วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 4

 ภาพิศยิ้มแย้มกับนักข่าว พูดด้วยใบหน้าระรื่น
      
       “ทันทีที่ทราบว่าพี่มีน้อง คุณสรวงก็โทร.มาหาพี่ทันที”
       กรรณนรีมองหน้าภาพิศ ขณะที่นิคกดชัตเตอร์ถ่ายภาพภาพิศและสรวงไม่ยั้ง ภาพิศยิ้มพูดเสียงหวาน
       “วันนี้พอพี่รู้ว่าคุณสรวงจะมางาน พี่เลยเอาดอกไม้มาแสดงความ” เปลี่ยนน้ำเสียงเป็นประชด
       “ขอบคุณคุณสรวง” ยื่นช่อดอกไม้ให้พร้อมรอยยิ้มหวาน “ขอบคุณค่ะ ถ่ายรูปด้วยกันนะคะ”
       พร้อมกันนั้นภาพิศรีบขยับไปยืนข้างสรวง นักข่าวถ่ายรูปกันพรึ่บพรั่บ กรรณนรีมองภาพนั้น รู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับสรวงและภาพิศ
       สุขหฤทัยโมโหมาก เดินดิ่งตรงมาหาอย่างเอาเรื่อง
       “งานของฉัน เธอเสนอหน้ามาทำไม ใครเชิญ” ปรี่เข้าหาด้วยกิริยากร่างเต็มองค์ “ออกไป๊”
       ภาพิศแสร้งทำเป็นถอยหลัง หลบ พร้อมกับแกล้งซวนเซเหมือนจะล้มร้อง “ว๊าย”
       จังหวะที่ภาพิศเหมือนจะล้มแล้ว กรรณนรีและนิครีบเข้าไปประคอง
       กรรณนรีไม่พอใจมาก “คุณภาพิศท้อง ทำไมต้องทำกันอย่างนี้ด้วย”
       “ฉันทำอะไร หล่อนล้มเองต่างหาก อย่ามารยานะภาพิศ” สุขหฤทัยปราดเข้ามาในอาการกราดเกรี้ยว
       กรรณนรีเอาตัวเข้ามาขวาง บอกเสียงเข้ม “อย่านะ”
       สรวงดึงมือสุขหฤทัยออก เผชิญหน้ากับกรรณนรีจังๆ สุขหฤทัยโกรธจัด
       “เธอ” สุขหฤทัยพูดกับสรวง “สรวงจะห้ามทำไม? ไม่เห็นหรือไง ว่ามันแกล้ง”
       นิคพูดสวนออกมา “ไม่มีใครแกล้งหรอก”
       มะยมเสริม “ทำท่าจะตบขนาดนั้น เป็นใคร ใครก็ต้องหลบ”
       “คุณฤทัยไม่ได้ตั้งใจ” สรวงบอก
       กรรณนรีจ้องหน้าสรวงเขม็ง “แต่ถ้าเด็กในท้องคุณภาพิศเป็นอะไร คุณจะว่ายังไง”
       ภาพิศรีบบอกเสียงหวาน “ไม่เป็นไรค่ะพี่ไม่เป็นไร...กำลังจะไปตรวจที่โรงพยาบาลพอดี...จะได้
       ถือโอกาสตรวจเลย...ไม่มีอะไรแล้ว งั้นพี่กลับก่อนนะคะคุณสรวง ขอบคุณอีกครั้งค่ะที่โทร.หาพี่”
       ภาพิศยิ้มให้สรวงก่อนหมุนตัวออกไป นักข่าวอีกกลุ่มวิ่งตามภาพิศ สรวงโกรธมาก
      
       ที่มุมหนึ่งในห้าง สรวงหลบมุมโทร.หาอารักษ์ ซึ่งตอนนั้นอยู่ที่สนามกอล์ฟ
       “ผมไม่ยอมนะครับคุณพ่อ...ต่อให้ภาพิศไปป่าวประกาศ ผมก็ไม่มีวันยอมรับเลือดเนื้อเชื้อไขของผู้หญิงคนนั้นเป็นน้องเด็ดขาด”
       อารักษ์ออกกอล์ฟอยู่กับหมอบุญยิ่ง คุยโทรศัพท์
       “อะไรกันสรวง ภาพิศไปประกาศ ที่ไหน เมื่อไหร่ ยังไง”
       “กลางงานเปิดตัว cool 2012 ยาสีฟันของสุขหฤทัย”
       สีหน้าอารักษ์เครียดเคร่ง บุญยิ่งมองหนักใจแทน อารักษ์บอก “ภาพิศคงไม่ได้ตั้งใจ”
       สรวงเข้ม “เค้าจงใจ เค้าตั้งใจมาครับ แต่ไม่ว่ายังไง ผมขอย้ำผมก็ไม่มีวันรับเลือดเนื้อเชื้อไขของผู้หญิงคนนั้นเป็นน้องเด็ดขาด” วางสายอย่างฉุนเฉียว
       ที่ด้านหลังสรวง กรรณนรียืนฟังอยู่น้ำตาคลอ เจ็บช้ำเสียใจแทนภาพิศ
       “เลือดเนื้อเชื้อไขของผู้หญิงคนนั้นเป็นยังไงคะ”
       สรวงหันมามองตกใจ กรรณนรีพูดต่อเสียงเครือ ประชดประชัน
       “ต่ำต้อย ด้อยค่า เป็นคนจนเหมือนฉัน...แต่ถึงยังไงฉันก็มีศักดิ์ศรี ฉันเองก็ไม่อยากได้เลือดเนื้อเชื้อไขของพวกคุณมาเป็นน้องเหมือนกัน”
      
       กรรณนรีสะบัดหน้าวิ่งเข้าไปในห้าง..สรวงมองตามด้วยแววตาเสียใจ หนักใจ และกลุ้มใจ
       ส่วนที่สนามกอล์ฟขณะนั้น อารักษ์ เอาแต่ถอนหายใจเฮือกๆ ขณะหารืออยู่กับหมอบุญยิ่ง
      
       “ผมเป็นคนกลาง ผมก็ต้องทำแบบนี้ จะให้ผมตัดรอนใครได้ยังไง นั่นก็เมีย นี่ก็เมีย นั่นก็ลูก นี่ก็ลูก หมอเข้าใจผมใช่มั้ย”
       “เข้าใจ...แต่ถ้าผมเป็นสรวง ผมอาจจะไม่เข้าใจ” บุญยิ่งว่า
      
       สรวงนั่งหน้าหงิกหน้างอ อยู่หน้านพ ที่ออฟฟิศ
       “อย่าหาว่าพี่ยุ่งเลยว่ะ นายนั่งกลุ้มอย่างนี้แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร? นายเป็นลูก ทำหน้าที่ลูกให้ดีที่สุดดีกว่า”
       “ผมเป็นลูกทั้งของพ่อของแม่ แล้วผมควรทำยังไงในเมื่อพ่อดีใจ แต่แม่เสียใจ”
       “ดูแลใจแม่ให้ดี เพราะแม่ต้องการกำลังใจ”
       “แล้วพ่อ” สรวงย้อนถาม
       “ก็ปล่อยพ่อไปไง ให้ท่านมีความสุขตามประสาท่าน เพราะตอนนี้ท่านคงไม่ได้คิดถึงสรวง คิดถึงแม่ เพราะท่านกำลังเห่อลูกคนใหม่” นพว่า
       “แล้วพ่อปล่อยให้คนอื่นทุกข์น่ะหรือครับ”
       “พี่ว่าไม่ใช่สรวงทุกข์คนเดียว ลูกของคุณภาพิศที่ถูกทิ้ง เค้าก็ต้องทุกข์ เค้าจะคิดยังไงที่คุณภาพิศมีความสุขกับลูกใหม่ แต่ทิ้งพวกเค้าไป หรือสรวงว่าไม่จริง”
       สรวงนิ่งเงียบ
      
       สรวงขับรถมาตามทาง ก่อนจะหักพวงมาลัยจอดข้างทาง กลุ้มจัด เสียงกรรณนรีก้องในหัว
       “เลือดเนื้อเชื้อไขของฉันเป็นยังไง?” สรวงตัดสินใจขับรถไปทางบ้านกรรณนรี
      
       กรรณนรีเดินมาตามทางในซอยหน้าบ้าน เสียงสรวงดังก้องในหัว
       “ผมก็ไม่มีวันรับเลือดเนื้อเชื้อไขของผู้หญิงคนนั้นเป็นน้องเด็ดขาด”
       กรรณนรีน้ำตาไหล พอเงยหน้าขึ้นมองก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นสรวงยืนอยู่ กรรณนรีจ้องหน้าสรวง สะบัดหน้าเดินหนี สรวงเดินพรวดเดียวมาถึงกรรณนรี คว้าแขนสียงอ่อน
       “เดี๋ยวก่อน....ฉันขอคุยด้วย”
       “จะมาคุยอะไรกับฉัน?ในเมื่อ ฉันคือเลือดเนื้อเชื้อไขของคนที่คุณรังเกียจ”
       กรรณนรีสะบัดแขนออก น้ำตาไหลพราก
       สรวงใจอ่อนยวบ “กรรณรี” เอื้อมมือหมายจะแตะ
       กรรณนรีสะบัดออก ตะคอกเสียงดัง “อย่ามายุ่งกับฉัน รู้ไว้..ถึงเค้าจะไม่ยอมรับฉันเป็นลูก แต่ฉันก็เป็นลูกเค้า ฉันทนไม่ได้ ที่คุณมาเหยียดหยามแม่ ดูถูกแม่เพราะเลือดส่วนหนึ่งในตัวฉันมันคือเลือดของแม่”
       “กรรณรี” สรวงจะคว้าตัวกรรณนรีมากอด
       “หลีกไป” กรรณนรีผลักสรวงวิ่งหนีไป สรวงตะโกน
       “เดี๋ยวก่อน กรรณนรี กรรณนรี” สรวงวิ่งตาม
      
       ไม่นานนัก กรรณนรีวิ่งหนีมาที่ข้างทางริมน้ำใกล้ๆ สรวงวิ่งตามมาจนทันและจะกระชากร่างของกรรณนรีมากอดไว้ในอ้อมแขน
       กรรณนรีดิ้นรนขัดขืนสุดกำลัง “ปล่อยฉัน ปล่อย”
       “ไม่ปล่อย”
       “ปล่อย”
       สรวงบอกเสียงเข้ม “ไม่..จนกว่าเธอจะฟังฉัน”
       กรรณนรียังถูกสรวงกอดเอาไว้ ร้องไห้ออกมา “จะให้ฉันฟังอะไร? คุณคิดว่าฉันอยากมีน้องนักเหรอ พ่อฉัน พี่ฉันไม่มีใครอยากมี โดยเฉพาะเลือดเนื้อเชื้อไขของพวกคุณ” กรรณนรีดิ้นขื่นตัว
       “หยุด! กรรณรี”
       สรวงร้องห้าม พร้อมกับกระชับกอดกรรณนรีแน่น จนกรรณนรีอ่อนแรง ซบหน้าลงกับอกของเขาร้องไห้ สรวงกอดกรรณนรีอยู่อย่างนั้น
       “ฉันเจ็บจากการกระทำของแม่ไม่พอ ฉันยังต้องมาเจ็บกับคำพูดของคุณอีกฉันถามหน่อยคุณสรวง ฉันผิดอะไร ฉันทำผิดอะไร” กรรณนรีสุดกลั้น ร้องไห้โฮออกมา
       “คุณไม่ผิดหรอก ผมผิดเอง ผมขอโทษ”
       สรวงพูดพร่ำ ก่อนจะโน้มหน้าลง ค่อยๆ จูบปลอบกรรณนรีที่หน้าผาก ไล่มาที่จมูกอย่างละมุนละไม สายตาของกรรณนรีและสรวงประสานกัน ก่อนที่สรวงจะบรรจงจูบที่ริมฝีปากของกรรณนรีอย่างแผ่วเบาและตราตรึง
      
       สองคนไม่รู้ว่า ที่อีกมุมหนึ่ง ภรตจอดรถมองอยู่นานแล้ว ด้วยแววตาแสนเจ็บปวดและร้าวรานเป็นที่สุด
        

 ตรงบริเวณข้างทางริมน้ำบรรยากาศสวยงามยามค่ำคืนขณะนั้น สรวงกับกาวมองจ้องหน้ากัน สองคนต่างซึมซับรับรู้ได้ถึงความรู้สึก ‘บางอย่าง’ ที่มีให้กันและกัน กรรณนรีน้ำตาไหล ความรู้สึกน้อยใจพุ่งขึ้นมาอีก กรรณนรีผละออกจะวิ่งหนีไป แต่วิ่งสรวงตามมาคว้าข้อมือกรรณนรีรั้งร่างมากอดแนบแน่น
      
       กรรณนรีตกใจ “คุณสรวง”
       สรวงกอดกรรณนรีอยู่อย่างนั้น “อย่าโกรธฉัน สิ่งที่ฉันทำกับเธอ มันไม่ใช่ความมักง่าย”
       กรรณนรีหันมามองสรวงทั้งตกใจทั้งแปลกใจ สรวงพูดต่อเสียงแผ่ว
       “เธอรู้ใช่มั้ย...จริงๆ แล้ว ฉันรู้สึกยังไงกับเธอ”
       ได้ฟังลึกๆ แล้วกรรณนรีดีใจ “คุณสรวง” มองสบตา “แต่มันเป็นไปไม่ได้” น้ำตารินไหล “และเราก็ไม่ควรเจอกันอีก” กรรณนรีผลักสรวงออกแล้ววิ่งหนีไป
       สรวงตะโกนเรียก “กรรณนรี..กรรณนรี”
       ทว่ากรรณนรีไม่ยอมหันกลับมา สรวงยืนนิ่ง สับสนว้าวุ่นใจหนัก
      
       กลับถึงบ้านกรรณนรีเปิดประตูเข้ามาในห้อง ร้องไห้ บอกตัวเองอยู่ในใจอย่างเจ็บปวด
       “ทำไมๆ ต้องเกิดเรื่องแบบนี้กับเรา....อย่านะกาว ห้ามใจไว้ อย่ารู้สึกอะไรกับเค้าเด็ดขาด”
       กรรณนรีเช็ดน้ำตา ทำเป็นฮึดเข้มแข็ง แต่สุดท้ายน้ำตาก็ไหลรินออกมาอยู่ดี
      
       สรวงขับรถมาตามทาง ก่อนจะหักเลี้ยวเบนรถเข้าจอดที่ข้างทาง สีหน้าเครียดจัด พูดอยู่ในใจ
       “อย่านะสรวง...กรรณรีคือลูกของศัตรู”
       สรวงซบหน้าลงกับพวงมาลัย เครียดมาก
      
       คืนเดียวกันนั้นภาพิศเอนกายกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ ยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาก่อนหยิบมือถือขึ้นมากดโทร.ออก
       เวลาเดียวกันสุดาอยู่ที่บ้านคว้ามือถือ เห็นเบอร์ก็ตาวาว “นังภาพิศ” สุดากดรับสาย
       จังหวะนั้นอารักษ์เดินถือแก้วนมเข้ามา ภาพิศรีบเอามือถือวางไว้ข้างๆ ตัว ตั้งใจให้สุดาได้ยินทุกอย่าง
       “ดื่มนมแล้วก็พักผ่อนเยอะๆ อยากทานอะไรบอกพี่ พี่จะหามาให้”
       “คุณพี่หาให้ภาทุกอย่าง จนภาไม่อยากได้อะไรแล้วค่ะ”
       สุดาฟังอยู่ กำมือถือแน่น ดวงตามีแต่ความสะเทือนใจ ยินเสียงอารักษ์หัวเราะ
       “ก็พี่รักภา รักลูกของพี่นี่”
       “ภาก็รักคุณพี่คะ....เหนื่อยมากมั้ยคะวันนี้ เดี๋ยวภานวดให้” ภาพิศนวดให้
       “พี่สิต้องนวดให้ภา...คนท้องคนไส้ ร่างกายต้องผ่อนคลายรู้มั้ย”
       ภาพิศหัวเราะออดอ้อน รสุดาน้ำตาไหลพราก อกแทบระเบิด สีหน้าเจ็บปวดมาก
      
       ภรตนั่งอยู่ในผับแห่งหนึ่ง ดื่มอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน กาวินทร์เดินเข้ามาเห็นก็แปลกใจ
       “อ้าว!ภรต ทำไมมานั่งดื่มอย่างนี้ล่ะ? ปกตินายไม่เคยเป็นอย่างนี้นี่หว่า”
       “ก็ทำอะไรที่มันไม่ปกติมั่ง” ภรตพูดเสียงประชด
       กาวินทร์ยิ้มขำ “ประชด แสดงว่าต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ ภรตถึงได้ทำตัวผิดคอนเซ็ปท์ผู้ชายที่แสนดี เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ”
       “ไม่รู้จะทำตัวดีไปทำไม สุดท้ายผู้หญิงก็ชอบคนเลวอยู่ดี โดยเฉพาะ..พวกปากว่ามือถึง” เดินออกไป
       กาวินทร์งง “ภรต ภรต” รีบตามไปทันที
       สุขหฤทัยอยู่ที่อยู่อีกมุมเห็นพอดี “พี่ยัยนักข่าวคนนั้นนี่” รีบตามไปติดๆ
      
       ภรตเดินออกมาหน้าผับ กาวินทร์ตามออกมา
       “เดี๋ยวก่อนภรต เดี๋ยวก่อน อย่าบอกนะว่านายพูดถึงกาว”
       “แกก็รู้ว่าฉันชอบใคร?”
       กาวินทร์ตกใจ “กาว กาวทำอะไร”
       “กาวไม่ได้ทำ แต่คุณสรวง...” อึดอัดใจพูดไม่ออก รู้สึกเจ็บช้ำ “คุณสรวง”
       จังหวะเดียวกันสุขหฤทัยเดินออกมาได้ยิน ในขณะที่กาวินทร์ถามแทบตะคอก
       “ทำไม? ไอ้หมอนั่นทำอะไรกาว”
       “ไม่ถือว่าเค้าทำอะไรกาวหรอก” น้ำเสียงขมขื่นใจมาก “เพราะกาวเต็มใจให้เค้าทำ” ภรตเดินเข้าไปในผับ
       กาวินทร์ตกใจมาก “ไอ้สรวง” เดินออกไปที่ลานจอดรถ
       สีหน้าสุขหฤทัยทั้งโกรธทั้งตกใจ กับเรื่องที่ได้ยิน
      
       กาวินทร์หน้าเครียดเดินตรงไปที่รถ สุขหฤทัยตามมา ตะคอก วางอำนาจใส่
       “แกยังไปไม่ได้
       กาวินทร์หันกลับมามอง พอเห็นเป็นสุขฤทัยก็ยิ้มแสยะ เอื้อมมือมาจับประตูรถไม่สนใจ
       สุขหฤทัยโกรธมากถลันมาขวางที่ตรงหน้า “เอ๊ะ!แกนี่ไม่ได้ยินรึไง ฉันบอกยังไปไม่ได้”
       กาวินทร์โกรธมากรุ่นๆ “เป็นบ้าหรือคุณ หลีกไป”
       “ไม่หลีก! จนกว่าแกจะฟังฉัน รู้ไว้น้องแกน่ะแย่งแฟนฉัน”
       กาวินทร์โกรธ ก่อนจะเปลี่ยนท่าทีเป็นยิ้มเย้ย “ไม่มีทาง เพราะคนอย่างคุณ คงไม่มีใครเอามาเป็นแฟน”
       “ไอ้” สุขหฤทัยเงื้อมือจะตบ
       กาวินทร์จับข้อมือหมับ “หยุด! ผมไม่อยากมีเรื่องกับผู้หญิง” ผลักมือออก แล้วเดินหนีไปทางรถที่จอดอยู่
       สุขหฤทัยมองตามโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ลูกน้องพ่อสุขหฤทัยที่คอยอารักขา 2 คนเดินออกมาพอดี
       “จัดการ” สุขหฤทัยสั่งเสียงกร้าว
       ลูกน้องตามกาวินทร์ไป และก่อนที่กาวินทร์จะขึ้นรถ ลูกน้องสุขหฤทัยก็ชกและอุ้มไปอย่างรวดเร็ว
      
       รถของกาวินทร์แล่นมาจอดโดยมีลกน้องสุขฤทัยเป็นคนขับมา ตามด้วยรถของสุขหฤทัย ก่อนที่พวกลูกน้องจะลากกาวินทร์ลงมา จัดการซ้อมจัดหนักชนิดรุมยำบาทา จนทรุดตัวลงไปนอนกองกับพื้น กาวินทร์ยังพอมีสติ เห็นสุขหฤทัยเดินถือขวดน้ำเข้ามา
       “ถึงแกจะไม่อยากมีเรื่องกับฉัน แต่ฉันอยากมีเรื่องกับแก” สาดน้ำเข้าใส่หน้ากาวินทร์เต็มๆ “จำไว้! ถ้าน้องแกยังหน้าด้านมายุ่งกับแฟนฉัน มันโดนดีแน่”
       สุขหฤทัยหันหน้ากลับออกไป พร้อมลูกน้อง กาวินทร์มองตาม สีหน้าโกรธจัด
      
       รุ่งเช้าขณะที่กรรณนรีเดินลงบันไดมาจากบนบ้าน เห็นพ่อทำแผลให้พี่ชาย ยินเสียงเกริกบ่น
       “พ่อล่ะกลุ้มจริงๆ เมื่อไหร่แกจะเลิกนิสัยใจร้อนอย่างนี้ซะทีแก้ว”
       “ก็พวกมันหาเรื่องผมก่อน”
       กรรณนรีอยากรู้ “ใครพี่แก้ว”
       กาวินทร์เงยหน้ามองหน้ากรรณนรีอย่างไม่พอใจ แต่เกริกพูดแบบระอา
       “จะใคร? ก็พวกที่ผับล่ะสิ ใช่มั้ย? กินเหล้าเข้าไปเมา แล้วก็เที่ยวแย่งผู้หญิง”
       “ผมไม่เคยหาเรื่องใครก่อน ถ้าไม่จำเป็น” กาวินทร์โกรธเดินออกไปขึ้รถ
       เกริกมองตามอย่างหัวเสีย “ดูมันทำกับพ่อกาว ดูมัน” ตะโกนไล่ส่ง “แย่งผู้หญิงจำเป็นมาก
       เลยใช่มั้ยแก้ว เฮ้อ”
       กรรณนรีมองตามกาวินทร์อย่างไม่พอใจ ก่อนจะตามออกไป เกริกนั่งอยู่แป๊บ ถอนใจเฮือกเดินตามออกไปอีกคน
      
       กรรณนรีเดินตามกาวินทร์ที่ผลุนผลันไปที่รถ ร้องถาม
       “ทำไมพี่แก้วชอบทำให้พ่อกลุ้มใจ”
       “คำถามนี้ แกควรถามตัวเองมากกว่ากาว”
       กรรณนรีมองอย่างงงๆ กาวินทร์ถามอย่างฉุนเฉียว “แกไปยุ่งกับไอ้สรวงทำไม”
       กรรณนรีตกใจ “ก็กาว...ต้องทำงานกับเค้า”
       กาวินทร์เย้ย “งานอะไร? มันถึงได้ถูกเนื้อต้องตัวแกยังกับผู้หญิงราคาถูก”
       กรรณนรีตกใจที่ถูกพี่ชายด่าแรงๆ “พี่แก้ว”
       “ไม่ต้องมาตีหน้าซื่อ รู้เอาไว้” ชี้หน้าตัวเอง “ที่ฉันเป็นแบบนี้ก็เพราะเมียไอ้สรวงมันทำ” โมโหมาก “แกนะแกกาว ทำไมเป็นคนแบบนี้ แม่เป็นเมียน้อยไม่พอ แกยังจะหน้าด้านเป็นเมียน้อยเค้าอีก”
       เกริกเดินออกมา ส่วนอีกมุมคือสองป้าที่จะเดินเข้าบ้านพอดี สามคนได้ยินเต็มหู
       กรรณนรีน้ำตาคลอ พูดใส่หน้าพี่ชายเสียงสั่น “กาวไม่ได้เป็นเมียน้อยใคร และไม่เคยคิดจะเป็นด้วยถ้าคนที่กาวรัก เค้ามีเมียอยู่แล้ว กาวยอมกัดลิ้นตัวเองตาย ดีกว่าไปเป็นเมียน้อยเค้ารู้ไว้”
       กรรณนรีวิ่งออกไป กาวินทร์หัวเสียเดินไปขึ้นรถ เกริกอึ้ง สองป้ามองเห็นใจ
      
       เกริกคว้าขวดเหล้าออกมาเทใส่แก้งเพื่อดื่มย้อมใจ สองป้าตามมา ป้าจักจั่นหัวเราะแหะๆ
       “แก้วอาจจะแฉแต่เช้า แต่พ่อเกริกไม่ต้องดื่มแต่เช้าก็ได้นะ”
       เกริกจะดื่ม สองป้าคว้าห้ามไว้
       “น่า! อย่าคิดมาก ฉันว่ากาวมันไม่ได้เป็นเมียน้อยเหมือนแม่มันหรอก อุ๊ปส์!” ป้าจักจั่นว่า พลางถลึงตาใส่ ป้าตั๊กแตน ก่อนจะหันมาพูดกับเกริก “จริง!ฉันว่ากาวไม่ได้เป็นเมียน้อยใครหรอก ท่าทางไอ้หนุ่มคนนั้นยังไงก็ไม่มีเมีย”
       เกริกตกใจ “คนไหน”
       ตั๊กแตนรีบรายงาน “ก็ไอ้หนุ่มหน้ามลคนหล่อที่เคยมาหาพ่อเกริกไง”
       จักจั่นเสริม “วันนั้นที่มาเค้าคงอยากคุยกับพ่อเกริกล่ะ คงสำนึกผิด กะสารภาพกับพ่อตา”
       เกริกชักจะงงหนัก “สำนึกผิด สารภาพอะไรป้า”
       “ก็ที่เค้ากอดจูบกาวไง” ปั้นจักจั่นว่า
       “ดีไม่ดี เค้าอาจจะคุยกับพ่อเกริก เรื่องของกาวแต่งงานก็ได้นะ” ป้าตั๊กแตนบอก
       “ก็เป็นไปได้ หน้าบ้านยังเท่านี้ ป่านนี้คงไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว” ป้าจักจั่นผสมโรง
      
       เกริกตาเหลือก ตกใจมากกับเรื่องที่ได้ฟัง

 ขณะนั้น นพคุยอยู่กับเลขาที่หน้าห้องทำงานสรวง
      
       “ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์นี้ผมไม่ว่างนะ ถ้าจะประชุมขอเป็นจันทร์หน้าแล้วกัน”
       “ค่ะ”
       จังหวะนั้นกรรณนรีเดินหน้าบึ้งตึงเข้ามา พอมาถึงก็ไม่มองและไม่ทักใคร เลขาร้องลั่นเข้ามาห้าม
       “คุณคะ เข้าไปไม่ได้นะคะ”
       “ฉันมีธุระด่วนกับคุณสรวง” กรรณนรีบอกเสียงดัง
       “คุณสรวงติดงานอยู่ค่ะ”
       “ฉันก็มีงาน จะคุยกับเค้าเหมือนกัน” กรรณนรีเปิดประตูเดินเข้าไป อาการฉุนเฉียว
       “เอาละเว้ย นายสรวง งานเข้า”
       กรรณนรีบุกเข้าไป เลขามองหน้านพเป็นเชิงถาม นพพยักหน้าให้เลขาทำนองปล่อยไป เลขาตกใจ
      
       สุขหฤทัยนอนหลับอยู่บนเตียง เสียงมือถือแผดเสียงดังลั่น
       “โอ๊ย! ใครโทร.มาแต่เช้า....คุณหญิงแม่แน่เลย”
       สุขหฤทัยเอาหมอนปิดหน้าปิดหูตัวเอง ไม่กล้ากดสายทิ้ง เสียงโทรศัพท์ดังไม่หยุด
       “คุณหญิงแม่ตามจิกอย่างนี้ มิน่า คุณลุงถึงได้เตลิด เฮ้อ!” จำต้องรับสายทั้งที่ตาหลับ “ขา...คุณหญิงแม่”
       “โถ…แค่นิ้วนางโทร.มาบอกตามที่คุณฤทัยสั่ง ไม่ต้องเรียกว่าแม่ก็ได้ค่ะ” เป็นเลขาสรวง ชื่อนิ้วนาง โทร.มา
       สุขหฤทัยลืมตา “เธอเองเหรอยัยนิ้วนาง?” ตวาดแว๊ด “โทร.มาทำไมแต่เช้า”
       “ก็คุณฤทัยสั่งว่า ถ้ามีผู้หญิงมายุ่งกับคุณสรวงให้รีบโทร.บอก”
       สุขหฤทัย ตาโต ตื่น หายง่วงทันที “ใครมายุ่งกับสรวง”
       “นักข่าวที่ชื่อกาวค่ะ” เลขาบอก
       ฤทัยชะงัก “นังกาว”
      
       สรวงคุยงานอยู่ในห้อง “ผมว่าตรงนี้ยังไม่ค่อยดี แก้แบบใหม่ดีกว่า”
       “ครับ” พนักอีกคนบอก
       จู่ๆ กรรณนรีเดินหน้าบึ้งเข้ามา สรวงหันไปมอง ก่อนจะพยักหน้าให้พนักงาน สักครู่หนึ่งพนักงานจึงเดินออกไป
       ทันทีที่ประตูปิด สรวงก็ถาม
       “มีอะไรกรรณรี”
       แทนคำตอบ กรรณนรีตบเผียะเข้าที่ใบหน้าสรวงอย่างแรง
      
       ทางด้านมะยมซึงมีที่ท่าทีโรยๆ อาการเหมือนคนไม่สบาย กำลังกวาดสายตามองไปรอบๆ ทุกสิ่งอย่างในกรอบสายตาเห็นเป็นภาพพร่าเลือนไปหมด แถมหมุนติ้วๆ มะยมพูดอย่างอ่อนเปลี้ย
       “ไหนแหล่งข่าวบอกว่า พี่ ว. รีเทิร์น น้อง พ. แล้วแอบมาเช่าคอนโดอยู่ด้วยกันแถวนี้ ทำไมไม่เห็นเนี่ย? โอย..คนยิ่งปวดหัวๆ อยู่ ไปเล่นซ่อนหากันที่ไหน” มือถือดังลั่น มะยมรับ “มะยมค่ะ
       เป็นนพโทร.มาจากบริษัทสถาปนิก “มีเรื่องอะไรกันคุณ ทำไมจู่ๆ คุณกาวถึงได้บุกมาหานายสรวง”
       มะยมงง “กาวบุกหาคุณสรวง”
       “ฮื่อ! หน้าตาไม่ดีเลยครับ ไม่รู้มีเรื่องอะไรกัน”
       “มะยมอยู่แถวนี้พอดี เดี๋ยวเข้าไปค่ะ” มะยมวางสายไปอย่างงงๆ “มีเรื่องอะไรยัยกาว”
      
       สรวงถอยหลังกรูดหน้าเหวอ ขณะที่กรรณนรีย่างเท้าเข้าไปหา
       สรวงงวยงง “ตบผมทำไม”
       “ไปถามคุณขี้ไคลแฟนคุณดีกว่า ว่าฉันตบคุณทำไม? ฟังนะ ถึงเค้าจะเป็นแฟนคุณ แต่เค้าไม่มีสิทธิ์ตามไปราวีฉัน ครอบครัวฉัน เพราะฉันไม่ได้เป็นอะไรกับคุณ..โดยเฉพาะ “เมียน้อย” คุณ” กรรณนรีกระแทกเสียงใส่
       สรวงงงหนัก “เฮ้ย! เมียน้ง เมียน้อยอะไรกันคุณ ผมยังไม่มีเมีย”
       “จะมีไม่มี คุณไปคุยกับคุณขี้ไคลเอง ที่ฉันมาที่นี่ แค่บอก อย่าให้คนของคุณมายุ่งกับฉันอีก” กรรณนรีขึ้นเสียง
       “เค้าทำอะไรคุณ”
       “ไปถามเค้าเอง” กรรณนรีหันตัวจะกลับ
       “คุณน่ะแหละต้องตอบผม”
       พนักงาน เดินผ่านไปมามองทะลุกระจกเข้าไป เห็นสรวงคว้ามือกรรณนรี
       “มานี่”
       “ปล่อยฉันนะคุณ ปล่อย” สรวงไม่สน ลากกรรณนรีออกมา
      
       นพยืนหน้านิ่ว มองเข้าไปด้านในและด้านหน้า อาการห่วงหน้าพะวงหลัง
       มะยมวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามายกมือไหว้พลางถาม “กาวล่ะคะ”
       “อยู่ในห้องนายสรวง”
       นพพูดแค่นั้นก็ตาค้าง เมื่อเห็นสรวงลากกรรณนรีออกมา กรรณนรีร้องลั่น
       “ปล่อยฉันนะคุณสรวง ปล่อย”
       นพกับมะยมตกใจตาค้าง สองคนถามในทำนองเดียวกัน แทบจะพร้อมๆ กัน
       “อะไรกันสรวง” / “อะไรกันกาว”
       สรวงบอกเสียงเข้ม “ผมมีเรื่องต้องคุยกับกรรณรี”
       พูดจบสรวงก็ลากกรรณนรีผ่านหน้านพกะมะยมไป สองคนมองหน้ากัน
       “จะคุยหรือจะฆ่าหั่นศพกันเนี่ย?” นพว่า
       มะยมบอกท่าทีโรยแรง ไม่สบาย “ตามไปดีกว่าค่ะคุณนพ”
       “ไป” นพรีบตามไปเร็วรี่
      
       สรวงหน้าเข้มขับรถมาตามทาง ขณะที่กรรณนรีร้องกรี๊ดๆ บอกให้จอดรถ
       “หยุดเดี๋ยวนี้นะคุณสรวง คุณจะพาฉันไปไหน”
       สรวงตะคอก “สงบสติอารมณ์”
       กรรณนรีสวนคำ “ฉันไม่ได้บ้า”
       “สิ่งที่คุณทำเค้าเรียกว่าบ้า และคุณกำลังทำให้ผมบ้าเหมือนกัน”
       พูดจบสรวงเร่งเครื่องยนต์ รถทะยานไปเร็วกว่าเดิมอีก กรรณนรีร้องลั่น
       “หยุดนะคุณสรวง หยุด”
      
       นอกจากสรวงไม่หยุด ยังเร่งเครื่องขับรถแล่นทะยานไปอย่างรวดเร็ว
 

source: manger.co.th 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น