื้อจะทำอะไรซักอย่างมั้ยเนี่ย”กิมฮวยโวยวาย
       บนเวทีจาตุรงค์ยังคงเริงรื่นอยู่กับการร้องเพลงกับกิมแช
       “แน่ะใคร” จาตุรงค์ร้อง
       “ไหนใคร” กิมแชต่อ
       “โน่นไง แฝงตัวร่มเงาไม้ใหญ่”
       “ใช่ใครนกเขาคู่มัน”
       “เสียงใคร
       “ไหนกัน”
       “เสียงนั่น”
       จาตุรงค์เริ่มจับผมของกิมแชด้วยท่าทีหลงใหล
       “อ๋อ...นกมันพรอดคำรำพัน ฝากชีวันรักกันไงเล่า”
       กิมแชเห็นแววตาของจาตุรงค์แล้วเคลิ้ม
       “ใยรู้”
       “ดูเอา พี่เห็นมันเฝ้าหยอกเย้าต่อกัน”
       “พี่ต้องเอาอย่างมัน”
       จาตุรงค์เชยคางกิมแชอย่างหลงรัก
       “พี่จะเอาอย่างมัน มิเปลี่ยนแปรผันเลยเอย”
       จาตุรงค์โน้มหน้าไปหากิมแช กิมแชเองตะลึงแต่ร่างไม่ไหวติง เคี้ยง กิมฮวย เต๊กไฮ้ และลักษณ์เห็นเข้าตาลุกวาว ในที่สุดเต๊กไฮ้รีบวิ่งไปที่หน้าเวที ในจังหวะที่ริมฝีปากจาตุรงค์จะประทับลงบนฝีปากกิมแช เต๊กไฮ้ตัดสินใจกระชากขาจาตุรงค์ จนเสียหลักร่วงลงมาจากเวทีอย่างแรงจนหัวน็อกพื้นสลบไป
       “ว้าย!” ลักษณ์ร้องลั่นเมื่อเห็นเหตุการณ์นั้น
       ในช่วงที่ทุกคนแตกตื่นอาแปะต๋องรีบเดินเลี่ยงไปอีกทางของงาน
      
       ในมุมลับตา ของโรงหนังของลุงชวนชม ที่ถูกเนรมิตเป็นงานหมั้นของกิมลั้งกับจาตุรงค์แต่เวลานี้วุ่นวายไปหมด อาแปะต๋องเดินเลี่ยงออกมาจากงาน ปรากฏว่าลุงชวนชมโผล่ออกมา
       “เอ้า เสร็จเรื่องแล้วก็จะชิ่งเลยเหรอ” ลุงชวนชมเอ่ยทักต๋องอย่างจำได้
       “ลื้อพูดอะไรของลื้อ” ต๋องยังแกล้งไก๋
       “หลอกใครก็หลอกไป แต่อย่ามาหลอกข้าเลยเว้ยไอ้แปะต๋อง” ลุงชวนชมเอ่ยขึ้น
       “นี่ลุงรู้”ต๋องอึ้งไปเมื่อถูกลุงชวนชมจับได้
       “เรื่องบัดสีบัดเถลิงแบบนี้น่ะจมูกข้าไวอยู่แล้ว” ลุงชวนชมเอ่ย
       “บัดสีเหรอ? ชั้นมาขัดขวางงานหมั้นที่ขโมยแฟนชั้นมา มันผิดตรงไหน” ต๋องเอ่ยขึ้นจากใจ
       “เอ็งก็ดีแต่โทษคนอื่นละวะ” ลุงชวนชมบ่นต๋อง
       “เอ๊ะ ยังไงเนี่ยลุง การที่ชั้นชอบพอกับกิมลั้งนี่มันผิดยังไง” ต๋องชักหัวเสีย
       “เอ็งเคยใช้กะลาหัวคิดดูบ้างมั้ยว่าทำไมกิมฮวยถึงไม่ยอมยกลูกสาวให้เอ็ง” ลุงชวนชมเอ่ยถาม
       “ลุงก็รู้ว่าน้ากิมฮวยน่ะเกลียดชั้นเข้าไส้” ต๋องรีบตอบ
       “แล้วไง แทนที่จะหาทางชนะใจเค้า ทำให้เค้าเห็นว่าเอ็งคู่ควรกับกิมลั้งยังไง เอ็งก็เลือกใช้วิธีแย่ๆแบบที่เค้าคิดว่าเอ็งเป็นน่ะเหรอ งั้นข้าก็ว่ากิมฮวยคิดถูกแล้วล่ะ ที่ไม่ยกลูกสาวให้ผู้ชายอย่างเอ็ง” ต๋องโดนลุงชวนชมแอบด่าชุดใหญ่จนอึ้งไป
       “ลุงไม่มีวันเข้าใจชั้นหรอก” ต๋องเถียง
       “ไม่ต้องมาตีหน้าเศร้า เอ็งน่ะต้องเข้าใจคนอื่น ไม่ใช่ให้คนอื่นเข้าใจเอ็งเว้ย” ลุงชวนชมเตือนสติส่งท้าย
       พูดจบลุงชวนชมเดินออกไป ทิ้งให้ต๋องยืนอยู่ครู่หนึ่งเหมือนคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะเดินออกไปอีกทาง
      
       เวลาต่อจากนั้น ต๋องล้างหน้าล้างตาอยู่อีกมุมหนึ่งของตลาด เตรียมชุดอาแปะใส่ถุงเตรียมจะขึ้นซาเล้ง แต่ทันใดนั้นกิมฮวยโพล่งขึ้น
       “ดีใจมั้ยละที่งานมันพังลงได้” กิมฮวยโผล่มายืนจังก้า
       “น้ากิมฮวย”ต๋องตกใจ รีบซุกถุงเสื้อผ้าไว้ในรถซาเล้ง
       “จะตกใจทำไม ทีอั๊วยังไม่แปลกใจเลยที่เห็นลื้อวนเวียนอยู่แถวนี้เพื่อรอดูความพินาศ” กิมอวยประชด
       “ชั้นขายของอยู่แถวนี้ แล้วจะให้ไปวนเวียนแถวไหน” ต๋องไม่ยอมรับ
       “ไม่ต้องมาเล่นลิ้น ลื้ออย่าคิดนะว่าจะมีโอกาสมีหวังกับอากิมลั้งอีก” กิมฮวยรู้ทัน
       “เรื่องแบบนี้มันคงห้ามไม่ได้หรอกน้า มันเป็นเรื่องของพรหมลิขิตน่ะ” ต๋องย้อน
       “พรหมจะลิขิตยังไงอั๊วไม่รู้ อั๊วรู้แต่ว่าจะชาตินี้ชาติหน้า อั๊วก็ไม่มีทางยอมให้ลื้อลงเอยกับอากิมลั้งเด็ดขาด” กิมฮวยยืนยัน
       “ไอ้ที่น้าทำๆไป เคยถามลูกสาวซักคำมั้ยว่าต้องการรึเปล่า น้าไม่ได้ทำร้ายชั้นคนเดียวหรอกนะ แต่น้ากำลังทำร้ายหัวใจของกิมลั้งด้วย หรือว่านี่เป็นวิธีแสดงความรักของน้า” ต๋องเอ่ยขึ้นเสียงดัง
       “ไอ้ต๋อง มันจะมีใครที่รักอากิมลั้งมากไปกว่าอั๊วอีกฮะ ลื้อเหรอ ?ไม่มีทาง” กิมฮวยเอ่ยกลับเสียงดังไม่แพ้กัน
       “ถึงชั้นจะรักกิมลั้งไม่ได้เท่ากับที่คนเป็นแม่อย่างน้า แต่ในฐานะคนรัก ชั้นก็ทำทุกอย่างให้กิมลั้งได้ละกัน” ต๋องกร้าว
       “ไม่จริง ลื้อไม่ได้รักอากิมลั้ง ลื้อก็แค่อยากได้ลูกสาวอั๊วไปเป็นของของลื้อ ต้องการให้อีทำให้ลื้อมีความสุข ทำให้ลื้อมีกำลังใจสู้ชีวิต ลื้ออยากได้อีก็เพื่อตัวเองทั้งนั้น ลื้อมันเห็นแก่ตัว” กิมฮวยเอ่ยขึ้น
       “มันไม่ใช่อย่างงั้น….” ต๋องเถียง
       “ใช่ซิ เพราะถ้าลื้อรักอีจริง ลื้อก็ต้องปล่อยให้อีไปมีชีวิตที่ดี ที่มีอนาคตกว่าจมปลักอยู่กับคนอย่างลื้อ อาจาตุรงค์น่ะไม่ใช่ผู้ชายที่ดีที่สุดสำหรับอากิมลั้งหรอก แต่อีคือคนที่จะดูแลกิมลั้งต่อไปได้ในวันที่ไม่มีอั๊วแล้ว” กิมฮวยย้ำ
       ต๋องยืนอึ้งไม่ต่อปากต่อคำ กิมฮวยหันหลังให้แล้วแอบยิ้มร้ายที่ต๋องเสียศูนย์กับคำพูดของตน
      
       บ่ายนั้น จาตุรงค์ได้รับบาดเจ็บหัวแตก มีผ้าพันที่หัว แขนขาใส่เฝือกนอนหลับอยู่บนเตียงที่ดรงพยาบาลโดยมีกิมฮวย เคี้ยง เต๊กไฮ้ และลักษณ์ ยืนดูอาการอยู่ที่โรงพยาบาล
       “ลูกแม่ ทำไมต้องมาเป็นแบบนี้ด้วยนะ” ลักษณ์พูดด้วยความเป็นห่วงลูกชายอย่างมาก
       “อาเคี้ยง อากิมฮวย อั๊วขอโทษแทนอาจาตุรงค์ด้วยนะที่อีทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น” เต๊กไฮ้ขอโทษแทนลูกชาย
       “เรื่องมันผ่านมาแล้วก็แล้วไปเถอะ อีเองก็เจ็บตัวไม่น้อย” เคี้ยงรีบตอบ
       “ถ้างั้นเรื่องจาตุรงค์กับกิมลั้ง เราจะเอายังไงต่อไปดี” ลักษณ์เอ่ยขึ้น
       “อั๊วว่ารอให้อีหายดีก่อนละกันแล้วเราค่อยพูดเรื่องนี้กันอีกที”
       ครู่หนึ่งโทรศัพท์เคี้ยงดังขึ้น ทุกคนหันมองเป็นตาเดียว เคี้ยงหยิบมาดูพอเห็นเบอร์เริ่มมีอาการรุกรี้รุกรน แต่รีบรับสาย
       “ครับ สวัสดีครับ อะไรนะครับ สัญญาณไม่ค่อยดี”
       เคี้ยงรีบออกไปคุยนอกห้อง กิมฮวยมองตามแต่ไม่ได้สงสัย
      
       เวลาเดียวกันนั้น กิมแชนั่งแกะผมหน้าโต๊ะเครื่องแป้งด้วยอาการใจลอย คิดถึงตอนที่จาตุรงค์จะจูบปากบนเวที กิมลั้งเปลี่ยนชุดล้างหน้าล้างตาเรียบร้อยแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำเห็นกิมแช ใจลอย จึงเดินมาหา
       “กิมแช” กิมลั้งเรียกพลางเอื้อมมือไปจับตัวกิมแชให้ตื่นจากภวังค์
       “อุ๊ย เจ้” กิมแชสะดุ้ง
       “ลื้อเป็นอะไร ทำไมนั่งเหม่อขนาดนั้น” กิมลั้งถามขึ้น
       “เอ่อ คือ อั้วก็คิดถึงงานหมั้นวันนี้ของเจ้ไง ไม่น่าเชื่อเลยนะอยู่ๆงานมงคลก็มาจบแบบเลือดตกยางออกไปซะได้” กิมแชเปลี่ยนเรื่องทัน
       “ถ้าเต๊กไฮ้ไม่ทำให้จบแบบนั้น วันนี้ก็อาจจะกลายเป็นงานหมั้นของพี่รงค์กับลื้อแทนอั๊วก็ได้นะ” กิมลั้งเอ่ยขึ้นจนกิมแชลนลาน
       “อั๊วไม่ได้ตั้งใจนะเจ้ อั๊วก็แค่เล่นตามน้ำไปไม่ให้มีเรื่อง แต่ที่ไหนได้” กิมแชรีบแก้ตัว
       “นี่กิมแช อั๊วไม่ได้ว่าอะไรลื้อซักหน่อย ลื้อทำดีที่สุดแล้ว จะว่าไปแล้วอั๊วโล่งใจด้วยซ้ำนะที่งานวันนี้ล่มลงได้” กิมลั้งยิ้มอย่างไม่คิดอะไร
       “อั๊วก็โล่งใจ” กิมแชเอ่ยกิมลั้งที่มองอยู่ยิ่งลนเข้าไปอีก กลัวพี่สาวจับได้ว่ามีใจให้จาตุรงค์
       “อั๊วโล่งใจที่ในที่สุดเจ้ก็ไม่ต้องหมั้นกับคนที่เจ้ไม่ได้รักยังไง ล่ะ ถ้าพี่ต๋องรู้เรื่องวันนี้คงดีใจน่าดูเลยนะ” กิมแชเอ่ยขึ้นอย่างโล่งใจ
      
       บ่ายนั้นที่ร้านขายของเก่า ต๋องซ้อมร้องเพลงจังหวะกระแทกกระทั้นพูดถึงความอัดอั้นเกี่ยวกับรักที่มี อุปสรรค เลื่อนกับรักเร่เห็นอาการต๋องแล้วรู้สึกแปลกๆใจแอบคุยกันระหว่างซ้อม
       “ลูกพี่เราเป็นอะไรไปวะ กลับมาแทนที่จะดีใจที่แผนสำเร็จ กลับร้องเพลงเหมือนโดนหักอกซะงั้น” เลื่อนเอ่ยขึ้น
       “พี่ต๋องอาจจะแก้เคล็ดก็ได้เว้ย ร้องเพลงตัดพ้อโชคชะตาเข้าไว้ เทวดานางฟ้าจะได้สงสาร ดลบันดาลให้สมหวังในรักแบบจัดหนัก” รักเร่ตอบกลับ
       “คงจริงของเอ็ง อย่าว่าแต่เทวดาเลย ตอนนี้ข้าเห็นข้ายังหดหู่ห่อเหี่ยว ตามพี่แกไปด้วยเลยว่ะ” เลื่อนยังงงกับอาการของต๋องในเวลานี้
      
       เวลาต่อจากเวลานั้น หน้าร้านขายของเก่าที่ต๋องและพรรคพวกชอบมาร้อง ทีมงานรายการของดีเจนุ้ย อีเอฟเอ็ม โดยการนำทีมของคิตตี้มาถึงหน้าร้าน
       “นี่ล่ะค่ะพี่นุ้ย ที่ที่ต๋องกับวงใช้ซ้อมเพลง” คิตตี้รีบรายงาน
       “ว่าแต่ต๋องจะอยู่แน่เหรอคะ” นุ้ยถามกลับ
       “อยู่ซิคะ ลองมีเสียงเพลงดังเล็ดรอดออกมาแบบนี้ ไม่พลาดแน่ ตามคิตตี้มาเลยค่ะ”
       คิตตี้พาทีมงานเดินเข้ามายืนแอบมองที่มุมหนึ่ง ทีมงานเห็นการซ้อมที่ออกมาจากจิตวิญญาณของต๋องถึงกับพากันอึ้ง ต๋องเล่นจนจบเพลง คิตตี้และทีมงานของนุ้ยปรบมือกันดังลั่น ต๋องและพรรคพวกยังงงเมื่อเห็นทุกคนปรบมือ
ขอขอบคุณจาก manager.co.th 
 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น